บทที่ 228 คนที่รู้จัก

รักหวานอมเปรี้ยว

“ไม่ใช่ เป็นข่าวของคนอื่นน่ะ ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็มีเรื่องอื้อฉาวของวงสังคมมากมายในอินเทอร์เน็ต” ราเม็งตอบ

มายมิ้นท์ตกตะลึง “เรื่องอื้อฉาว?”

“ถูกต้องครับ ยกตัวอย่างเช่นประธานภาณุแห่งบริษัทเฮทเอ็มมีชู้และมีลูกนอกสมรสนอกบ้าน ประธานธนภูมิแห่งบริษัทดับบิวทีหนีภาษีประธานพชรแห่งบริษัทรีโมวายใช้ความรุนแรงกับภรรยาและลูกๆเป็นต้น สรุปได้ว่ามีซีอีโอของบริษัทเกือบยี่สิบหรือสามสิบรายที่มีเรื่องอื้อฉาวแดงออกมาแล้ว ตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตวุ่นวายเป็นพัลวันกันหมดแล้วล่ะ” ราเม็งใช้ถ้วยกาแฟปกปิดรัศมีที่เยือกเย็นที่มุมปากเอาไว้แล้วพูด

มายมิ้นท์เบิกตาโพลงโตด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พวกเขาคงไม่ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตที่ไหนเข้าแล้วใช่ไหม ดังนั้นคนใหญ่คนโตก็เลยจงใจเล่นงานพวกเขา แต่ผู้คนมากมายขนาดนี้ ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเพียงคนเดียวในเวลาเดียวกัน มันก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ”

“ใครจะไปรู้ล่ะครับ บางทีอาจจะมีใครบางคนไม่ชอบพวกเขา ดังนั้นก็เลยทำแบบนี้ก็ได้” ราเม็งยิ้ม

มายมิ้นท์พยักหน้า “ที่นายพูดมันก็ใช่นะ โชคดีที่เตชิตไม่มีเรื่องอื้อฉาวพรรค์นี้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงมีเรื่องของเขาบนอินเตอร์เน็ตแล้ว เขาไม่มีชื่อเสียงแล้วมันไม่สำคัญอะไรหรอก แต่มันจะพัวพันไปถึงเทนเดอร์กรุ๊ปไม่ได้”

“วางใจเถอะ เทนเดอร์กรุ๊ปจะไม่มีวันจบเจอกับสถานการณ์แบบนั้นแน่นอนครับ” ราเม็งพูดในขณะที่กำลังลูบไล้ถ้วยกาแฟ

มายมิ้นท์ยิ้มให้เขา แล้วพูดว่า “จะมีเรื่องที่สัมบูรณ์ขนาดนี้ที่ไหนกัน ต่อให้…”

เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เสียแล้ว

มายมิ้นท์ยิ้มขอโทษราเม็งแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์โทรศัพท์นั้นเป็นเบอร์ท้องถิ่นที่ไม่คุ้นเคย

“ฮัลโหล ใครพูดสายคะ?” มายมิ้นท์เลื่อนปุ่มรับสายสีเขียว แล้วเอาโทรศัพท์ไปแนบไว้ข้างหู

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ การันต์นิ่งเงียบไปสองวินาทีก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “คุณไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของผมเอาไว้เหรอ?”

มายมิ้นท์กระพริบตาไปมา “การันต์?”

“ใช่ผมเอง!”

“พี่ครับ ใครอ่ะ?” ราเม็งมองโทรศัพท์ของเธอ

มายมิ้นท์ส่งสายตาบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันไปให้เขา หลังจากนั้นจึงถามว่า “คุณมีธุระอะไรไหม?”

