บทที่ 538 จี้ซื่อชิงเหยา

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 538 จี้ซื่อชิงเหยา
เจียวไท่เป็นคนแยกแยะบุญคุญความแค้น เป็นพวกคนที่มีลักษณะนิสัยหยาบคายของยุทธจักรทั่วไปชนิดนั้น คนชนิดนี้ถึงแม้หยาบคาย แต่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมิตรภาพมาก

ความใฝ่ฝันของเขายังไม่ได้บรรลุสำเร็จ จู่ ๆ ได้ยินข่าวร้ายการตายที่น่าเวทนาของจี้ซิง เห็นได้ว่าเขารับไม่ได้เลย

ดังนั้นเขาก็มาถึงจวี้อี้ถังในเวลาแรก

ถ้าไม่ใช่เจี่ยงเส้าและลิเหลียงควบคุมเพื่อสถานการณ์ทั้งหมดอย่างจริงจัง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำโดยพละการได้ไม่งั้นถูกถีบออกนอกจวี้อี้ถัง

ไม่งั้นแล้วเจียวไท่ก็ไปหาฉินเทียนสู้ตายนานแล้ว

ฟังคำพูดของเจียวไท่แล้ว คนยุทธจักรของเมืองซื่อไห่ที่รีบมาด้วยตัวเองเหล่านั้นก็คำรามด้วยความโกรธเป็นเสียงเดียวกัน

เสียงสะท้อนก้องในหุบเขา ไม่รู้ยังคิดว่าสัตว์ร้ายกลุ่มหนึ่งสู้รบกันที่นี่

ถูกคนของเมืองซื่อไห่จุดประกาย คนเหล่านั้นที่มาจากหนานเจียงเป่ยเจียงอีกทั้งหยุนชวน ไม่อ่อนแอส่งเสียงดังโจมตีออกมาเอง

พลังอย่างนี้ฉากอลังการยิ่งใหญ่จริง ๆ !

ลิเหลียงนั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งตรงกลาง มองเห็นฉากนี้ที่อยู่ด้านหน้าเขาจู่ ๆ รู้สึกว่าเลือดในร่างกายพลุ่งพล่านเล็กน้อยแล้ว

ในดวงตาเต็มไปด้วยกลิ่นไอที่บ้าคลั่งแล้ว

เขาขยับอย่างไม่สงบสุข มองไปแล้วก็เหมือนสัตว์ร้ายที่อยู่ในสภาพที่มืดมนตัวหนึ่ง ทนไม่ไหวต้องการที่จะพุ่งออกไปกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

รับรู้ถึงลมหายใจที่ไม่ปกติบนตัวของเขา ถงเหรินที่ยืนอยู่ข้างกายรีบพูดเสียงต่ำ“คุณชาย ระวัง!”

ลิเหลียงนี่ถึงได้ตกใจตื่น เขาเกือบจะเผยตัวตนออกมาแล้ว

รีบสูดลมหายใจลึกมายับยั้งเส้นเลือดที่ปั่นป่วน แต่เหมือนไม่มีผล เขายิ่งยับยั้งเส้นเลือดในร่างกายก็ยิ่งชนกระแทกรุนแรง

พลังหนึ่งเหมือนม้าป่าที่หลุดจากบังเหียนอย่างนั้น วิ่งกระโดดในร่างกาย

เขาอยากที่จะเงยหน้าขึ้นร้องตระโกนจริง ๆ

“ลิเหลียง คุณเป็นอะไรไป?”เจี่ยงเส้าเห็นลิเหลียงใบหน้าบิดเบี้ยว อดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นอะไร……”

“อาจจะช่วงนี้เหนื่อยมากไปแล้วมั้ง”

“อาเจี่ยง คุณเร่งสองสามคนนั้นที่ยังไม่ได้มาสักหน่อย สิบโมงลงคะแนนเสียงตรงตามเวลา อย่าทำให้ชักช้าเสียเวลา”

ลิเหลียงกัดฟันพูดแล้วประโยคหนึ่ง หยิบขวดยาเล็กขวดหนึ่งออกมาจากข้างตัว เทเม็ดยาเล็กสีฟ้าสองเม็ดออกมา กลืนลงไป

จากนั้นก็หลับตาลง นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าที่ขาวซีด

ถงเหรินและเสินเฟิงทั้งหมดเฝ้าดูแลอยู่ข้าง ๆ เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูใหญ่

เจี่ยงเส้าก็รู้สึกว่าลิเหลียงคือเหนื่อยมากแล้วแน่นอน เขาอายุน้อยอย่างนี้ก็จัดตั้งเรื่องใหญ่ชนิดนี้ คือให้เขาลำบากใจแล้วจริง ๆ

คิดถึงที่นี่กระทั่งเจี่ยงเส้าก็มีความละอายใจเล็กน้อย

เดิมทีลิเหลียงเลือกไม่สนใจ เหมือนคนที่หลุดจากทางโลก เป็นพวกเขาพ่อลูกเอาลิเหลียงมาทำให้เหนื่อยด้วย

เขารีบส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ ให้สภาพแวดล้อมการพักผ่อนหนึ่งแก่ลิเหลียง

ได้เก้าโมงครึ่งแล้ว

เหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงห่างจากเวลาลงคะแนนเสียงสิบโมง ทำไมเจ้าบ้านสองสามท่านที่เหลือนี้ยังไม่มา

เรื่องใหญ่อย่างนี้ หรือว่าจะมาสายเหรอ?

