ตอนที่ 1550

War sovereign Soaring The Heavens

สารภาพ

 

 

 

ป๋ายลี่หงไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นถึงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว นับว่ามีความสำคัญต่อสำนักจันทร์จรัสแสงใหญ่หลวงนัก

 

เฉียนคงรู้ดี ว่าถึงแม้มันจะลงมือต่อป๋ายลี่หง แต่สุดท้ายไม่พ้นคงต้องถูกเจียงเว่ยหยุดไว้…

 

หากมันตัวคนเดียวไหนเลยมันจะยังกลัวเจียงเว่ย เพราะต่างบรรลุขอบเขตเซียนด้วยกันทั้งคู่!

 

อย่างไรก็ตาม มันยังมีทายาทหลายคนที่อาศัยอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสง หากมันยังหวังให้ทั้งหมดอยู่เย็นเป็นสุขในสำนักจันทร์จรัสแสง มันก็มิอาจล้ำเส้นเจียงเว่ยไปมากกว่านี้ ที่ควรหยุดก็ต้องหยุด

 

และเมื่อครู่เจียงเว่ยก็กล่าวอธิบายเรื่องราวออกมาชัดแล้ว เห็นชัดว่าหากมันยังดื้อรั้นลงมือ เกรงว่าคงได้แตกหักกับเจียงเว่ยจริงๆ…

 

“อาวุโสป๋ายลี่ ข้าต้องขออภัยต่อท่านด้วยที่เกิดเรื่องแบบนี้กับท่าน”

 

หลังเฉียนคงจากไปเจียงเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังเร่งหันไปประสานมือกล่าวคำกับป๋ายลี่หงด้วยความรู้สึกผิด

 

“เจ้าสำนัก เรื่องนี้ท่านมิได้ทำผิดอันใด ไหนเลยยังต้องขอขมาข้า”

 

ป๋ายลี่หงย่อมส่ายหัวไปเป็นธรรมดา เพราะมันเองก็รู้ดีว่าเจียงเว่ยไร้หนทางให้เลือก ที่สำคัญอีกฝ่ายก็ดูแลมันอย่างดีมาโดยตลอด

 

หาไม่แล้วมันคงออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปเข้าร่วมกับขุมพลังอื่นเนิ่นนานแล้ว

 

“อย่างไรเสียเรื่องนี้ข้าก็นับว่ามีส่วนผิดอยู่ดี…เอาอย่างนี้เถอะ ข้าได้ยินมาว่าศิษย์น้องท่านพามิตรสหายมาเข้าร่วมสำนักเรา…ให้ข้ามอบคะแนนอุทิศให้ทุกคนๆละหนึ่งล้านแต้ม ถือเสียว่าเป็นการชดใช้ให้ท่านเถอะอาวุโสป๋ายลี่…”

 

เจียงเว่ยย่อมเป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง ไหนเลยยังไม่รู้ได้ว่าหากมันคิดให้คะแนนอุทิศป๋ายลี่หง…อีกฝ่ายย่อมไม่มีวันรับ! มันจึงเลือกที่จะให้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆแทน!

 

และนับว่ามันฉลาดเลือกจริงๆ!

 

“เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว เจ้าสำนัก”

 

แม้ป๋ายลี่หงไม่สนใจรับคะแนนอุทิศอะไรจากเจียงเว่ยเพื่อเป็นการชดเชย ทว่าของชดเชยคราวนี้กลับเกี่ยวข้องกับมิตรสหายของต้วนหลิงเทียน และคะแนนอุทิศดังกล่าวก็นับว่ามีประโยชน์ต่อทุกคนไม่น้อย ในเมื่ออีกฝ่ายคิดชดใช้ให้มันๆก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ!

