ฉินหยุนคิดไปครู่หนึ่ง เขาทราบว่าความกังวลของมู่เฟิงไม่ไร้ซึ่งเหตุผล แม้เขาช่วยเหลือตำหนักเซียนดาบมาก่อน กระนั้นก็มีแต่ตระกูลเจี้ยนแห่งแคว้นมหาดวงดาวที่ติดค้างต่อเขา ส่วนตระกูลเจี้ยนจากแคว้นอื่น ย่อมไม่คิดเห็นเช่นเดียวกันเป็นแน่
มู่เฟิงกล่าวอีกครั้ง “ฉินหยุน หากเจ้าได้รับอันดับหนึ่ง นั่นย่อมเป็นการกระตุ้นให้เกิดความบาดหมางภายในตระกูลเจี้ยน แน่นอนว่าก็เป็นเพียงข้าคาดเดา!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยคำ “พี่ชาย ท่านไม่จำเป็นต้องได้รับอันดับหนึ่ง เพียงแต่ไปจัดการเจี้ยนหนันหู่นั่น!”
“พวกเราไว้ว่ากล่าวยามเมื่อถึงเวลา” ฉินหยุนยิ้มตอบ “บางทีข้าอาจไปไม่ถึงสิบอันดับแรกด้วยซ้ำ”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่คิดเช่นนั้น นางเชื่อ ว่าฉินหยุนอย่างไรแล้วก็แข็งแกร่งเลิศล้ำ
มู่เฟิงกล่าวขึ้น “เจ้าลงทะเบียนการแข่งขันจารึกที่ตำหนักจารึกเทวะได้เลย และควรไปเสียแต่ตอนนี้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบดี จึงเร่งรีบนำฉินหยุนไปลงทะเบียน ฉินหยุนตั้งชื่อปลอมเพื่อเข้าร่วม กระทั่งให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเลือกให้ นามจึงเป็นเชี่ยวหยุน
“เหล่ามู่ไปแล้ว พี่ชาย พวกเราควรได้เริ่มกันเสียที” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำเอากระจกออกมาพลางหัวเราะกล่าว
นางทราบว่าฉินหยุนต้องการให้ช่วยเหลืออันใด ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้าสู่ห้องเงียบสงบ เป็นห้องลับที่แข็งแกร่ง
ฉินหยุนหัวเราะกล่าว “เย่ว์เหม่ย ตอนนี้ข้าได้รับจารึกวิญญาณอื่นมาแล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยวางกระจกน้อยที่หน้าท้องฉินหยุนพลางกล่าวถาม “เป็นจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวที่พี่หยางมอบให้ท่าน?”
ฉินหยุนหัวเราะซุกซนดังออกมา เขาไม่กล่าวอันใด แต่ขณะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังคัดลอกจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว นางพลันได้เห็นจารึกวิญญาณอีกหนึ่ง นางพิจารณาต้องการทราบว่าคือจารึกวิญญาณใด และนั่น มันทำให้ดวงตาของนางเบิกออกกว้าง ทั้งยังอ้าปากค้างมองฉินหยุนอย่างไม่อาจเชื่อ
“เย่ว์เหม่ย แม้การฝึกฝนข้าก้าวหน้าไม่มาก กระนั้นผลลัพธ์ที่เก็บเกี่ยวมาได้ถือว่าเลิศล้ำจริง!” ฉินหยุนหยิกที่แก้มเชี่ยวเย่ว์เหม่ยซึ่งกำลังตื่นตะลึง
“พี่ชาย ท่านช่างยอดเยี่ยมนัก ฮ่าฮ่าฮ่า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะอารมณ์ดี
“ชี่!” ฉินหยุนพลันทำท่าทางให้นางลดเสียง
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงกล่าวถามเสียงเบา “พี่ชาย ท่านได้รับจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรามาได้อย่างไร? ข้าได้ยินว่าภายในเก้าแดนอ้างว้าง จารึกวิญญาณนายหญิงจันทรามีมากที่สุดก็เพียงสาม!”