คิดถึงที่นี่เจี่ยงเส้าโมโหแล้วเล็กน้อย

กระทั่งเขาตัดสินใจ หลังรอลิเหลียงขึ้นเป็นผู้นำแล้ว ตัวเองพ่อตาของผู้นำคนนี้ต้องหาโอกาสจัดการสองสามคนนี้ให้ดี ๆ สักหน่อยแล้ว

เก้าโมงสี่สิบนาที ในที่สุดปากทางหุบเขาได้ส่งเสียงความวุ่นวายมาพักหนึ่ง

กลุ่มคนเดินมาแล้ว

“เป็นหนานเจียงและเป่ยเจียง!”

“ราชินีหลินของเป่ยเจียงและนายท่านอานของหนานเจียงมาพร้อมกันแล้ว!”เจี่ยงเส้าร้องเสียงต่ำอย่างตื่นเต้น

เพียงเห็นหลินหลงเดินอยู่ข้างหน้าภายใต้การอยู่เป็นเพื่อนของเสือสามตัวแห่งเป่ยเจียง หลัวจิง เฉียนเฟิงและอวี๋เซิ่ง

อานกั๋วที่อยู่ด้านหลังถึงแม้ผมขาว แต่ท่าทางกระฉับกระเฉง สองดวงตาแก่มีพลังของการฆ่ามหาศาล

ข้างกายของเขาคือหูปินราชาบู๊ของหนานเจียง

การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้คนส่วนหนึ่งในงานนั้นโห่ร้องขึ้นมา พวกเขาแน่นอนเป็นตระกูลของหนานเจียงและเป่ยเจียงอีกทั้งคนในยุทธจักร

ตอนนี้ผู้นำของพวกเขาในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้ว ทำให้พวกเขาก็รู้สึกถึงความมั่นใจมากเล็กน้อยแล้ว

หยางหยวนชิ่งยิ้มอย่างเย็นชาพูด“ได้ยินว่าหนานเจียงและเป่ยเจียงก็เป็นศัตรูที่อยู่ร่วมกันไม่ได้”

“คิดไม่ถึงการปรากฏตัวของฉินเทียนกลับทำให้พวกเขามารวมตัวด้วยกันใหม่แล้ว ครั้งนี้มาด้วยกันคุ้มค่าน่ายินดี”

ภายใต้ความสนใจของทุกคน หลินหลงและอานกั๋วมีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม นำลูกน้องที่จงรักภักดีเหยียบขึ้นบนเวทีเซวียนหยวนแล้ว

เจี่ยงเส้ารีบขึ้นมาต้อนรับ ทักทายอย่างเกรงใจ

ลิเหลียงลืมตาอมยิ้มพูด“ผู้นำทั้งสองท่าน รีบเชิญนั่งเถอะ”

“ร่างกายของผมไม่ดีมาก ๆ ก็ลุกขึ้นไปต้อนรับไม่ไหวแล้ว”

หลินหลงและอานกั๋วพยักหน้าแล้วไม่พูด แยกไปนั่งเก้าอี้ที่ติดป้ายของตัวเองอยู่

ผ่านไปอีกสองสามนาที ปากทางหุบเขาก็เอะอะอีกครั้ง

คนที่ใส่ชุดไว้ทุกข์สีขาวกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว บนหัวของทุก ๆ คนยังพันด้วยผ้าเส้นขาวหนึ่งเส้น

“เหยาเหยา!”