 

“อาวุโสป๋าย ท่านลี่เกรงใจข้าเกินไปแล้ว”

 

เมื่อเห็นว่าป๋ายลี่หงยินดีรับการชดเชย เจียงเว่ยก็จากไปอย่างโล่งอก

 

เจียงเว่ยในฐานะเจ้าสำนัก แน่นอนว่ากล่าวคำไหนย่อมเป็นคำนั้น ไม่ทันพ้นครึ่งวันดีก็มีอาวุโสฝ่ายในมาเยือนคฤหาสน์ป๋ายลี่หง และโอนคะแนนอุทิศให้เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆ…

 

คนละ 1,000,000 คะแนนอุทิศ!

 

วันนี้เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆก็ไม่ใช่ผู้ไม่ประสาที่พึงมาสำนักวันแรกอีกต่อไป! ทั้งหลายตระหนักได้ชัดเจนดีถึงความสำคัญของคะแนนอุทิศ 1,000,000 แต้ม! ด้วยเหตุนี้จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกันถ้วนหน้า!!

 

“…คะแนนอุทิศมากมายขนาดนี้ ท่านเจ้าสำนักให้พวกเราจริงหรือ?”

 

กระทั่งอาวุโสฝ่ายในที่มาถ่ายโอนคะแนนให้จากไป ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะมองแต้มคะแนนอุทิศที่ปรากฏบนบัตรแก้วด้วยสายตาอื้ออึง จังหวะนี้ทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะหันมองสบตากันเอง และต่างเห็นถึงความประหลาดใจและสับสนในแววตากันและกัน

 

พวกมันไม่รู้จริงๆว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

 

ฐานะเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงนั้นสูงส่งเกินไป ยากที่พวกมันจะเข้าถึงได้…

 

ทว่าตัวตนที่มีฐานะสูงส่งขนาดนั้นกลับส่งคนมามอบคะแนนอุทิศให้พวกมันคนละล้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ!

 

“เรื่องนี้…สมควรเป็นอาวุโสป๋ายลี่ทำอันใดบางอย่างเพื่อพวกเรา”

 

ซื่อหม่าฉางฟงคาดเดา

 

คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะมีแต่อาวุโสป๋ายลี่เท่านั้นที่จะมีอำนาจขนาดนี้

 

กว่าต้วนหลิงเทียนจะรู้เรื่องนี้ก็อีกหลายวันหลังจากนั้น

 

ทันทีที่เขาออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เขาก็ไปหาเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆทันที ด้วยอยากรู้ว่าทั้งหมดปรับตัวเข้ากับสำนักจันทร์จรัสแสงได้แล้วหรือยัง และนั่นทำให้เขาได้รับทราบจากเฟิ่งหวู่เต้าว่าแต่ละคนได้รับคะแนนอุทิศเพิ่มมาอีกคนละล้านแต้ม!

 

ต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อพบว่า คะแนนอุทิศเหล่านี้เป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงส่งคนมามอบให้!

 

ทันทีที่ทราบเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวครั้งนี้คงไม่ง่าย

 

ล้อกันเล่นหรือไง!?

 

เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆได้คะแนนอุทิศมาคนละล้านเปล่าๆ รวมๆแล้วนี่มันเกือบๆ 10 ล้านคะแนนอุทิศเชียวนะ!

 

ถึงแม้ว่าเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงสมควรมีคะแนนอุทิศเหลือเฟือ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยิบจ่ายได้ตามใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเอามามอบให้ผู้ที่พึ่งเข้าร่วมสำนักได้ไม่ทันไรแบบนี้อีก

 

ด้วยความอยากรู้ต้วนหลิงเทียนจึงไปหาป๋ายลี่หงทันที

 

“ศิษย์พี่ ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าสำนักมอบคะแนนอุทิศให้ลุงเฟิ่งกับคนอื่นๆคนละ 1 ล้านแต้มงั้นเหรอ…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?”