“เย่ว์เหม่ย จะบอกว่าเจ้าไม่ทราบหรือ ว่าตัวข้าในชาติภพก่อนมีจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา?” ฉินหยุนขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“อดีตก็คืออดีต มันจะติดตัวท่านมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“เป็นตัวข้าในอดีตได้ส่งต่อมันมาให้!” ฉินหยุนหัวเราะก่อนจะอธิบายเรื่องชนเผ่านักรบให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ฟัง
“ข้าทราบว่าเย่ว์โยวเข้าใจท่านผิด นางช่างโง่เขลานัก! นางเสียเวลาไปหนึ่งหมื่นปีก็ยังไม่อาจได้รับจันทราทมิฬ รอข้าไปถึงแดนเซียนอ้างว้าง เมื่อนั้นจะเยาะเย้ยนางจนตายตก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองจันทราทมิฬ นางอุทานกล่าวคำนับถือออกมา
“เย่ว์เหม่ย จันทราทมิฬนี้สำคัญต่อการสร้างพระราชวังกวงหานขึ้นมาใหม่งั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ข้าต้องการส่งมันกลับคืนให้พี่หยาง!”
“ไม่จำเป็นต้องให้พี่หยาง ในเมื่อท่านได้รับ ก็หมายความถึงเป็นโชคชะตาของท่านกับจันทราทมิฬ พี่หยางย่อมไม่คิดรับไว้แน่” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะอย่างมีเลศนัย “พี่หยางรักท่านมากมายเพียงนั้น ย่อมไม่คิดฉกชิงสิ่งของจากท่าน!”
“อย่าได้คิดอันใดไปไกล!” ฉินหยุนหยิกที่แก้มเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “พวกเราก็ควรเริ่มกันได้แล้ว”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลายเป็นจริงจัง กระจกน้อยถือไว้ในมือ นางกล่าว “พี่ชาย จารึกวิญญาณใดที่ท่านต้องการสกัดออกมา?”
“จารึกวิญญาณจ้าวเต๋า!” ฉินหยุนตอบกลับ “เจ้าได้คัดลอกมันจากผู้อาวุโสหลิงหลงแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ นางกล่าวถามเสียงเบา “พี่ชาย หากท่านมีจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า นั่นไม่ใช่หมายความว่าก้าวถึงการเป็นอาจารย์จารึกเต๋าแล้วหรือ?”
ฉินหยุนคิดไปครู่ เขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่มั่นใจเท่าใดนัก เพียงสกัดมันออกมาก่อน ภายหลังค่อยทราบแล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหลับตาลงและกล่าว “ข้าจะให้จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าปรากฏบนกระจก!”
โดยทันที ฉินหยุนได้เห็นจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าปรากฏขึ้น มันปรากฏขึ้นพร้อมอักขระประหลาดก่อตัว!
“เย่ว์เหม่ย จำครั้งที่พวกเราช่วยหงหลันสกัดเอาวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงออกมาได้ใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมจำได้! ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ออกจะยากกว่าครั้งนั้น ในตอนนั้นเป็นวิญญาณยุทธ์ ทว่าครั้งนี้เป็นจารึกวิญญาณ พวกมันแตกต่างกันมาก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“เป็นเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้หรือไม่” ฉินหยุนกล่าวพลางนำไข่มุกผนึกวิญญาณจำนวนมากออกมา วิญญาณยุทธ์ทั้งหลายต่างถูกผนึกเอาไว้ที่ภายในนั้น
วิญญาณยุทธ์อัดแน่นด้วยพลังจิตวิญญาณ มันคือรากฐานของการขัดเกลาวิญญาณ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “จารึกวิญญาณ จำเป็นต้องใช้พลังจิตวิญญาณมากมายมหาศาล!”
นางเองก็นำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณจำนวนมากออกมา เหล่านี้เป็นนางรวบรวมเป็นเวลาหลายปี ไข่มุกผนึกวิญญาณที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำออกมา พวกมันวางไว้เป็นกองสูงถึงสองเมตร
“ข้ายังมีวิญญาณยุทธ์ที่ดีอีกมาก พวกมันล้วนเป็นระดับทองม่วง!” ฉินหยุนกล่าว “ทว่าข้าไม่คิดอยากใช้พวกมันเท่าใดนัก”
เย่ว์เหม่ยหัวเราะ “ใช้พวกมันหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ตัวข้ามีรากฐานที่ดีแล้ว! พี่ชาย ตอนนี้ข้าสามารถใช้พลังจากวิญญาณยุทธ์ถึงห้าอย่างได้แล้ว!”