“เมื่อกี้ส้มเปรี้ยวติดต่อมาหาผม และมันจะต้องเป็นเรื่องของคุณแน่ๆ” การันต์เอาโทรศัพท์ไปหนีบไว้บนไหล่ไปพลาง และเอามือทั้งสองข้างจัดการผ่าตัดซากสัตว์ที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่หยุดยั้งไปพลาง

มายมิ้นท์หรี่ตาลง แล้วพูดว่า “ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”

“เพราะว่าเธอแทบจะไม่โทรหาผมเลย เรื่องที่โทรหาผมเสียส่วนใหญ่ก็คือเรื่องที่จะให้ผมไปจัดการกับคุณ” การันต์ตอบอย่างเฉยเมย

มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากสีแดงของเธอ แล้วถามว่า “ความหมายของคุณก็คือ ก่อนน้านี้คุณเคยจัดการกับฉันงั้นเหรอ?”

มีดผ่าตัดที่อยู่ในมือของการันต์หยุดชะงักลงชั่วคราว “ใช่ ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ผู้ชายที่แย่งกระเป๋าของคุณในขณะที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์คนนั้น ก็คือผมเอง”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณ!” มายมิ้นท์ทำสีหน้าเคร่งขรึมและลุกขึ้นมาด้วยความโมโห

ราเม็งลุกขึ้นตาม แล้วพูดว่า “พี่ครับ เป็นอะไรไปหรือครับ?”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” มายมิ้นท์นวดหว่างคิ้วไปมา

หลังจากนั้น เธอก็ถามไปทางโทรศัพท์อีกครั้งว่า “แล้วกระเป๋าของฉันล่ะ?”

“ถูกผมโยนเข้าไปในถังบำบัดน้ำเสียแล้ว” การันต์ตอบด้วยความรู้สึกผิด

ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นเทพธิดาของเขา

ดังนั้นหลังจากที่แย่งกระเป๋าเธอไปแล้ว เขาก็เลยตั้งใจจัดการกับมันเพื่อช่วยส้มเปรี้ยวเพราะว่าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ามีหลักฐานว่าส้มเปรี้ยวได้ผลักเธอลงไปชั้นล่าง

“การันต์ฉันจำคุณได้แล้ว!” มายมิ้นท์โกรธเป็นอย่างมาก เธอก็เลยสูดหายใจเข้าลึกๆสักสองสามอึดใจ แล้วจึงระงับความโกรธที่อยู่ภายในใจอย่างเงียบๆ แล้วพูดว่า “พูดมาซิ ที่คุณโทรมาหาฉันในวันนี้ คุณคิดจะทำอะไร?”

“อย่างที่ผมพูดไปแล้วเมื่อกี้ ว่าส้มเปรี้ยวโทรมาหาผม คาดว่าเธอน่าจะอยากให้ผมลงมือกับคุณอีกครั้ง ดังนั้นผมก็เลยอยากให้คุณได้มาลองฟังด้วยกันดู” เมื่อการันต์เห็นว่าซากสัตว์นั้นจัดการใกล้เสร็จแล้ว เขาจึงวางมีดผ่าตัดลง ถอดถุงมือ แล้วเดินไปที่อ่างน้ำด้านข้างก่อนที่จะล้างมือ

มายมิ้นท์กำโทรศัพท์แน่นอย่างระแวดระวังตัว แล้วถามว่า “ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณจงใจล่อให้ฉันออกไป จากนั้นก็คิดจะให้ ส้มเปรี้ยวจัดการกับฉันหรือเปล่า? อย่าลืมว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับส้มเปรี้ยวนั้นดีมาก ดังนั้นทำไมฉันจะต้องเชื่อคุณด้วย?”

“ผมกับส้มเปรี้ยวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นั่นเป็นเพราะว่าผมนึกว่าเธอเป็นคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถทำดีต่อเธอได้อย่างแน่นอน และผมก็ไม่มีทางอดทนต่อการโกหกหลอกลวงของเธอที่มีต่อผมด้วย ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณจะพาคนจำนวนหนึ่งมาด้วยก็ได้” การันต์กำลังถูฟองที่อยู่บนมือและพูด

มายมิ้นท์นิ่งเงียบไปเสียแล้ว

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจได้แล้ว เธอจึงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ตกลง ส่งที่อยู่มาให้ฉัน”