 

เมื่อเจอป๋ายลี่หงต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามออกไปทันที

 

เห็นใบหน้าสงสัยของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงเพียงยิ้มบางๆกล่าวตอบ “มิมีใดหรอกเพียงแค่เจ้าสำนักคิดชดใช้ให้ข้า แต่มันรู้ดีว่าหากให้ข้าโดยตรงข้าย่อมไม่ยอมรับ จึงเลือกที่จะทำเช่นนี้ ข้าเองก็มิมีเหตุผลให้ปฏิเสธ”

 

“เจ้าสำนักชดใช้ให้ท่าน?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำตอบ ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “แล้วทำไมเจ้าสำนักต้องชดใช้ให้ท่านด้วยเล่า?”

 

“เป็นเพราะจ้าวเฟิงน่ะ”

 

ป๋ายลี่หงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลงลึกค่อยตอบ

 

หลายวันที่ผ่านป๋ายลี่หงก็ลองคิดทบทวนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

การตายของจ้าวเฟิงใช่อุบัติเหตุจริงหรือไม่?

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่เชื่อว่าศิษย์น้องของมันมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าจ้าวเฟิง ทว่าเรื่องราวกับประจวบเหมาะเกินไป

 

ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงออกไปทำธุระนอกสำนักลำพังบ่อยครั้งก็ไม่เคยมีปัญหา

 

ทว่าคราวนี้เพราะคิดไปตามฆ่าศิษย์น้องมัน กลับต้องชะตาขาดพบพานกับความตายเสียได้!

 

“จ้าวเฟิง!?”

 

ได้ยินคำของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนพลันขมวดคิ้ว “ข้าเคยได้ยินเรื่องคนผู้นี้มาบ้าง…เห็นว่าเป็นอาจารย์ของเฝิงฟ่านที่ข้าฆ่าไป”

 

แม้สีหน้าต้วนหลิงเทียนจะสงบ แต่ในใจลอบสั่นไหวไปเสียไม่ได้

 

‘ดูเหมือนจ้าวเฟิงนั่นก็มีไข่มุกวิญญาณด้วยสินะ’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

“ยามนี้ในสำนักมีข่าว 2 ข่าวลือที่กำลังเป็นประเด็นร้อน เจ้ายังไม่ทราบหรือ?”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ข่าวลืออะไรเหรอศิษย์พี่?”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบจริงๆเพราะเขาตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาโดยตลอด และการปิดด่านบ่มเพาะคราวนี้…แม้ยังไม่บรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่เขาก็บ่มเพาะมาถึงจุดรอคอยแล้ว!

 

และด้วยความที่เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆก็กำลังง่วนอยู่กับเร่งพัฒนาด่านพลัง นั่นทำให้ทั้งหมดเองก็ไม่ได้ออกไปไหน จึงทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เรื่องข่าวลือทั้ง 2 ที่ว่าเลย…

 

หลังจากนั้นป๋ายลี่หงก็กล่าวบอกข่าวลือที่ว่าทั้ง 2 ให้ต้วนหลิงเทียนฟัง

 

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นมาทันใด “ไม่คิดเลยว่าข้าปิดด่านบ่มเพาะพลังครั้งนี้จะเกิดเรื่องขึ้นมากมายแบบนี้ได้…ข้าคิดว่าข่าวลือที่ว่าสมควรเป็นหลิวฮ่วนปล่อยออกมาไม่ผิดแน่!”

 

“เรื่องนี้ยังต้องคิดอีกเหรอ?”

 

ลูกตาป๋ายลี่หงหรี่ลง แสงเย็นเยือกหนึ่งวูบวาบออกมา

 

“ก็ไม่จำเป็นต้องคิดจริงๆนั่นล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนยังอดขำขึ้นมาไม่ได้

 

“สำหรับเรื่องที่เจ้าสำนักชดใช้ให้ข้า ก็มาจากเรื่องนี้เช่นกัน…หลายวันก่อนเจ้าสำนักกับอาวุโสเฉียนคงมาหาข้า เพื่อยืนยันว่าข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการตายของจ้าวเฟิง”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ป๋ายลี่หงก็เริ่มเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นให้ต้วนหลิงเทียนฟัง

 

“อาวุโสเฉียนคง?”