หลินหลงร้องเสียงดำเสียงหนึ่งอดไม่ได้ยืนขึ้นมาแล้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยสีที่เป็นห่วงและเอาใจใส่

เพียงเห็นคนที่นำหน้า รูปร่างอ้อนแอ่นสวยงาม ใส่ชุดไว้ทุกข์บางดูหนาวสั่น

ใบหน้าสวยแฝงไปด้วยความดุร้าย ดวงตาสวยแดงเล็กน้อย

ไม่ใช่คนอื่นก็คือหลิวชิงเหยา

คิดไม่ถึงหล่อนใช้ฐานะของภรรยาที่ถูกต้องของจี้ซิง สวมชุดป่านผูกผ้าขาวไว้ทุกข์แสดงความกตัญญู นำขบวนมาด้วยตัวเอง

ที่สองด้านข้างของหล่อนซ้ายขวา ก็คือดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ด้านหลังก็เป็นเทวดาเจ็ดดาว

บนร่างกายของแต่ละคนต่างก็มีกลิ่นไอการฆ่าที่รุนแรง

การมาถึงของขบวนนี้ทำให้ในงานปะทุความวุ่นวายแล้ว

รับรู้ถึงอารมณ์ที่โศกเศร้าเสียใจของคนตระกูลจี้อีกทั้งกลิ่นไอการฆ่าที่น่ากลัว ทุกคนหลีกทางให้แล้วอย่างอัตโนมัติ

หลิวชิงเหยาใบหน้าไร้ความรู้สึก นำหน้าทุกคนก้าวเหยียบขึ้นเวทีเซวียนหยวน

“ฉันชิงเหยา จี้ซื่อ นำเทวดานพเคราะห์ของตระกูลจี้ มาฆ่าปีศาจฉิน!เพื่อแก้แค้นให้สามี เพื่อขจัดภัยพิบัติแทนประชาชน!”

หล่อนเอ่ยปากด้วยความเสียใจและความโกรธ เสียงถึงแม้ชัดเจนน่าฟังแต่ก็เต็มไปด้วยความดุร้ายแล้ว เวลาที่ผู้หญิงมีผลงานก็ไม่แพ้ผู้ชาย

ลิเหลียงปรบมือร้องดี

“แม่นางชิงเหยามีความกล้าหาญมากสมควรได้รับรางวัล สมแล้วที่เป็นลูกสาวของราชินีหลิน”

“พวกคุณสองแม่ลูกเป็นผู้หญิงที่มีความกล้ารับผิดชอบของเจ็ดเมืองทางใต้ของพวกเรา!”

“เชิญนั่งเถอะ!”

หลิวชิงเหยาลังเลเล็กน้อย นั่งบนเก้าอี้ของตระกูลจี้ด้านข้างแม่ที่เขียนว่าเมืองซื่อไห่

แม่ลูกร่วมงานกัน หลินหลงกลับมีความเศร้าโศกและความดีใจเข้าด้วยกัน

ดีใจคือหล่อนมองเห็นลูกสาวในที่สุดก็เติบโตแล้ว ยิงแสงความแข็งแกร่งในนิสัยออกมาแล้ว

เสียใจคือ พวกหล่อนแม่ลูกทำไมถึงมีชีวิตที่ลำบากอย่างนี้ สามีของหล่อนตายแล้ว ของลูกสาวหล่อนน่าเวทนามากกว่าของหล่อน กระทั่งยังไม่ได้แต่งเข้าก็ครองตัวเป็นม่ายแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่นานหล่อนรู้สึกเบิกบานใจที่ยังหาจี้ซิงผู้ชายที่โดดเด่นอย่างนี้แทนลูกสาวเจอ

ตอนนี้อารมณ์สับสนจริง ๆ

แต่หล่อนรู้นิสัยของลูกสาว รู้ลูกสาวในเมื่อได้ตัดสินใจต้องการเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจี้ เพียงกลัวว่าจะต้องครองตัวเป็นม่ายทั้งชีวิตจริง ๆ

ตอนนี้ก็เหลือเพียงจ้าวเทียนเผิงตระกูลจ้าวในหยุนชวนแล้ว

เวลาได้เป็นเก้าโมงห้าสิบแล้ว เหลือเพียงสิบนาทีสุดท้าย

จ้าวเทียนเผิงเพราะอะไรยังไม่มา?

เจี่ยงเส้าอดไม่ได้ที่จะโทรหาเบอร์ของจ้าวเทียนเผิงแล้ว

ดังนานมากกลับไม่มีคนรับสาย

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

จ้าวเทียนเผิง คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม?เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปขอความคิดเห็นทางลิเหลียงแล้ว

ลิเหลียงยิ้มอย่างเย็นชา“เลือกผู้นำวันนี้ การประชุมกำจัดปีศาจพวกเราได้เชิญผู้ที่มีเส้นทางความคิดเดียวกันของเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว รวมถึงจ้าวเทียนเผิง”

“ถ้าหากเขาไม่มา งั้นก็เอาตามกฏของการประชุมใหญ่ ถือว่าสละสิทธิ์แล้วกัน”

“ตกลง!”

เจี่ยงเส้าพยักหน้าพูด“รออีกสิบนาที ถ้าหากจ้าวเทียนเผิงยังคงไม่มา อย่างนั้นพวกเราก็ไม่สนใจเขาแล้ว”

“พวกเราคนเหล่านี้ เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว ขาดจ้าวเทียนเผิงไปคนหนึ่งก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”