ตอนที่ 412: ปล้นทรัพย์คลัง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 412: ปล้นทรัพย์คลัง

เจี้ยนเฉินรวมปราณกระบี่ขึ้นมาบนนิ้วของเขาและสังหารกลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอย่างราบคาบ จากกลุ่มนี้มีเซียนปฐพีเพียง 3 คนเท่านั้นที่โชคดีพอที่จะรอดจากการโจมตีครั้งแรก

“ฝ่าบาท โปรดหนีไป ! เราจะหยุดเขาเอง ! ” เซียนปฐพีสามคนนั้นไม่ได้ขี้ขลาดแม้แต่น้อย พวกเขายินดีที่จะละทิ้งชีวิตของพวกเขาเพื่อพยายามหยุดยั้งเจี้ยนเฉินไม่ให้โจมตีฮ่องเต้ของพวกเขา

แต่ฮ่องเต้มองดูทหารทั้งสามคนที่เต็มใจตายเพื่อเขาด้วยความสำนึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจหนีเพราะเขารู้ว่าตอนนี้การหลบหนีนั้นไร้ประโยชน์และจะเป็นการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น

หยุด ! ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็เรียกทหารทั้งสามอย่างหมดหนทาง เขามองดูเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าเศร้าโศกและตรัสว่า “ข้าถูกบังคับให้เข้าสู่สถานะที่ข้าหนีไม่พ้น โปรดบอกข้าว่าเจ้าเป็นใคร ข้าจะได้ตายตาหลับ”

เจี้ยนเฉินจ้องฮ่องเต้อย่างอดทนสักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่ควรรู้คือข้ามาจากอาณาจักรเกอซุน”

“เจ้ามาจากอาณาจักรเกอซุนอย่างที่ข้าคาดไว้จริง ๆ ด้วย” ฮ่องเต้ถอนหายใจก่อนที่จะมองย้อนกลับไปหาเจี้ยนเฉิน “ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของฮ่องเต้ผู้นี้ในการเข้าร่วมกับอีกสามอาณาจักรเพื่อโจมตีอาณาจักรเกอซุนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิด ข้าเคยมั่นใจว่าอาณาจักรเกอซุนจะไม่มีลูกไม้ซ่อนเร้นที่สามารถบุกพระราชวังของอาณาจักรปิงหยางของข้าและทำให้ข้าต้องเจอกับจุดจบเช่นนี้ ฮือ ~~~” ฮ่องเต้ดูทรุดโทรมยิ่งกว่าเดิมราวกับว่าเขาแก่เพิ่มขึ้นอีกหลายปีในพริบตา

“ฮ่องเต้ผู้นี้พ่ายแพ้ ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเพื่อเป็นการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าหรือทรมานข้า ข้าทำได้เพียงขอร้องให้เจ้าอภัยแก่ทหารเหล่านี้ พวกเขาบริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้ทำผิดเหมือนข้า” ฮ่องเต้อ้อนวอนอย่างนอบน้อม

“ฝ่าบาท ! ภารกิจเดียวในชีวิตของข้าคือการปกป้องให้พระองค์ปลอดภัย ! เราสามคนไม่กลัวความตาย ! ” ทหารสามคนประท้วงทันที พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าเขาและเจี้ยนเฉินโดยไม่กังวลเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง

ฮ่องเต้สั่นศีรษะ “สงครามครั้งนี้เป็นบาปที่ข้าต้องชดใช้เพียงคนเดียว การตัดสินใจเข้าทำสงครามไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า นอกจากนี้พวกเจ้ายังมีครอบครัวของตัวเองที่จะต้องดูแล”

เมื่อได้รับการเตือนให้นึกถึงครอบครัว ทหารสามคนนั้นก็ตัวแข็งทื่อพร้อมด้วยหยดน้ำตา

ดวงตาของเจี้ยนเฉินดูมืดมนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อฮ่องเต้พูดถึงครอบครัว เจี้ยนเฉินก็คิดถึงครอบครัวของตัวเอง

ฮ่องเต้อ้อนวอนเจี้ยนเฉินอีกครั้ง “ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะเรียกกองทัพของข้ากลับมา โปรดไว้ชีวิตทหารของข้าด้วย

เจี้ยนเฉินมองไปที่ทหารสามคนที่คุกเข่าอยู่ใกล้ ๆ เจี้ยนเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งแรกของเขา “ข้าจะให้อภัยพวกเขา แต่ถ้าพวกเขากล้าที่จะเอาเปรียบอาณาจักรเกอซุนไม่ว่าทางใด ข้าก็จะไม่ใจดีเช่นนี้อีก”

ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทหารแต่ละคนรับใช้เขามาอย่างน้อย 20 ปี พวกเขาปกป้องเขาโดยปราศจากคำถาม แม้ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ของพวกเขาและพวกเขาเป็นคนรับใช้ พวกเขาก็มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน ดังนั้นฮ่องเต้จึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อประกันว่าทหารทั้งสามคนจะไม่ตายไปพร้อมกับเขา ฮ่องเต้รู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนสวรรค์ ดังนั้นการส่งเซียนปฐพีทั้งสามคนนี้ไปก็จะเท่ากับว่าส่งพวกเขาไปตาย

แทนที่จะฆ่าฮ่องเต้ เจี้ยนเฉินคว้าไหล่ของเขาแล้วพาเขาออกไป ทิ้งทหารทั้งสามไว้เบื้องหลังในสภาพที่พวกเขายังคงคุกเข่าด้วยท่าทางที่น่าสังเวช

” ฝ่าบาท ! ” ทหารทั้งสามร่ำไห้เมื่อพวกเขาเห็นฮ่องเต้ของพวกเขาถูกลากออกไปไกล พวกเขาก็ไม่มีอำนาจที่จะตามเขาไปทั้งที่อยากไปใจจะขาด

เจี้ยนเฉินรีบออกจากห้องใต้ดินพร้อมกับฮ่องเต้ ในตอนนี้มีชายชุดเกราะจำนวนมากที่มีสถานะสูงพร้อมกับขุนนางคนอื่น ๆ ที่มารวมตัวกันในบริเวณใกล้เคียง

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเดินออกมา ทุกคนก็ตึงเครียดด้วยความวิตกกังวลขณะที่ชายหลายคนหยิบอาวุธเซียนของตนออกมา แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิต แต่พวกเขาก็ต้องการหยุดเจี้ยนเฉินเพราะพวกเขารู้ว่าในไม่ช้ากองทัพที่โจมตีชายแดนก็จะกลับมา

แต่เมื่อชายที่สวมเสื้อคลุมสีม่วงและสีทองเดินออกมาทุกคนก็ตกตะลึง มันไม่ได้ใช้อะไรมากนักที่จะบอกว่าฮ่องเต้ถูกเจี้ยนเฉินจับกุมตัว

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมตัวกันที่นี่ ฮ่องเต้ที่ถูกจับตัวก็ถอนหายใจและรับสั่งให้พวกเขาลดอาวุธลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นฮ่องเต้ก็ออกคำสั่งให้เรียกตัวทหารทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในป้อมปราการทางตอนเหนือของอาณาจักรเกอซุนกลับคืนมาโดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งจากเจี้ยนเฉิน

หลังจากออกคำสั่ง ฮ่องเต้หันไปหาเจี้ยนเฉินและตรัสว่า “เจ้าต้องการให้คนแก่อย่างข้าทำอะไรต่อ ? ” ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินทำให้ฮ่องเต้ยอมแพ้ที่จะหลบหนี เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ร่วมมือ กองทัพทั้งหมดของเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาน พระราชวังจะเนืองนองไปด้วยเลือดของประชาชนของเขา ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดามากในทวีป

” พาข้าไปที่คลัง ! ” เจี้ยนเฉินพูด

ใบหน้าของทุกคนซีดเซียว ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ” ม่มีทาง ! คลังเป็นรากฐานทางการเงินของอาณาจักรของเรา หากถูกเจ้าปล้น อาณาจักรของเราก็จะ..”

“พัพ ! “

ผู้อาวุโสเงียบลงในทันทีที่ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าถูกปล่อยออกมาและพุ่งเข้าใส่ศีรษะของเขา มันฆ่าเขาทันที

อัครเสนาบดี..!

ผู้คนมากมายเริ่มโศกเศร้ากับการตายของบุคคลนี้ ในขณะที่คนอื่นจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างโกรธเคือง

“ท่านอาจารย์” นายทหารหนุ่มสองสามคนร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก พวกเขาก็ดึงอาวุธเซียนของพวกเขาออกมา พวกเขาร้องออกมาด้วยความโกรธว่า “ข้าจะสู้ตาย ! ” จากนั้นพวกเขาพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉิน

“ไม่ ! พวกเจ้าทุกคนถอยไป ! ” ฮ่องเต้ตะโกนแต่โชคไม่ดีที่เขาพูดช้าเกินไป เจี้ยนเฉินเคลื่อนตัว เขายิงปราณกระบี่ผ่านลำคอของพวกเขาทำให้เลือดสาดไปทั่วห้องโถง