ฉินหยุนเผยความยินดี “เย่ว์เหม่ย เจ้านับวันยิ่งมีแต่น่าทึ่ง!”
“เริ่มกันได้แล้ว” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว นางรวบรวมพลัง จากวิญญาณยุทธ์กระจก นางบังคับนำเอาพลังจิตวิญญาณของจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าออกมา
ฉินหยุนนำไข่มุกผนึกวิญญาณพิเศษเผยออก เขาชักนำพลังจิตวิญญาณของจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าเข้าสู่ไข่มุกผนึกวิญญาณ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยยิ้ม “มีแต่พลังจิตวิญญาณที่ปล่อยออกจากกระจกของข้า จึงสามารถคัดลอกร่างจิตวิญญาณได้!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ถูกต้อง! กระทั่งว่าข้ามีวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ก็ยังไม่อาจใช้พลังจิตวิญญาณพิเศษเช่นนี้ออกมาได้!”
จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าคงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง มันเผยแสงพลังจิตวิญญาณอ่อนจางจนแทบไม่อาจมองเห็นด้วยดวงตา มีแต่ต้องใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งจึงสัมผัสถึงได้ ฉินหยุนใช้วิชาลับของเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ ทำการปลดปล่อยพลังของวิญญาณยุทธ์ออกจากไข่มุกผนึกวิญญาณ จากนั้นจึงใช้พวกมัน เพื่อเป็นแหล่งพลังให้แก่พลังจิตวิญญาณของจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเวลานี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ พลังจิตของนางก้าวหน้า ดังนั้น นางจึงสามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดพักบ่อยครั้ง
“พี่ชาย สภาพตอนนี้เหมือนกำลังก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์ขึ้นมา กระนั้น แม้เป็นเมล็ดพันธุ์ก็ยังไม่ใช่ที่สมบูรณ์!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองไข่มุกผนึกวิญญาณที่ว่างเปล่า นางกล่าวพร้อมเผยยิ้มบาง
“เป็นเช่นนั้น จารึกวิญญาณจ้าวเต๋าย่อมแตกต่าง!”
ฉินหยุนใช้งานวิญญาณยุทธ์ไปกว่าหนึ่งร้อยแล้ว กระนั้น มันก็ยังไม่อาจควบแน่นเมล็ดพันธุ์จิตวิญญาณแม้เศษเสี้ยวออกมา ตราบเท่าที่เขาควบแน่นเมล็ดพันธุ์จิตวิญญาณ นั่นหมายความถึงสำเร็จครึ่งทางแล้ว ส่วนที่เหลือจะขึ้นอยู่กับเวลา เชี่ยวเย่ว์เหม่ยใช้กระจกของนาง ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณของจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าออกมาต่อเนื่อง ตอนนี้สีหน้าของนางเคร่งเครียด ทั้งที่ตอนเริ่มงาน นางยังหัวเราะพลางสนทนากับฉินหยุนไปเรื่อย
ผ่านไปครึ่งวัน คิ้วน้อยของนางเริ่มขมวด ใบหน้าเริ่มเผยอาการหนักอึ้งออกมา ฉินหยุนหาได้ผ่อนคลายเช่นกัน ไม่เพียงแต่เขาต้องขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ เขายังต้องปลดปล่อยพลังจิตปริมาณมหาศาลออกมา เพื่อรวบรวมพลังของวิญญาณยุทธ์เข้าด้วยกัน ก่อนจะนำส่งให้พลังจิตวิญญาณของจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าได้ดูดกลืน
สองวันผ่านพ้น ไข่มุกผนึกวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำออกมา เวลานี้ทั้งหมดสูญเสียสีสันที่มีแต่เดิม นั่นหมายความถึง วิญญาณยุทธ์ที่บรรจุไว้ถูกใช้งานหมดสิ้นแล้ว!
