ตอนที่ 440 ธนาคารซื่อทง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 440 ธนาคารซื่อทง

หยูเวิ่นเต้าและคนอื่น ๆ มิได้อยู่รบกวนนานเท่าใดนัก เมื่อตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนไปส่งพวกเขานั้นได้กำชับมาว่า “จงไปเตรียมเงินของพวกเจ้าเอาไว้ให้พร้อม เพราะพวกเราจะกระทำการใหญ่กัน ! ”

องค์หญิงสามและบรรดาสตรีทั้งหลายมิเข้าใจว่ากระทำการใหญ่ของเขานั้นใหญ่ถึงเพียงใด แต่หยูเวิ่นเต้า หนิงหยู่ชุนและฮั่วหวยจิ่นย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนกล่าวออกมาว่าจะทำการใหญ่ เกรงว่าเขาจะนำแผนงานขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมซีซานเผยเเพร่ไปทั่วหล้า

เมื่อฮั่วหวยจิ่นกลับมาถึงจวน เขาก็ได้รีบเขียนจดหมายส่งไปยังจวนซีหวังทันที เขายังต้องการเงินอีกเป็นจำนวนมาก ยิ่งมากเท่าใดก็ยิ่งดี !

หยูเวิ่นเต้าเมื่อกลับไปถึงพระราชวัง ก็ได้กล่าวกับเจ็ดกระบี่ว่า “จงไปรวบรวมเงินของผู้คุ้มกันทั้งหมดมา แล้วส่งมายังเมืองหลวง”

หนิงหยู่ชุนเองเมื่อกลับไปถึงจวน ก็ได้นำเงินทั้งหมดของตนออกมาเช่นกัน

ฟู่เสี่ยวกวนกลับเข้าไปด้านในจวน แล้วกล่าวเรื่องความคิดของเขาต่อภรรยาทั้งสามคนอย่างจริงใจ

เมื่อหยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมยิ่ง มีเพียงต่งชูหลานเท่านั้นที่แววตาเป็นประกายแล้วเอ่ยถามคำถามเสียมากมาย

“จากการลงทุนในเขตเหยาโดยมินับอู่ต่อเรือ ก่อนหน้านี้ที่โรงงานทำการผลิตสินค้าได้ตามปกติ รายรับที่พวกเราได้ในเขตเหยานั้นคือ 600,000 ตำลึง และนี่เป็นเพียงเขตเดียวเท่านั้น

ส่วนที่ผิงหลิงและชวูอี้ทั้งสองเขตนี้ เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะแบ่งเงินลงทุนเขตละ 300,000 ตำลึง จัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์และกระเบื้องเสียก่อน ในปีหน้าค่อยผลิตโรงกลั่นสุรา สบู่และน้ำหอม รวมไปถึงโรงผลิตกระดาษด้วย

หากพวกเราลงทุนเขตละ 300,000 ตำลึง และยังมีอีก 23 เขตที่เหลือ ดังนั้นจะต้องใช้เงินมากถึง 6,900,000 ตำลึง ! แน่นอนว่าอุตสาหกรรมของพวกเรานั้นได้รับกำไรคืนมาค่อนข้างเร็ว เดิมทีข้าตั้งใจว่ารอให้โรงงานที่ผิงหลิงและชวูอี้ผลิตสินค้าออกมาเสียก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการในเขตอื่น ๆ ต่อไป…

“ยามนี้ที่ได้ฟังคำเอ่ยจากเจ้า หมายความว่าจะนำเงินลงทุนของพวกเขามาดำเนินการใช่หรือไม่ ?

เรื่องของความเสี่ยง อีกทั้งการปันผลแก่พวกเขา รวมถึงในมือของพวกเรามิมีกำลังคนที่มากพอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหา !

ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นมาเล่า มิแน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ เจ้ามิลอง…ไตร่ตรองดูสักหน่อยเลยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า จากนั้นก็กำชับใช้เสี่ยวฉีไปหยิบกระดาษ พู่กัน และน้ำหมึกมา

เขานั่งลงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วเขียนแผนการกระจายทุนและแผนจูงใจผู้ถือหุ้นฉบับแรกในประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ขึ้นมา

เรื่องนี้ทำให้เขาใช้เวลาไปกับมันทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เมื่อตอนกลางวันเขาหยุดพักเพื่อกินข้าวเพียงครู่เดียวเท่านั้น

