ตอนที่ 197

Legend of the mythological genes

“แกสามารถพบร่างจริงของฉันได้ แต่ทุกอย่างเปล่าประโยชน์ วันนี้ฉันจะกินแก มันนานมากแล้วที่ฉันไม่ได้กินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์ ฉันหิวมาก หิวเหลือเกิน..”หัวยักษ์นั่นเปล่งเสียงร้องประหลาด จากนั้นลมดำก็สำแดง อยากฉีกเฟิงหลินเป็นชิ้นๆเพื่อให้มันกลืนเขาได้ง่ายขึ้น

 

วิญญาณโลกีย์ตนนี้คือปีศาจที่มีการเคลื่อนไหวจำกัด มันสามารถอยู่ได้แค่ภายในขอบเขตหนึ่ง ดังนั้น พวกมันจึงมักเปลี่ยนเป็นหญิงชรา สาวสวย หญิงม่าย..ทุกรูปแบบเพื่อล่อเหยื่อให้เข้ามาอย่างเต็มใจ เมื่อเหยื่อเข้าสู่เขตแดนพวกมัน พวกมันก็จะกลืนกิน

แต่เฟิงหลินฉลาดพอจะสังเกตเห็นความจริง หากเขาถูกหลอกและกลืนโดยปีศาจ ผลที่ตามมาคงเลวร้ายมาก

บูม!

ปราณปีศาจระเบิด และหินกรวดบนพื้นก็เริ่มบินขึ้น หัวยักษ์ของวิญญาณโลกีย์พุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง อ้าปากกว้างและอยากกัดเฟิงหลิน

เฟิงหลินกระโดดขึ้นอากาศ วิญญาณโลกีย์พ่นลม สร้างลมดำที่ส่งหินใส่เขา

เฟิงหลินชกอากาศ ส่งหินเหล่านั้นกลับไปหาวิญญาณโลกีย์และทำให้มันร้องโหยหวน มันพลันเปิดปากกว้างและสูดลม อยากดูดทุกอย่างเข้าไป

แรงดูดน่าพิศวงสามารถสัมผัสได้ในอากาศ

ร่างของเฟิงหลินถูกลากเข้าหามันอย่างรวดเร็ว หากเขาเข้าไปในท้องปีศาจ เขาอาจไม่เหลือแม้แต่กระดูก ทุกอย่างคงถูกย่อย

ปีศาจเหล่านี้มีความสามารถแปลกประหลาดมาก ดังนั้นจึงจัดการได้ยากยิ่ง

เฟิงหลินใช้พลังวิญญาณเขาและเปิดใช้ความสามารถทะยานเมฆ ต่อต้านแรงดูด

เขาจ้องร่างของวิญญาณโลกีย์ที่ปกคลุมด้วยชั้นหมอกดำ หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ วิญญาณโลกีย์คือวิญญาณประเภทที่ยังผูกพันกับโลกเพราะความรู้สึกไม่พอใจและอยากล้างแค้น แน่นอน พวกมันคือเป็นปีศาจประเภทหนึ่งที่มีกายวิญญาณ

แบบนี้ การโจมตีทางกายภาพคงใช้กับมันไม่ได้

เฟิงหลินปล่อยพลังวิญญาณ รวมมันเข้าด้วยกันและสร้างเป็นดาบแสงสีทอง หลังจากนั้น เขาก็แทงมันใส่หน้าผากของวิญญาณโลกีย์

วินาทีที่ดาบวิญญาณเขาแทงเข้าเป้าหมาย จิตใจเขาก็ถูกความโศกเศร้าถาโถม มีความคิดปั่นป่วนมากมายนับไม่ถ้วน เฟิงหลินไม่ลังเล เขาควบคุมเจตจำนงค์ดาบและทำลายความคิดวุ่นวายแสนชั่วร้ายเหล่านี้ทั้งหมด

วิญญาณโลกีย์ร้องโหยหวน ร่างมันเริ่มสลายกลายเป็นควันดำก่อนหายไปในอากาศ ทิ้งวัตถุทรงกลมสีดำไว้เท่านั้น