ในเมื่อเขาบอกว่าสามารถพาคนมาด้วยได้ เช่นนั้นเธอก็จะพาคนไปด้วยสักหน่อย เธอยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกับดักจริงๆ เธอก็ยังไม่สามารถถอนตัวออกมาได้

และที่สำคัญที่สุด ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เธอก็จะสามารถรู้ล่วงหน้าว่าส้มเปรี้ยวคิดจะทำอะไรกับเธอต่อไปได้

ไม่นาน มายมิ้นท์ก็ได้รับข้อความจากที่อยู่ที่การันต์ส่งมา

เธอตอบกลับไปไม่กี่คำว่า “เดี๋ยวจะรีบไป”

หลังจากที่การันต์เห็นดังนั้น เขาก็ขยับแว่นตาไปมา หลังจากนั้นก็เอาโทรศัพท์ไปใส่ไว้กระเป๋ากางเกง หลังจากที่หยิบขวดยาที่ไม่มีฉลากขวดหนึ่งมาจากตู้กระจกที่อยู่ข้างๆแล้ว เขาก็เดินออกไปจากห้องที่เต็มไปด้วยซากสัตว์นานาชนิดห้องนี้ และห้องใต้ดินอันน่าสะพรึงกลัวที่มีร่างกายมนุษย์ถูกสตัฟฟ์ไว้

“พี่ครับ พี่จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” ในขณะที่มองมายมิ้นท์กำลังจัดกระเป๋าอยู่ ราเม็งก็รีบถามขึ้นมา

มายมิ้นท์ตอบกลับด้วยเสียงอืม แล้วบอกเนื้อหาที่คุยโทรศัพท์กับการันต์เมื่อสักครู่นี้ให้เขาฟัง

หลังจากที่เขาได้ฟัง เขาก็แสดงท่าทีว่าอยากจะไปด้วยในทันที

มายมิ้นท์อยากจะปฏิเสธ ถึงอย่างไรเสียนี่ก็เป็นความแค้นระหว่างเธอกับส้มเปรี้ยว เธอก็เลยไม่อยากเอาดึงเขาเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้

แต่เมื่อมองไปยังสายตาที่คาดหวังของเขา หัวใจของเธอก็อ่อนลงในที่สุด

ทั้งสองคนเดินไปที่ประตู

ทันทีที่เดินออกจากออฟฟิศ ชาหวานก็ถือเอกสารฉบับหนึ่งเข้ามา “ประธานมายมิ้นท์คะ คุณจะไปไหนหรือคะ?”

“ฉันจะออกไปทำธุระสักหน่อย ทำไมเหรอ?” มายมิ้นท์มองเธอ

ชาหวานเขย่าเอกสารที่อยู่ในมือไปมา “งบการเงินของเดือนที่แล้ว จำเป็นต้องให้คุณดูและเซ็นชื่ออยู่นะคะ”

“งั้นเธอก็วางเอาไว้ที่ออฟฟิศของฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับมาดูทีหลัง”

“ได้ค่ะ” ชาหวานพยักหน้าไปมา หลังจากนั้นก็เห็นราเม็งที่อยู่ข้างๆเธอ การแสดงออกทางสีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที

“ประธานมายมิ้นท์คะ คนนี้คือ……” ชาหวานจับจ้องไปที่ราเม็งและถาม

ถ้าไม่ใช่เพราะมายมิ้นท์เห็นการพิจารณาราเม็งอย่างละเอียดถี่ถ้วนในสายตาของเธอแล้ว มายมิ้นท์ต้องคิดว่าเธอตกหลุมรักราเม็งเข้าแล้วแน่ๆ

“นี่คือน้องชายของฉันเอง ชื่อราเม็ง” พอมายมิ้นท์แนะนำเสร็จ ก็มองไปที่ราเม็ง แล้วพูดว่า “ราเม็ง นี่คือหัวหน้าฝ่ายการเงินของฉัน แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย ชื่อชาหวาน”

