ตอนที่ 205 เจ้าเป็นใครกันแน่

 

 

แต่นางคงไม่ฆ่ากู้เหยี่ยนแน่ กว่านางจะคบหาเป็นเพื่อนกับกู้หลียวนไม่ใช่ง่ายๆ ถ้ากู้เหยี่ยนตายด้วยน้ำมือนาง สองพี่น้องคู่นี้คงไม่ให้อภัยนางแน่

 

 

นางแค้นกู้เหยี่ยน แต่กู้เหยี่ยนเป็นพ่อของสองพี่น้อง เวลานี้คนที่ทำร้ายนางจนตายไม่ใช่กู้เหยี่ยน นางไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตกู้เหยี่ยน ไว้ชีวิตเขา ให้เขารับกรรม รับกรรมด้วยตัวเอง ต่อจากนี้ไปนางกับกู้เหยี่ยนก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรอีก

 

 

เมื่อแน่ใจว่ากู้เหยี่ยนไปแล้ว ซูจิ่วซือก็ให้จื่อหลานไปเฝ้าอยู่ห่างๆ  ตนเองคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมศพ ยื่นมือไปคลำชื่อของตนเอง ใบหน้ามีรอยยิ้มขมขื่น

 

 

“ซูหลิ่ว ได้ยินหรือไม่ กู้เหยี่ยนเสียใจ น่าหัวเราะหรือไม่ เขายังอยากให้มีชาติหน้า เขาไม่รู้ว่าเจ้ากลับมาอีกชาติหนึ่งแล้ว ชาตินี้ซูหลิ่วไม่ต้องการกู้เหยี่ยน ให้เขาไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้”

 

 

ซูจิ่วซือยื่นมือไปลูบป้ายหลุมศพต่อ “ข้าจะดูแลหลียวนกับชิงเฉิงให้ดี และยังจะดูแลซูเหิงกับเหลียงอินด้วย เจ้าอยู่อย่างสงบเถอะ! เรื่องที่เจ้ายังทำไม่สำเร็จ ข้าจะทำให้สำเร็จ ชาตินี้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ให้ดีแทนเจ้า”

 

 

“ซูหลิ่ว วันหลังข้าคงไม่ได้มาเยี่ยมเจ้าอีก วันนี้ข้ามาก็เพื่อบอกเจ้า เวลานี้ข้าสบายดี ลูกๆ ก็สบายดี”

 

 

ขณะที่พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของซูจิ่วซือก็มีรอยยิ้มพอใจ “สวรรค์ทรงโปรดพวกเรา ทำให้เรามีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ข้าไม่มีวันทำเรื่องโง่ๆ อีก ไม่มีวันให้คนอย่างนั้นทำร้ายข้า เจ้าวางใจเถอะ”

 

 

“จิ่วซือ เจ้าพูดอะไร”

 

 

เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้ซูจิ่วซือสะดุ้ง นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงของกู้เฉินหรง แน่นอนว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ กู้เฉินหรงได้ยินหมดแล้ว

 

 

แต่กู้เฉินหรงแอบอยู่ที่ไหน ทำไมได้ยินคำพูดของตน ชั่วขณะนั้น ซูจิ่วซือกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที

 

 

แล้วนางก็เข้าใจทันที ข้างป้ายหลุมศพมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบังแดดไว้ ถ้าเดาไม่ผิด กู้เฉินหรงซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

กู้เฉินหรงจ้องหน้าซูจิ่วซือ ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกใดๆ บนใบหน้านี้รอดสายตาไปได้ “ทำไมเจ้าจึงพูดอย่างนี้กับท่านป้า จิ่วซือ เจ้ากลับมาอีกชาติหนึ่งหมายถึงอะไร โอกาสเริ่มต้นใหม่คืออะไร จิ่วซือ เจ้าเป็นใครกันแน่”

 

 

การที่ซูจิ่วซือมีความผูกพันกับซูหลิ่วเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจมาตลอด

 

 

และสายตาที่ซูจิ่วซือมองกู้เหยี่ยนก็ทำให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก และที่ซูจิ่วซือมีความแค้นต่อซูเหมยอย่างล้ำลึก นางไม่ยอมรับสกุลกู้เลย แต่กลับดีต่อกู้หลียวนและกู้ชิงเฉิงอย่างน่าประหลาดใจ

 

 

ความลักลั่นนี้ทำให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก รู้สึกว่าซูจิ่วซือมีความลับในตัวไม่น้อย

 

 

เมื่อครู่ขณะที่ได้ยินคำพูดของซูจิ่วซือ เขาก็นึกถึงที่ซูจิ่วซือขี่ม้ายิงธนูได้อย่างชำนาญ เคยอ่านเพลงกระบี่ตระกูลถัง และยังเข้าวังไปสอนพระสนมในวังได้ นี่แสดงว่าซูจิ่วซือมีความรอบรู้มากกว่าคนทั่วไป

 

 

เขาเคยสอบถามซูเหลียงอิน รู้ว่าหลังจากที่ซูจิ่วซือฟื้นขึ้นมานิสัยก็เปลี่ยนไปไม่น้อย และเมื่อก่อนซูจิ่วซือไม่มีโอกาสสัมผัสเรื่องเหล่านี้ เกี่ยวกับความสามารถของซูจิ่วซือ เขาเองก็ประหลาดใจมาก ใครหนอที่สอนซูจิ่วซือ คนที่สอนนางขี่ม้ายิงธนูไม่ใช่หวังเฉิงแน่

 

 

พอเขาได้ยินเรื่องราวเมื่อครู่ สมองก็เกิดความคิดขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ น่าอัศจรรย์เกินไป แต่ถ้าเขาคาดเดาถูกต้อง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มีคำอธิบายที่สมเหตุผล

 

 

“เจ้ามานานหรือยัง”

 

 

“ข้ามาตั้งแต่ท่านพ่อยังไม่ไป เจ้าพูดอะไรกับท่านพ่อ ข้าได้ยินหมด จิ่วเอ๋อร์ เจ้าคือป้าซูหลิ่วใช่หรือไม่”

 

 

ตอนที่ถามคำถามสุดท้าย กู้เฉินหรงเต็มไปด้วยความสงสัยและตึงเครียด