“ใช้วิญญาณยุทธ์มากมายขนาดนี้ ก็ยังไม่อาจก่อตัวเมล็ดพันธุ์จิตวิญญาณขึ้นมาได้!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น เขาได้แต่นึกเสียใจก่อนจะนำเอาวิญญาณยุทธ์ล้ำค่าออกมา
“หากเป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน หรือวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ อย่างนั้นก็อาจทำสำเร็จได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “จารึกวิญญาณ คือสิ่งที่ยากสร้างขึ้นมาอย่างแท้จริง!”
ฉินหยุนถอนหายใจยาว เขานำเอาวิญญาณยุทธ์ที่ดีเหล่านี้ออกมาเพื่อขัดเกลา
“พี่ชาย เหตุใดจึงเลือกจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า จารึกวิญญาณโทเทมไม่ดีหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม
“ข้าเดิมคิด ว่าทรัพยากรในมือจะพอให้สกัดทั้งสองออกมาได้!” ฉินหยุนถอนหายใจ “ทว่าเป็นข้าคิดอ่านผิดพลาดไป”
“ความเห็นข้า จารึกวิญญาณโทเทมจะยิ่งยากกว่านี้! ความเข้าใจต่อร่างจิตวิญญาณบอกต่อข้า ว่าจารึกวิญญาณโทเทมนั้นทรงอำนาจยิ่งกว่า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยยิ้ม “หากท่านเลือกขัดเกลาจารึกวิญญาณโทเทม ข้าเกรงว่ามันคงจะต้องใช้ทรัพยากรระดับมหาศาล!”
ฉินหยุนคิดตาม เขาพบว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จารึกวิญญาณโทเทมไม่ใช่สิ่งปกติทั่วไปแต่แรก ดังนั้นแล้ว คิดสร้างขึ้นมาย่อมยากเย็นยิ่งกว่า
“เป็นข้ายังไม่รู้และเข้าใจมันดีพอ” ฉินหยุนเร่งรีบใช้งานวิญญาณยุทธ์ชั้นดีในมือจนหมด
ตอนนี้ ทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างไม่มีวิญญาณยุทธ์ใดหลงเหลือแล้ว
“อา…” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองฉินหยุนด้วยรอยยิ้มขื่นขม นางเป็นกังวลยิ่ง “พี่ชาย หากพวกเราหยุดที่ตรงนี้ พวกเราจะสูญเสียสิ่งที่ลงทุนทั้งหมดไป วิญญาณยุทธ์เหล่านั้นเป็นพวกเราพยายามอย่างหนักสะสมตลอดหลายปีมานี้!”
“ก็ได้ คงต้องให้วิญญาณยุทธ์ข้าเสียสละบ้างแล้ว”
ฉินหยุนถอนหายใจยาว พร้อมให้หลิงหยุนเอ๋อควบคุมวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ปลดปล่อย “จิตวิญญาณโลหิต” ออกมา วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนแข็งแกร่งมากล้ำ นอกจากนี้ เขายังมีอำนาจการรักษาตนเองกล้าแกร่ง กระนั้นเขาก็ไม่อาจให้มันต้องแบกรับความเจ็บปวดจนเกินไปได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงถูกวิญญาณยุทธ์ตนเองปฏิเสธ นั่นคือสิ่งที่หลิงหยุนเอ๋อบอกกล่าวต่อเขา เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเองก็ไร้ซึ่งความคิดอื่นใดแล้ว นางเริ่มปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณออกจากวิญญาณยุทธ์ของนาง มันคือสิ่งที่ปลดปล่อยเพิ่มเติมออกจากกระจกของนาง
“เสี่ยวหยุน ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าจับมังกรมาได้หรือ? วิญญาณมังกรของมังกรนั่นสมควรต้องแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“วิญญาณยุทธ์ที่ข้าใช้ พวกมันมากมายล้วนมาจากจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน ทั้งหมดจารึกวิญญาณจ้าวเต๋ากินไปหมดสิ้น สุดท้ายก็ยังไม่พอ!” ฉินหยุนกล่าว
“จิตวิญญาณสัตว์และจิตวิญญาณมนุษย์แตกต่างกัน จักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนเหล่านั้น ไม่ใช่ทุ่มเทพลังทั้งหมดใส่ไว้ในวิญญาณยุทธ์ พวกมันคงอยู่ที่แก่นเต๋าและผลึกแก้วชีวิต แต่กับสัตว์ พวกมันจะมีพลังอันแข็งแกร่งคงอยู่ภายในร่างจิตวิญญาณ” หลิงหยุนเอ๋ออธิบาย
ฉินหยุนนึกขึ้นได้ บรรพบุรุษราชสีห์สวรรค์ได้หลงเหลือจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ไว้ให้แก่เขา สิ่งนั้นมีความเลิศล้ำอย่างแท้จริง
เช่นนี้ ฉินหยุนจึงส่งเสียงเอ่ยถามต่อเหยาเฟิงที่ภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน “พี่สาวเหยาเฟิง พอจะช่วยข้าจัดการปัญหาเล็กน้อยได้หรือไม่?”