เฟิงหลินส่งพลังจิตเขาไปยกมันขึ้นมาบนฝ่ามือ มันรู้สึกเย็น

จนถึงตอนนี้ เขาได้รับแกนปีศาจมาแล้วสามอัน นี่ควรเทียบได้กับอวัยวะเหนือธรรมชาติที่เป็นแก่นของการบ่มเพาะปีศาจ พวกมันล้ำค่ามาก

ต่อไป เฟิงหลินยังคงเดินผ่านดินแดนนี้ ความถี่ที่พวกปีศาจและสัตว์ประหลาดจะโจมตีบ่อยขึ้น ปีศาจมีหลากประเภท แมวสองห่างหรือเนโกะมาตะ นกหัวมนุษย์อุบูเมะ และปีศาจคอยาว ฮิโตบัน…

เขาไม่แสดงความเมตตา ทำลายพวกมันทั้งหมดเมื่อพบเจอ

สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเหล่านี้คือปีศาจ อสูร ผีหรือสัตว์ประหลาด สำหรับสิ่งลวงตาเช่นผีและมาร เขาจะไม่เป็นไรตราบเท่าที่พลังวิญญาณแข็งแกร่งพอ เขาสามารถทำลายพวกมันได้ง่ายๆ

ปีศาจและสัตว์ประหลาดรับมือได้ยากกว่า พวกมันมีร่างกาย เฟิงหลินต้องพยายามอย่างมากเพื่อทำลายพวกมัน

มีอุปสรรคมากมายในการเดินทาง ปีศาจและสัตว์ประหลาดมีมากไม่รู้จบและพวกมันก็จะกรูกันมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงเลือดและเนื้อ แต่ทั้งหมดก็ล้วนตายภายใต้เฟิงหลิน

ปีศาจและสัตว์ประหลาดต่างๆจากตำนานญี่ปุ่นปรากฏทีละตัว นี่คือโลกของปีศาจ ดูไม่มีมนุษย์เลย

เฟิงหลินไตร่ตรอง

ในตำนานญี่ปุ่น ผี ปีศาจ สัตว์ประหลาดและมารจะไม่แตกต่างไปจากเซียน เทพ นักบุญและพระพุทธเจ้า ความแตกต่างเดียวคือจะมีพวกได้รับการเคารพ และไม่ได้รับการเคารพ

ไม่ว่าจะน่ากลัวหรือมีมนุษย์ถูกกินมากแค่ไหน ตราบเท่าที่มีคนบูชา มันจะกลายเป็นเทพ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศเล็กๆอย่างญี่ปุ่นถึงมีเทพกว่า800ล้านองค์

ตามความเป็นจริง เทพเจ้าญี่ปุ่นหลายคนเป็นตำนานเกินจริง ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย มีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายมากมายที่มนุษย์ไม่เชื่อ

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เทพญี่ปุ่นมีระดับต่ำมากและอำนาจก็เล็กจ๋อย

แม้ปีศาจของตำนานญี่ปุ่นจะแปลกประหลาด พลังพวกมันก็ไม่สูง เทียบกับอสูรของตำนานฮั่วเซียที่สามารถทำลายโลกได้ พลังถือว่าคนละชั้น มีแค่ยามาตะโนะโอโรจิ ชูเต็งโดจิ ไดเท็งกุ และคิวบิโนะคิตซึเนะ(จิ้งจอกเก้าหาง)จึงถือเป็นปีศาจขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ โลกนี้ยังเป็นดินแดนแฟนตาซี พลังของพวกปีศาจที่นี่ย่อมลดลงหากเทียบกับปีศาจจริงๆ

ขณะที่เฟิงหลินเดินทาง เขาไม่แสดงความเมตตา กำจัดปีศาจทั้งหมด

หลังพวกปีศาจและมารตาย พวกมันจะหายไปและทิ้งแกนปีศาจหลากสีไว้ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานลี้ลับ

โดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้ามืดแล้ว ฝนหนักเริ่มเทลงมา เฟิงหลินพบวัดทรุดโทรมและหลังเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงตัดสินใจพักที่นั่น

