ตอนที่ 296 วุ่นวายปั่นป่วน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 296

วุ่นวายปั่นป่วน

เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!ร่างของอาวุโสเทียนหมิงและมารราคะที่กําลังสู้กันอยู่บนท้องฟ้าเคลื่อนไหวไปมาบนอากาศอย่างรวดเร็วจนคนด้านล่างได้แต่มองอยู่เฉยๆในที่นี่หากอาวุโสเทียนหมิงทําอะไรไม่ได้พวกมันก็คงได้แต่นอนรอความตายเท่านั้นทําได้แต่ภาวนาให้ท่านปราบมารร้ายลงได้

“อ้า”ราคะร้องออกมาหลังจากโดนดัชนีกระบี่ของอาวุโสเทียนหมิงเข้าไป ความรู้สึกแสบร้อนนี้หรือว่าเจ้าแก่นั่นก็ฝึกวิชาเทวะปราบมารเหมือนกัน

 

“ข้าคิดเอาไว้แล้วว่าสักวันพวกเจ้าต้องกลับมา” อาวุโสเทียนหมิงพูดพลางปล่อยแสงสีขาวออกมาจากร่างกาย 5 ปีที่ผ่านมามันได้ขอเคล็ดวิชาเทวะปราบมารมาจากอู่หมิงเพราะสัมผัสได้ถึงความวินาศ ที่พวกมารกําลังจะก่อทําให้อาวุโสเทียนหมิงที่มีพลังด้อยกว่ามารราคะไปแล้วยังสามารถสู้กับนางได้อย่างสูสี

 

“กิ้วววว” อยู่ๆมารราคะก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งมาจากด้านล่างมันคืออสูรปักเป้านั่นเอง

เปรี้ยง!! อสุรปักเป้ายังไม่ทันจะบินขึ้นมาหามาราคะร่างของมัน ก็โดนรากไม้สีดํากระแทกจนเซไปเสียก่อน

“ไอ้ปลาลูกโปง แกต้องมาเจอข้า”อัตตาว่าพลางพุ่งตัวเข้ามาหาอสูรปักเป้าตัวมันคราวก่อนเจออสูรปักเป้าไล่ต้อนเสียหมดท่า แต่คราวนี้มันเตรียมการมาเรียบร้อยแล้ว

“ลองหนีออกมาให้ได้สิเจ้าลูปโปง”อัตตาพูดพลางปล่อยรากไม้ สีดํารัดร่างของอสูรปักเป้าเอาไว้

“กิ้วว”อสูรปักเป้าพยายามจะขยายร่าง แต่รากไม้สีดํานี่กลับเหนียวและแข็งแรงจนน่ากลัว ทําเอาอสูรปักเป้าเองยังหนีออกมาไม่ได้แถมจะขยายร่างก็โดนรัดจนเจ็บอีกต่างหาก

 

“หึหึ เมล็ดพันธุ์รากไม้เหล็กดําใช้ได้ผลจริงๆ” อัตตาหัวเราะพลางมองอสูรปักเป้าที่ยังหนีออกมาไม่ได้ แม้จะเป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นสูง แต่ตัวอสูรปักเป้าไม่มีกรงเล็บจะฉีกรากไม้ก็ทําไม่ได้ฟันของมันเองก็กัดไม่ถึงเพราะรัดอยู่รอบๆร่างของตนเองอีกต่าง หาก

 

“ฆ่าพวกไม่เชื่อฟังให้หมด” อัตตาว่าพลางหัวเราะออกมาเสียงดังมันใช้เวลานานมากในการหาเมล็ดพันธุ์รากไม้เหล็กดํามาเรียกได้ว่าทั้งอาณาจักรโฮมีแค่เมล็ดเดียวเท่านั้น แต่มันก็คุ้มค่ามากแล้วที่สามารถกักตัวอสูรปักเป้าเอาไว้ได้

 

ตูม!! ร่างของอัตตาร่อนลงมายังพื้นเบื้องล่างพลางหวาดสายตามองไปรอบๆ พวกที่ไม่เชื่อฟังราคะมีจํานวนเกือบครึ่งเลยทีเดียวทําให้การต่อสู้ค่อยข้างสูสีและวุ่นวาย แต่ทางนี้ยังมีมารอยู่อีก 3 ตนเชียวนะ

ปัก! ร่างของอัตตาที่พึ่งลงมาที่พื้นอยู่ๆก็โดนร่างน้อยๆเดินเข้ามาชนทําให้มันเห็นว่ายังมีเด็กๆอยู่อีกหลายคนที่กําลังพยายามหนี

“พวกหนู จะไปไหนกัน”อัตตาถามพลางยิ้มกว้าง มันเลี่อนฝ่ามือไปทางเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามัน พลางยิ้มบางๆออกมา