“สวัสดีครับ” ราเม็งดูเหมือนว่าจะไม่เห็นความผิดปกติและความแปลกประหลาดของสายตาที่ชาหวานมองตัวเอง เขาจึงยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือให้เธอ

“สวัสดีค่ะ” สายตาของชาหวานเป็นประกายแวววาว เธอก็ได้ยื่นมือออกมาเช่นกัน แล้วจับมือกันกับเขา

สองวินาทีต่อมา ราเม็งเป็นคนดึงมือออกมาก่อน

ชาหวานหันหน้ามาถามมายมิ้นท์ว่า “ประธานมายมิ้นท์ ไม่ใช่ว่าคุณเป็นลูกสาวคนเดียวหรือคะ? ทำไมคุณถึงมีน้องชายได้ล่ะคะ?”

“ไม่ใช่น้องชายแท้ๆหรอก” มายมิ้นท์อธิบาย

ชาหวานเชิดคางขึ้นในทันที หลังจากนั้นก็หันสายตากลับไปมองที่ราเม็ง แล้วพูดว่า “คุณราเม็ง ไม่ทราบว่าคุณนามสกุลประธีปดลใช่ไหมคะ? หรือว่ายังมีนามสกุลอื่นอยู่ข้างหน้าอีก อย่างเช่นชุติเกษม หรือว่า…… อัคคเดชโภคิน!”

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของราเม็งจางหายไปเป็นอย่างมาก

มายมิ้นท์ก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน “ใช่สิชาหวาน เธอถามอย่างนี้ หมายความว่ายังไงกันแน่?”

ชาหวานยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “พวกคุณสองคนอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดนะคะ พอฉันได้เห็นคุณราเม็งแล้ว จู่ๆก็คิดว่าเขาเหมือนกับคนคนหนึ่งมากๆเลยค่ะ”

“คุณสงสัยว่าฉันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคนคนนั้นหรือครับ?” ราเม็งจ้องมองเธออย่างใจจดใจจ่อ

ชาหวานมองหน้ากันกับเขา แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ”

“งั้นผมคงทำให้คุณผิดหวังแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้นามสกุลชุติเกษม แล้วก็ไม่ได้นามสกุลอัคคเดชโภคินด้วยครับ นามสกุลของผมก็คือประธีปดล ดังนั้นผมกับคนที่คุณพูดถึงจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน” ราเม็งจัดแขนเสื้อให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ดึงมือของมายมิ้นท์มา แล้วพูดว่า “เอาล่ะพี่ อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย พวกเราไปกันเถอะ”

“งั้นพวกเราขอตัวไปก่อนนะชาหวาน ถ้ามีอะไรก็รอให้ฉันกลับมาแล้วค่อยคุยกันนะ” มายมิ้นท์มองชาหวาน

ชาหวานพยักหน้า “โอเค”

เธอมองตามหลังมายมิ้นท์กับราเม็งเดินออกไปไกลจนกระทั่งเข้าไปในลิฟต์แล้วจึงชักสายตากลับมา แล้วกดโทรศัพท์โทรออกไป “ตาเฒ่า ฉันเห็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับนายท่านมากๆคนหนึ่งด้วย ฉันสงสัยว่า เขาอาจจะเป็นคนที่เราตามหา เขาชื่อว่าราเม็ง คุณช่วยตรวจสอบข้อมูลของเขาหน่อยสิ”

อีกด้านหนึ่ง บนรถ

ราเม็งขับรถไปพลาง กำชับอย่างงจริงจังไปพลางว่า “พี่ครับ ชาหวานคนนั้นไม่ธรรมดาเลย เธอเคยฆ่าคนกับมือตัวเองเลยนะ พี่อยู่ให้ห่างจากเธอหน่อยนะครับ”

มายมิ้นท์ได้ยินดังนั้น ก็ตกใจสะดุ้งโหยงขึ้นมา “เคยฆ่าคนงั้นเหรอ? ราเม็งอย่าทำให้ฉันกลัวสิ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง!”