เขายื่นกระดาษกว่าสิบแผ่นนี้ไปให้ต่งชูหลาน แล้วเขียนต่อไป

นี่คือแผนการก่อตั้งธนาคารซื่อทง

ธนาคารซื่อทงนี้จะเป็นผู้ดูแลเงินลงทุนทั้งหมด แน่นอนว่าเขาย่อมทำให้ธนาคารซื่อทงมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เช่น การฝากเงิน การกู้เงิน และเป็นเช่นศูนย์กลางการซื้อขายหุ้นในอนาคต หรือขอเสนอกู้เงินจากองค์จักรพรรดิ โดยมีอุตสาหกรรมซีซานนำไปจำนอง และผลิตเงินสำหรับธนาคารซื่อทงเป็นต้น

ต่งชูหลานพิจารณาหนังสือร่างฉบับนี้อย่างละเอียด จากนั้นก็ตั้งใจอ่านวิธีการจัดตั้งธนาคารซื่อทง ผ่านไปเนิ่นนานเสียทีเดียว นางจึงได้วางกระดาษเหล่านี้ลงบนโต๊ะ

“ข้าพอจะเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว นั่นก็คือยืมไก่ให้ออกไข่ แต่เราจะดูแลไก่เป็นอย่างดี”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้นมาแล้วคิดว่าคำอธิบายนี้ช่างเหมาะสมมากยิ่งนัก เขาจึงกล่าวขึ้นมาว่า “อุตสาหกรรมที่ซีซานนั้นเป็นของพวกเรา เจ้าลองคำนวณดูว่าบัดนี้มีมูลค่ามากเท่าใดแล้ว จากนั้นกำหนดให้หุ้นละ 2 ตำลึง ให้พวกองค์ชายห้าได้ลงทุน”

“ก่อนอื่นจะต้องจัดตั้งธนาคารซื่อทงขึ้นมาเสียก่อน จงวางไว้ในศูนย์การค้าหยู๋ฝูชั้นที่หนึ่ง…” เขามองไปยังหยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลว “หลงจู๊ของธนาคารซื่อทงสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นเรื่องของการคัดเลือกคน พวกเจ้าจงช่วยกันคัดเลือก ทางที่ดีควรจะเป็นผู้ดูแลใหญ่ประจำจวนที่มีประสบการณ์ด้านการดูแลเงินมาก่อน

เงินและบัญชีต้องแยกจากกัน ส่วนเรื่องบัญชีนั้นพวกเราจะต้องจัดการควบคุมด้วยตนเอง ดังนั้นข้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าธนาคารซื่อทงนี้ เสี่ยวโหลวจะเป็นผู้รับผิดชอบ” เยี่ยนเสี่ยวโหลวตกตะลึงขึ้นทันพลัน เนื่องจากนางมิคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้เท่าใดนัก มองดูแล้วธนาคารซื่อทงจะมีเงินจำนวนมากเข้ามาอย่างแน่นอน โปรดอย่าได้เกิดข้อผิดพลาดอันใดขึ้นมาเลย

นางพยักหน้า “ข้าจะเรียนรู้จากพี่ชูหลานให้ได้มากที่สุด”

“อือ นับแต่เริ่มวางแผนดำเนินการจนกระทั่งเปิดกิจการจำเป็นต้องใช้เวลานานสักหน่อย ช่วงนี้อาจจะลำบากเจ้าหน่อยนะ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวกัดฟันแล้วยิ้มขึ้น ในใจนางนึกไปว่าในที่สุดก็ได้ทำประโยชน์ให้กับครอบครัวเสียที

หยูเวิ่นหวินครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ข้าจะขอให้เสด็จแม่ส่งหลงจู๊หลี่ หลี่จินโต้ว ที่ดูแลธนาคารเป่าหลงมาให้ข้า จากนั้นค่อยประกาศรับคนเพิ่ม ให้พวกเขาค่อย ๆ เรียนรู้ และฝึกอบรมให้แก่พวกเขาจนกว่าจะมีความรู้ที่มากพอ”

“ยอดเยี่ยม หากสะดวกเมื่อใดเจ้าจงให้หลี่จินโต้วมาพบข้า”

“อือ…”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังต่งชูหลาน “เรื่องของธนาคารจัดการเบื้องต้นเท่านี้ก่อน ส่วนเรื่องหุ้นของซีซานนั้นคงต้องให้เจ้าเป็นผู้จัดการด้วยตนเอง ตำแหน่งประธานกรรมการนั้น เจ้าเหมาะสมยิ่งกว่าผู้ใด เรื่องการผลิตที่ซีซานให้ชุนซิ่วและเสี่ยวฉีเป็นผู้ดูแล”