 

เปรี้ยง!! ร่างของอัตตาโดนกระเล็บสีขาวกระแทกหน้าเข้าอย่างจัง กําลังมหาศาลนั่นทําเออาแม้แต่อัตตาเองยังตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนที่โจมตีมันได้อยู่ที่นี่อีก

 

“ออกไปจากไปน้อยนะ”ไปไปคํารามพลางคืนร่างมังกรของนางในทันทีพริบตานั้นปีกสีขาวทั้ง 6 ก็สยายออกมาสะท้อนแสงจันทร์ดูแล้วสง่างามจนทําเอาอัตตาเผลอหยุดมองไปครู่ใหญ่

ฉีกๆๆ ปีกทั้ง 6 ข้างของไปไปแทงเข้ามาใส่ร่างของอัตตาแต่มันก็ยังสามารถเรียกรากไม้ออกมาป้องกันเอาไว้ได้ทัน หากวัดกันตามจริงพลังของมันยามนี้เหนือกว่ามังกรธรณีเสียอีก

“ไปน้อย หนีไปก่อน”ไปไปว่าพลางขยับปีกของตนเพื่อตัดรากไม้รอบๆ ปีกหินอ่อนของนางที่เหมือนจะแข็งจนขยับไม่ได้ ตามต้องสู้จริงกลับเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต

 

ฟีบๆๆ รากไม้ของอัตตาพุ่งเข้ามาพันร่างของไปไปเอาไว้ก่อนที่อัตตาจะเอากระบี่แทงใส่ไปไปอย่างจัง

 

เครั้ง!! กระบี่ของอัตตาทําได้แค่กะเทาะหินอ่อนชั้นนอกของไปไปได้เท่านั้นร่างของนางแข็งแกร่งกว่าที่คิดหลายเท่าเลยทีเดียว

เปรี้ยง!! หางของไปไปอักเข้าใส่ร่างของอัตตาเข้าอย่างจังทําเอามันลอยไปติดกําแพงด้านหลังในทันที

 

ฟุบ!! ร่างของหงเยว่ปรากฏอยู่เหนือร่างของอัตตา ก่อนที่นางจะกัดเข้าที่คอของอัตตาอย่างจัง

 

“อากก” อัตตาร้องออกมาพลางปัดหงเยว่ออกไป ทําเอานางถูกซัดปลิวไปอีกทาง

 

“พี่หงเยว” หลินหลินรีบวิ่งเข้าไปดูหงเยว่ทันที เพราะนางมีพลังอ่อนที่สุดในอสูรของไปจูเหวิน แต่ยังโชคดีที่โดนเหวี่ยงมาเมื่อครู่จะไม่ทําให้หงเยว่บาดเจ็บหนักเท่าไหร่

 

“พิษแมงมุม..”อัตตากัดฟันกรอดพลางเอายาออกมาจากมิติของมันแล้วกินเข้าไปในทันที พริบตานั้นรอยกัดของหงเยว่ที่เกือบจะเป็นสีดําไปแล้วก็เริ่มกลับมาเป็นสีเนื้อปกติทันที แม้จะยังมีสีม่วงจางๆอยู่บ้าง แต่พิษถึงตายกลับไร้ผลทําเอาหงเยว่ได้แต่เจ็บใจหากศัตรูไม่ได้พกยามาคงตายไปแล้วแท้ๆ

 

“ตายซะ” อัตตาว่าพลางพุ่งเข้ามาหมายจะฟันหงเยวให้ตาย แต่ข้างกายของหงเยวมีหลินหลินอยู่นางรีบยกแขนสองข้างขึ้นป้องกัน กระบี่ของอัตตาทันที

 

เครั้ง!! เกราะของหลินหลินแข็งแกร่งจนน่าขนลุก แม้แต่ร่างของไปไปก็ยังแข็งแกร่งได้ไม่เท่านาง ทําเอากระบี่ของอัตตาหยุดอยู่แค่ที่แขนของหลินหลินทันที

ฟุบๆๆๆ ใยแมงมุมสีขาวที่ปล่อยไอเย็นออกมาพุ่งเข้ามาหาอัตตาทันที่ทําเอาอัตตารู้สึกเย็นวาบที่ขาของมัน แต่ยังไม่ทันจะหันไปมองว่าใยแมงมุมมาจากไหน ปีกสีขาว 6 ปีกก็พุ่งเข้ามาแทงร่างมันจากอีกด้านเสียก่อน

 

ฉีกๆๆๆ แม้จะรู้ตัวทําให้เลี่ยงจุดตายไปได้ แต่ปีกของไปไปก็แทงเฉือนร่างของมันไปหลายจุดที่เดียว