“เร่งรีบกล่าวมา” เหยาเฟิงตอบคำ
“ข้าจับตัวมังกรมาได้ ข้าต้องการไข่มุกมังกรและวิญญาณมังกร มังกรตัวนั้นแข็งแกร่ง ถูกขังเอาไว้ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ข้าคิดปลดปล่อยมังกรนั่นสู่ไข่มุกเม็ดที่สาม จากนั้นท่านช่วยลงมือสังหารมัน!” ฉินหยุนกล่าว
“ได้!” เหยาเฟิงรับคำรวดเร็ว
“พี่สาวเหยาเฟิง ข้ายังต้องการเนื้อมังกรเพื่อใช้ป้อนนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ด้วย!” ฉินหยุนกล่าวอีกครั้ง
“ข้ามีทาสเงาให้กลืนกินแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องการเนื้อเน่าพวกนั้น! ดังนั้นวางใจได้!” เหยาเฟิงฮึมฮัม
ฉินหยุนนำหม้อราชสีห์สววรรค์สะกดมังกรออกมา ใส่มันเข้าไปในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เพื่อให้เหยาเฟิงได้ปลดปล่อยมังกรออกมาจากที่ภายในมิติ
ไม่ช้า เหยาเฟิงจึงกล่าว “ของเล่นที่ดี! ก็เหมือนงูน้อยตัวหนึ่ง! นี่ยังไม่พอให้ข้าต้องใช้ฟันเคี้ยวเลย!”
ฉินหยุนมุมปากกระตุก มังกรตัวนั้นแข็งแกร่งเลิศล้ำ กระนั้น เหยาเฟิงกลับมองเหยียดต่อมันทุกกระเบียดนิ้ว หากมังกรอสูรได้ทราบ มันคงต้องตายซ้ำด้วยความโศกา ฉินหยุนรับหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรคืนกลับ จากนั้นจึงค่อยนำเอาวิญญาณมังกร และไข่มุกมังกรออกจากด้านใน
“พี่ชาย ไข่มุกมังกรและวิญญาณมังกรนี่ยังสดใหม่! อย่าได้บอกแล้ว ว่ามังกรของตระกูลหลงที่หายไปเป็นฝีมือท่าน?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองที่ไข่มุกมังกรอย่างนึกทึ่ง ภายในของมันคือวิญญาณมังกร
“นี่เจ้าทราบเรื่องตระกูลหลงสูญเสียมังกรได้อย่างไร?” ฉินหยุนขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“มันถือเป็นเรื่องใหญ่! ผู้คนล้วนทราบเรื่อง! ตระกูลหลงกำลังสืบหาอย่างจริงจัง! พวกนั้นสงสัยว่าหลงเฉียวเฟิงเป็นผู้กระทำ กระนั้นก็ยังคิดว่านางไม่อาจทำ กำลังของนางไม่มีทางทำได้ เพียงแต่กล่าวว่านางร่วมมือกับผู้อื่น นอกจากนี้ หลงเฉียวเฟิงในเวลานี้ก็ยังหายสาบสูญ!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยยิ้มซุกซน “พี่ชาย ท่านช่วยเหลือหลงเฉียวเฟิงแกะสลักอักขระโทเทมมังกรที่วิญญาณยุทธ์ โฮ่โฮ่… ไม่สงสัยเลยว่าพวกท่านร่วมมือกันก่อเรื่องนี้ขึ้น!”