“ถอยไป ทุกคนถอยไป ! เขาไม่ใช่คนที่พวกเจ้าเอาชนะได้ ! ” ฮ่องเต้พูด คนเหล่านี้ล้วนมีตำแหน่งสูงในอาณาจักร หากพวกเขาต้องตาย อาณาจักรปิงหยางก็จะดับสูญและคงเหลือเพียงชื่อเท่านั้น เขาหันไปหาเจี้ยนเฉินด้วยความกลัวเขารีบพูดก่อนที่ทุกคนจะถูกฆ่าตาย “ข้าจะนำเจ้าไปที่คลัง ! ทุกคนลดอาวุธลง ไม่อย่างนั้นข้าจะตัดหัวพวกเจ้า ! “

หลังจากนั้นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรปิงหยางก็พาเจี้ยนเฉินไปที่คลังของอาณาจักร กลุ่มขุนนางและทหารติดตามมาด้วยใบหน้าที่วิตกกังวล

เจี้ยนเฉินและฮ่องเต้มาถึงคลังอย่างรวดเร็ว ทหารเปิดประตูคลังตามคำสั่งของฮ่องเต้ทันทีและอนุญาตให้พวกเขาเข้าไป

คลังตั้งอยู่ใต้ดินในใจกลางของพระราชวังและถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ที่สามารถเห็นสิ่งของทุกขนาด

อันดับแรกเจี้ยนเฉินบอกให้ฮ่องเต้แสดงให้เขาเห็นว่าแกนอสูรอยู่ที่ไหน มันเป็นพื้นที่กว้างขวางที่มีกล่องหลายแบบ มีพลังงานแปลก ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ไหลออกมาจากกล่อง และเมื่อเปิดมันออก เจี้ยนเฉินเห็นเข็มขัดมิติหลายชิ้นถูกจัดเรียงอยู่ภายใน

เจี้ยนเฉินกวาดสายตาผ่านทั้งหมด เขาไม่สนใจกล่องที่บรรจุแกนอสูรระดับ 1 และระดับ 2 เนื่องจากมีจำนวนมากเกินกว่าที่จะนับได้

เขาจึงเดินมาที่กล่องถัดมาและหยิบเข็มขัดมิติขึ้นมา จำนวนของแกนอสูรภายในถูกเขียนไว้บนเข็มขัดมิติแต่ละชิ้น

“แกนอสูรระดับ 3 จำนวน 500 อัน”

“แกนอสูรระดับ 3 จำนวน 621 อัน”

“แกนอสูรระดับ 3 จำนวน 1,000 อัน”

“แกนอสูรระดับ 4 จำนวน 600 อัน”

“แกนอสูรระดับ 4 จำนวน 530 อัน”

……..

เข็มขัดมิติแต่ละเส้นได้รับการจัดหมวดหมู่ระหว่างแกนอสูรระดับ 3, ระดับ 4 และระดับ 5 โดยมีแกนอสูรอสูรระดับ 3 อย่างน้อยที่สุดจำนวน 60,000-70,000 อัน, แกนอสูรระดับ 4 ประมาณ 10,000 อัน, แกนอสูรระดับ 5 ประมาณ 400 อัน

เจี้ยนเฉินเองยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความตื่นเต้นกับจำนวนตัวเลขเมื่อเขามองดูเข็มขัดมิติ จำนวนโดยรวมเกินกว่าที่เขาคาดไว้ มันทำให้เขาพูดไม่ออก

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดว่าอาณาจักรปิงหยางมีประชากรมากกว่า 700 ล้านคน เขาจึงเริ่มสงบลงเล็กน้อย นี่คือคลังสมบัติของทั้งอาณาจักร และถ้าเขาจะเอาแกนอสูรไปสักกอง มันคงจะไม่ทำให้อาณาจักรต้องล่มสลาย บางทีคลังแกนอสูรนี้อาจเป็นผลมาจากการสะสมมาหลายสิบปี

เจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะนำเข็มขัดมิติทุกชิ้นเข้าไปในวงแหวนมิติของเขา เขาเก็บทุกชิ้นแม่แต่แกนอสูรระดับ 1 และระดับ 2 เนื่องจากเขามีวงแหวนมิติเหลือเฟือ เขาจึงมีพื้นที่เพียงพอที่จะนำมันไปโดยไม่สร้างความเดือดร้อน

ฮ่องเต้โกรธมากเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินกวาดแกนอสูรไปมากมาย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะอยากร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก เขาก็ไม่สามารถหลั่งน้ำตาได้ เขาลอบถอนใจ เขารู้ว่าตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป หากอาณาจักรปิงหยางไม่พังทลาย มันก็จะถูกควบคุมเป็นเวลานาน

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็มาถึงบริเวณคลังเงิน หลังจากกวาดทุกอย่างไปเรียบ ตอนนี้เจี้ยนเฉินจึงมีเหรียญม่วงจำนวนมาก หากเขาคำนวณจำนวนทั้งหมด มันอาจจะมีเหรียญม่วงมากกว่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มาจากทั่วอาณาจักร