“เลือดสีดําด้วย” หลินหลินว่าพลางเบ้ปากมองเลือดที่ไหลออกมาจากร่างของอัตตา แน่นอนนั่นเพราะมันเอาร่างของคนตายมาใช้ยังไงล่ะ

“ไปไป รีบฆ่ามัน” หงเยวว่าพลางใช้ใยแมงมุมของนางรัดร่างของอัตตาเอาไว้

 

เปรี้ยง! ปีกของไปไปยังไม่ทันจะขยับ ร่างของนางก็โดนกระสุนวายุจากตะกละกระแทกเข้าอย่างจัง ทําให้นางพลาดที่จะตัดคออัตตาไป

“พวกแก” อัตตาคํารามก่อนจะเรียกเอารากไม้จํานวนมากออกมาแทงใส่พวกไปไป แม้จะแทงไม่เข้า แต่ก็ทําให้พวกไป ไปลอยหรือออกไปจากวังหลวงได้

 

“ พวกแกจัดการพวกมนุษย์ ข้าจะจัดการนั่งอสูรพวกนี้เอง” อัตตาว่าพลางพุ่งตัวตามร่างของไปไปไป

 

“กรีดดดด” เสียงร้องของชาวเมืองหลวงดังขึ้นเมื่อร่างของไปไปลอยมาทางพวกมัน แต่เพราะไปไปเป็นมังกรที่บินได้อยู่แล้ว นางเลยใช้ปีกทั้ง 6 ข้างพยุงตัวเอาไว้ทําให้เมืองที่อยู่ด้านล่างไม่เสียหายแต่ภาพของมังกรขนาดใหญ่ที่กําลังต่อสู้อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่ทําให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยแต่อย่างไร

 

โครมมม!! ร่างของแมงมุมหยกตัวใหญ่มหึมายิ่งทําให้ชาวเมืองใจหายวาบตอนนี้พวกมันเริ่มออกวิ่งไม่สนใจบ้านเรือนของตนเองกต่อไปแล้ว

 

“ไอ้พวกแมลง” อัตตากัดฟันกรอดพลางมองแมงมุม 3 ตัวที่กําลังจ้องมาทางมันพอคืนร่างแล้วแต่ละตัวขนาดใหญ่มหึมาทั้งนั้นท่าทางมันจะคิดผิดหรือเปล่าที่เอาพวกนางออกมาสู้ด้านนอก

 

เปรี้ยง!! ร่างของไปไปพุ่งวาบเข้ามาหาอัตตาอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรมารดาของนางก็เป็นมังกรบินเมื่อต่อสู้บนอากาศนางย่อมแข็งแกร่งกว่าต่อสู้บนพื้นอยู่แล้ว

 

คลื่นนนน….อยู่ๆอัตตาก็เรียกรากไม้ออกมาป้องกันตัวเองเป็นจํานวนมากเรียกได้ว่าปรากฏต้นไม้จํานวนมากรอบๆเมืองหลวงเลยทีเดียว

 

โครม!! ต้นไม้กึ่งอกขึ้นมามัดรวมกันจนมีรูปร่างเหมือนมนุษย์คนหนึ่งที่มีขนาดพอๆกับพวกหลินหลินทันที พวกมันใช้แขนขาโจมตีพวกหลินหลินอย่างรุนแรงทําเอาหงเยวที่พลังน้อยที่สุดลําบากเอาเรื่อง

 

โครมมม! หลินหลิน กับ ไปไปใช้แรงของตนเองกระแทกทหารต้นไม้ยักษ์ของอัตตาจนล้ม แต่พวกมันกลับไม่ตายง่ายๆ พวกมันล้มลงก็เลื้อยไปตามร่างของหลินหลินที่ยืนอยู่บนพื้น ทําให้หลินหลินรู้สึกหนักไปทั้งตัว

ฉับ! ไปไปบินวนรอบร่างของหลินหลินรอบหนึ่งเพื่อตัดรากไม้ของอัตตาปีกของนางคมมากแต่ก็ตัดร่างของหลินหลินไม่ได้ ทําให้นางสามารถตัดรากไม้ได้อย่างไร้กังวล แต่กับหงเยว่และปิงปิงกลับทําแบบนี้ไม่ได้

 

แกรัก… ปิงปิงแช่แข็งรากไม้จนเป็นน้ําแข็งก่อนจะหักมันออกมาเองส่วนหงเยวนั้นคายพิษลงไปบนพื้นทําให้รากไม้เริ่มตายไปช้าๆ

 