 

ต้วนหลิงเทียนสงสัย

 

“มันเป็นอาวุโสระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสง ยังเป็นหนึ่งในตัวตนขอบเขตเซียนที่มีอยู่ไม่กี่คนในสำนัก”

 

ป๋ายลี่หงอธิบายเพิ่ม

 

ขอบเขตเซียน!

 

ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย ‘เฉียนคงอะไรนั่นมันสนิทกับจ้าวเฟิงงั้นหรอ?’

 

การตายของจ้าวเฟิงกลับทำให้เฉียนคงต้องออกโรงมาแบบนี้ หากบอกว่าทั้ง 2 ไม่มีสัมพันธ์อะไรกันเขาไม่มีทางเชื่อ!

 

“ข้าเองก็มิคิดว่าการตายของจ้าวเฟิงจะทำให้เฉียนคงถึงกับออกหน้ามาเค้นความกับข้าแบบนี้…ทำให้ตัวตนขอบเขตเซียนเช่นมันเคลื่อนไหวได้ น่ากลัวความสัมพันธ์ระหว่างมันกับจ้าวเฟิงคมิใช่ธรรมดา!”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ

 

“หรือจ้าวเฟิงนั่น เป็นลูกนอกสมรสของมันกัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอกล้อออกมาด้วยความขบขัน

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนคงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวาจาเหลวไหลเรื่อยเปื่อยนี้ที่แท้กลับเป็นความจริง!

 

“ศิษย์พี่ ท่านเองก็นับว่าดุร้ายเอาเรื่องนัก! ถึงกับขอให้เฉียนคงนั่นกล่าวคำสาบานแบบนั้นได้ลงคอ…ตอนนั้นไม่พ้นมันต้องมีโมโหคิดฆ่าท่านใช่หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาคล้ายหยอกล้อ หากแต่ในใจลอบรู้สึกหนักอึ้งไม่น้อย

 

เหตุผลที่ป๋ายลี่หงกระทำแบบนี้เพราะคิดปกป้องเขา

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะบอกความจริงกับป๋ายลี่หง ว่าเขาฆ่าจ้าวเฟิงไปแล้วจริงๆ

 

“มันคิดฆ่าข้าทันทีเลยล่ะ!”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวเย้ยออกมา “น่าเสียดายที่เจ้าสำนักคงไม่มีวันปล่อยให้มันทำอะไรแบบนั้นได้…นอกจากนี้ต่อให้มันฆ่าข้าจริงๆ เกรงว่าหลังจากนี้คืนวันในสำนักจันทร์จรัสแสงคงไม่สงบสุขและอยู่ดีอีกแล้ว เพราะถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่เจ้าสำนัก กระทั่งอาวุโสขอบเขตเซียนทั้งหลายก็ต้องไม่พอใจมันแน่ กระทั่งอาจจะลอยแพมัน…อย่างไรเสียมันไม่ได้อยู่ในสำนักเพียงลำพัง จักทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังห่วงใยคนรอบกาย เฒ่าชราเช่นมันย่อมไม่ใช่ตัวโง่งมไหนเลยยังไม่ไตร่ตรองถึงเรื่องนี้…”

 

ถึงแม้ป๋ายลี่หงจะกล่าวออกมาคล้ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงอันตรายที่ป๋ายลี่หงเผชิญทันที!

 

หากป๋ายลี่หงต้องเป็นอะไรไปเพราะเขาขึ้นมา ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันอภัยให้ตัวเอง!

 

“ศิษย์พี่…ข้ามีเรื่องจะสารภาพต่อท่าน”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆรอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ เขาค่อยๆกล่าวออกมา “เป็นข้าเอง…ที่ฆ่าจ้าวเฟิง”

 

เปรี๊ยง!