ต่งชูหลานครุ่นคิด “ให้พวกนางเรียนรู้วิธีการจัดการอย่างเหมาะสมในเบื้องต้นกับข้าไปก่อน รอเมื่อเปิดกิจการแล้ว ทุกเขตก็จำเป็นจะต้องมีหลงจู๊ใหญ่ คนเหล่านี้จะต้องคัดเลือกให้ดี เมื่อใช้งานจะได้สบายใจ”

“อือ…เรื่องนี้มิใช่ปัญหาใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นแต่ละเขตจะมีขนส่งซีซาน บัดนี้ดูจากรายงาน ขนส่งซีซานได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หากนำคนของพวกเราเข้าไปพัฒนาการจัดการ ก็มิต้องกลัวผู้ใดก่อความมิสงบ”

แผนการต่าง ๆ ได้ถูกวางไว้อย่างเรียบง่าย

สำหรับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว เขามีความต้องการเงินจำนวนมากในการสนับสนุนอุตสาหกรรมและการดำเนินการต่าง ๆ แต่สำหรับหยูเวิ่นหวินและคนอื่น ๆ นั้น พวกนางเพียงเพื่อต้องการเงินที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

พวกเขาทั้งหลายมิเคยคิดมาก่อนเลยว่า หุ้นส่วนซีซานและธนาคารซื่อทงนี้ จะส่งผลเป็นอย่างยิ่งในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า !

มันน่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่ากองทัพดาบเทวะเสียอีก !

ตัวฟู่เสี่ยวกวนเองก็มิได้คิดไปไกลถึงตอนนั้น เขานำเรื่องที่ต้องจัดการทั้งหมดนี้โยนให้กับภรรยาทั้งสามคน แล้วตัวเขาเองเดินไปทางศาลาเถาหราน

ซูซูและซูโหรวอีกทั้งไป๋ยู่เหลียนกับเหวินรั่วซีก็ได้อยู่ที่นั่นด้วย

เนื่องจากช่วงนี้เขาค่อนข้างยุ่ง จึงมิได้เอ่ยถามถึงศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยเท่าใดนัก

บัดนี้ซูโหรวกำลังปักผ้ารูปนกหยวนหยางคู่หนึ่ง แล้วส่งให้กับไป๋ยู่เหลียนและเหวินรั่วซี

“เสี่ยวไป๋ พี่เคยบอกกับเจ้าไว้เนิ่นนานแล้วว่า เมื่อใดที่เจ้ามีภรรยา พี่จะปักนกหยวนหยางคู่หนึ่งที่งดงามที่สุดมอบให้พวกเจ้า…”

นางเงยหน้าขึ้นมอง เผยให้เห็นดวงตาเล็กเรียวคู่นั้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข นางมองไปยังแก้มอมชมพูระเรื่อของเหวินรั่วซี แล้วมองไปยังไป๋ยู่เหลียนที่กำลังเขินอายอยู่ “เจ้านี่ช่างโชคดีเสียจริง ไปหลอกล่อแม่นางที่งดงามถึงเพียงนี้มาเป็นภรรยาได้ ตั้งใจจะมีลูกเมื่อใดกัน ? พี่ขอบอกไว้ตอนนี้ก่อนเลยว่า เมื่อลูกของพวกเจ้าคลอดออกมา จะต้องเรียกข้าว่าท่านป้า ! ”

เหวินรั่วซีชายตาไปมองไป๋ยู่เหลียน ส่วนไป๋ยู่เหลียนนั้นนั่งหลังตรงแล้วเอ่ยออกมาอย่างจริงจังว่า “ธุระของคุณชายจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปยังภูเขาเฟิ่งหลิน ทหารดาบเทวะกลุ่มหนึ่งที่จะทำการฝึกที่ผิงหลิงและชวูอี้นั้น จะต้องเพิ่มจำนวนคนอีกราว 6,000 คน

ส่วนด้านภูเขาเฟิ่งหลินนั้น จะทำการฝึกทหารกลุ่มที่สอง เรื่องนี้ข้าและคุณชายได้วางแผนกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ผิงหลิงแล้ว ดังนั้น…”

เขามองไปยังเหวินรั่วซี “ข้าเป็นทหาร ข้ามีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากมาย มิมีเวลามากพอที่จะพาเจ้าชื่นชมผกาหรือจันทรา และมิสามารถให้สัญญาได้ว่าจะมีอนาคตที่ดีแก่เจ้าได้…”

เหวินรั่วซีเอ่ยขัดไป๋ยู่เหลียนขึ้นด้วยแววตาเป็นประกายว่า

“ข้าจะอยู่กับเจ้า จนกว่าชีวีของข้าจะดับสูญ ! ”