ตูม! ไปจูเหวินที่อยู่ด้านบนเมืองกระโดดเข้ามาหาตะกละในทันทีฝ่ามือเพลิงพิโรธของมันกระแทกเข้าใส่ร่างของตะกละอย่างจังแต่ไขมันของมันก็ป้องกันแรงกระแทกได้ดีเช่นเดิมแถมตอนนี้มันยังอยู่ระดับเจ้าสวรรค์แล้วด้วย

“แกอีกแล้ว”ตะกละว่าพลางจ้องไปจูเหวินที่เข้ามาโจมตีมันแต่คราวนี้มันจะไม่แพ้ไปจูเหวินง่ายๆอีกแล้ว

 

“ให้ช่วยไหม” อูหมิงว่าพลางใช้กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ที่เคลือบสายฟ้าเอาไว้แทงเข้าใส่พึ่งของตะกละด้วยกระบวนท่าอัสนีข้ามฟ้า

“เจ้าไปจัดการอีกตัวเถอะ”ไปจูเหวินว่าพลางรวบรวมพลังปล่อยฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึกใส่ร่างของตะกละ หากเป็นก่อนหน้านี้มันคงโดนฝ่ามือนี้พัดผลิวไปแล้ว แต่น้ําหนักที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของตะกละกลับทําให้มันยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้

“ตัวนั้นเหม่ยหลินกําลังสู้อยู่” อูหมิงว่าพลางมองไปทางโลภะตอนนี้คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ามันคือเหม่ยหลินภรรยาของไปจูเหวินนั่น

เอง

 

“เอาจริงๆนะ นางเก่งกว่าพวกเราไปแล้วไม่ใช่หรือไง”อู่หมิงว่าพลางใช้กระบี่แทงใส่ร่างของตะกละ แม้จะแทงไม่เข้าแต่ด้วยพลังเทวะปราบมารทําให้ตะกละร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ก็จริง”ไปจูเหวินตอบพลางเปลี่ยนกระบวนท่าเป็นปักษาโรมรันเพื่อพัวพันตะกละเอาไว้ไม่ให้เหวี่ยงกระบองในมือมันไปมา

“ยัยนี่”โลภะกันฟันกรอดพลางพยายามฝ่าเหม่ยหลินเข้าไปช่วยตะกละแต่มันกลับพบว่ามันฝ่าผู้หญิงตรงหน้ามันไปไม่ได้

 

แม้เหม่ยหลินจะไม่ได้อยู่ในอันดับจอมยุทธของไช่จินเพราะ 5 ปีที่ผ่านมานี้นางเก็บตัวอยู่กับบุตรสาวในเขตอสูรผาไร้กันมาตลอดแม้แต่เครือข่ายของไช่จินก็ตามไปไม่ได้ ทําให้ไช่จินไม่มีข้อมูลของเหม่ยหลินและไปหลินเลย แต่ผิดกับไปจูเหวิน นางฝึกวิชา เทพประสานกับบุตรสาวทุกวัน รวมทั้งยังซึมซับความรู้จากพวกท่า นน้าเข้าไปอีก ทําให้พลังวิญญาณและพลังอสูรของนางนั้นเหนือกว่าไปจูเหวินไปนานแล้ว ตอนนี้นางเกือบจะเข้าระดับเทียนเซียนขั้น ที่ 10 แล้วด้วยซ้ํา

 

เครั้งๆ ๆ กระบี่ของเหม่ยหลินฟาดวูบวาบไปมารอบกายของโลภะอย่างรวดเร็ว ทําเอามันคราดในมือของมันแทบไม่ได้ขยับ

 

“วิชากระบี่อะไรกัน” โลภะเบิกตากว้างก่อนจะปล่อยคราดในมือหลุดลงพื้น พร้อมร่างของมันที่ล้มลงนอนกับพื้น ยามนี้วิชากระบี่ของเหม่ยหลินนั้นแม้แต่อู่หมิงก็ไม่แน่ใจว่าจะต้านได้ แถมพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นด้วยวิชาลมปราณมังกรและพลังอสูรที่เพิ่มขึ้น ด้วยวิชาอสูรวัฒนะ แม้แต่มารระดับเจ้าสวรรค์ยังไม่ใช่คู่มือนางเสียแล้ว

“ไปหลิน เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” เหม่ยหลินถามพลางพุ่งวาบเข้ามาหาบุตรสาวที่นางรีบจัดการโลภะนั้นเป็นเพราะห่วงบุตรสาวของตนนั่นเอง

 

“ท่านแม่ ข้ากลัว”ไปหลินว่าพลางกอดร่างของมารดาเอาไว้นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเข้ามาอยู่กลางสนามรบแบบนี้พลังของนางแทบจะทําอะไรไม่ได้เลย

 

“ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว” เหม่ยหลินว่าพลางกอดบุตรสาวเอาไว้แน่น