 

วาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ยามเข้าหูป๋ายลี่หงก็เสมือนฟ้าผ่า!

 

ศิษย์น้องมันฆ่าจ้าวเฟิง?

 

มันเองก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าการตายของจ้าวเฟิงสมควรเกี่ยวข้องกับศิษย์น้องมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะถึงขั้นลงมือเอง! มันยังคิดไปว่าบางทีศิษย์น้องมันที่แท้อาจมีความเป็นมาไม่ธรรมดา และมีสุดยอดฝีมือลอบคุ้มครองอยู่ และยอดฝีมือคนนั้นก็เป็นผู้ที่ฆ่าจ้าวเฟิง!!

 

ทว่ามาตอนนี้ พอต้วนหลิงเทียนกล่าวสารภาพออกมา ก็ทำให้มันตระหนักได้ว่าที่มันคาดเอาไว้ล้วนผิดหมด!

 

“ศิษย์น้อง…นิ…นี่เจ้าเป็นคนฆ่าจ้าวเฟิงจริงๆหรือ?”

 

หลังอึ้งไปอยู่นานป๋ายลี่หงก็กล่าวถามออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

 

“ศิษย์พี่ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องหลอกท่าน…อันที่จริงก่อนออกเดินทางครั้งนี้ ข้าจงใจปล่อยให้เรื่องการเดินทางกลับบ้านเกิดเพียงลำพังของข้ารั่วไหลออกไปเอง ทั้งหมดเพื่อล่อเหยื่ออย่างหลิวฮ่วนมาฆ่า…แต่ใครจะไปรู้ว่าหลิวฮ่วนไม่มา กลับเป็นจ้าวเฟิงที่มาแทน…เรื่องนี้อันที่จริงก็อยู่เหนือความคาดหมายของข้าเช่นกัน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ไม่คิดเลยว่าจ้าวเฟิงนั่นมันจะลอบติดตามมาฆ่าข้า…แต่สุดท้ายมันต้องตายด้วยมือข้าแทน”

 

“ศิษย์น้องทีหลังเจ้ามีแผนอันใดสมควรปรึกษาข้าบ้าง…ที่หลิวฮ่วนมิได้ตามไปฆ่าเจ้า เป็นเพราะข้าเฝ้าจับตาดูมันอยู่ตลอดเวลา…”

 

ป๋ายลี่หงเผยยิ้มขื่นขมออกมา “ข้าเฝ้าจับตาดูมันแบบนั้น แล้วมันจะออกไปฆ่าเจ้าได้อย่างไร…”

 

“ศิษย์พี่ ท่าน…”

 

วาจานี้ของป๋ายลี่หงทำให้ต้วนหลิงเทียนใบ้กินไปพักหนึ่ง

 

เขากำลังสงสัยอยู่แล้วเชียว ว่าด้วยนิสัยของหลิวฮ่วน เป็นไปได้ยังไงที่มันยังไม่รีบแจ้นออกมาฆ่าเขา…

 

ที่แท้เป็นเพราะศิษย์พี่ของเขาเฝ้าจับตาดูมันเอาไว้นั่นเอง!

 

“ศิษย์น้องคราวหลังเจ้ามี ‘เรื่องดี’ อันใดช่วยกล่าวบอกข้าไว้ก่อนเถอะ…ข้าจะได้ไม่ทำให้ ‘เรื่องดี’ ของเจ้าเสียไปเช่นนี้”

 

ป๋ายลี่หงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน คำ ‘เรื่องดี’ ยังเน้นหนักเป็นพิเศษ

 

“ศิษย์พี่ข้าต้องขออภัยท่านด้วย ข้าไม่ควรปกปิดเรื่องนี้กับท่านจริงๆ…”

 

แม้ป๋ายลี่หงจะไม่ตำหนิอะไรเขา แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซึมไปด้วยความรู้สึกผิด