หลังก่อกองไฟ เขาก็หยิบแกนปีศาจออกมาและเริ่มสำรวจพวกมัน

แกนปีศาจเหล่านี้มีลักษณะคล้ายไข่มุกน้ำดีที่เขาได้รับจากยามาตะโนะโอโรจิ แต่พวกมันเล็กกว่ามาก ระดับพลังงานก็ไม่สูง แต่ทว่า แกนปีศาจเหล่านี้มีจุดประสงค์เหมือนกับอวัยวะเหนือธรรมชาติ พวกมันเป็นแก่นพลังงานของพวกปีศาจ

เมื่อเห็นว่าระดับพลังงานในแกนปีศาจไม่สูง เฟิงหลินก็ไม่คิดสนใจปรุงยาด้วยพวกมัน

จากสถานะพลังชีวิตปัจจุบันเขา ต่อให้เขากลืนเม็ดสีทองไปตอนนี้ เขาก็ยังสามารถย่อยพลังงานได้

ดังนั้น สำหรับเขา แกนปีศาจเล็กๆเหล่านี้ถือเป็นของว่าง

เฟิงหลินหยิมมันขึ้นมาและกลืนมันลงไป แกนปีศาจเปลี่ยนเป็นคลื่นอบอุ่น จากนั้นเขาก็เปิดใช้การแปลงพลังงานเป็นชี่ และแปลงพลังงานในนั้นเป็นศักยภาพพันธุกรรม

ศักยภาพพันธุกรรม+28% +28% +28%..

รวมแล้ว เขาได้รับศักยภาพพันธุกรรม336%จากแกนปีศาจหนึ่งอัน

เฟิงหลินเหมือนเด็กที่ได้กินขนมอร่อย เขาเลียปากด้วยความพอใจและความหิวเขาก็ยังไม่หมด

คุณภาพของแกนปีศาจนี้ไม่ได้ด้อยกว่ายาพันธุกรรมเกรดสมบูรณ์

แกนปีศาจเต็มไปด้วยแก่นของปีศาจและผลก็ยอดเยี่ยม

แต่ทว่า เฟิงหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงต้องลำบากมากนัก ดำลงมาร่องลึกแค่เพื่อรับเอาแกนปีศาจเหล่านี้?

นี่ไม่ถูกต้อง

มันคงดีหากเขาจับได้สักคนและซักถาม!

น่าเศร้า พื้นที่ในดินแดนจินตนาการแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป คนที่เข้ามาดูเหมือนจะถูกสุ่มแยกกัน

แต่โชคดี ยังมีเวลาอีกยี่สิบวันก่อนการสอบรอบสองจะมาถึง เขาไม่รีบเลย เขามีเวลาพอจะเล่นกับคนญี่ปุ่นเหล่านี้

จากนั้นเฟิงหลินก็นั่งลงเพื่อปรับลมหายใจเขา ทำสมาธิแทนการนอนหลับ

ฝนตกหนักมากและก็ไม่หยุดทั้งคืน

แปะ แปะ!

เสียงคนกำลังวิ่งไปบนพื้นเปียกดังขึ้น มันเป็นไปได้ว่าคนๆนี้คงเห็นแสงกองไฟและรีบวิ่งมา

 

“เป็นฟูมะคุงหรือยามาชิตะคุง?หรือเป็นเทพธิดา?ฉันยามาโมโตะ อิชิโระ..”เสียงดังล่องลอยมา เต็มไปด้วยความสุข

ดวงตาของเฟิงหลินเบิกกว้างและเห็นคนแต่งตัวสีดำเดินมาที่วัดและคล้ายกับนินจา เมื่อเขาเห็นเฟิงหลิน รอยยิ้มบนหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

“บากะ!แกเป็นใคร?แกเข้าอาณาจักรลับคุซานางิมาได้ยังไง?..”
ก่อนเขาจะพูดจบ เฟิงหลินก็ลงมือแล้ว ร่างเขาเปลี่ยนเป็นภาพติดต่อขณะกระโจนมา มือของเฟิงหลินกางเป็นกรงเล็บ คว้าหัวของชายผู้นี้ อยากสยบเขาในครั้งเดียว