ตอนที่ 764 : ความแข็งแกร่งแท้จริง

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

การแข่งขันครั้งนี้ ไม่เพียงแต่อักขระตะวันที่เป็นรางวัล แต่ยังมีอักขระจันทรา อักขระดวงดาว อักขระเต๋า และอักขระลึกล้ำ เหล่านี้ทั้งหมดอยู่ระดับชั้นเลิศหรือระดับราชัน ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี้ต่างโหยหาต่ออักขระตะวัน แม้ทราบว่าการได้รับมาไม่ง่าย กระนั้นพวกเขาก็คิด ว่าหากไม่ได้รับอักขระตะวัน ก็ยังมีรางวัลอื่นรอคอย

มู่เฟิงเองก็คิดเช่นเดียวกันนี้ เขาส่งเสียงสื่อสารมายังฉินหยุนพร้อมกล่าว “เจ้าปีศาจน้อย อย่างน้อยอาจารย์จารึกเต๋าจากตระกูลเจี้ยนก็มีที่นี้กว่าสามสิบคน และอาจารย์จารึกลึกล้ำอีกนับร้อย!”

ได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนเกือบหวาดกลัวไป กระนั้น เขาก็ยังคิดต่อไป ว่าผู้คนเหล่านี้มาจากตระกูลเจี้ยนทั่วทั้งแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่รับมือยากเพียงนั้น เจี้ยนหลิงหลงก็มาจากตระกูลเจี้ยน แต่ถึงอย่างนั้น นางกลับเข้าร่วมในฐานะตัวแทนจากนครเซียนยุทธภัณฑ์

“เหล่ามู่ ข้อมูลอันใดที่ท่านรวบรวมมาได้?” ฉินหยุนหันมองทางอาจารย์จารึกผู้อื่นที่นี่ เขาเพียงรู้จักมู่เฟิงและเจี้ยนหลิงหลง

“มีอาจารย์จารึกลึกล้ำยังเยาว์สามคนที่เข้าร่วม เจ้าคงได้เห็นแล้ว พวกนั้นอย่างน้อยก็อายุนับร้อยปีกระมัง!” มู่เฟิงกล่าว

“ร้อยปีท่านก็นับยังเยาว์หรือ?” ฉินหยุนเผยเสียงเดียดฉันท์ ตัวเขาและเหลียวจิงเหมิงต่างหากจึงยังเยาว์ และยังได้เป็นถึงอาจารย์จารึกลึกล้ำแล้ว

“เจ้าปีศาจน้อย นี่ก็ถือว่าดีล้ำแล้ว! คิดว่าผู้คนเป็นอสูรกายเช่นเจ้าหรือ?” มู่เฟิงกล่าว

ถึงตอนนี้ หลายคนต่างมองทางเด็กหนุ่มเช่นฉินหยุน ตัวฉินหยุนเพิ่งได้คิด ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยแปรเปลี่ยนตัวเขาเป็นยังเด็กเพียงนี้ไม่สมเหตุสมผล มันจะกลายเป็นดึงดูดความสนใจจนเกินไป ชัดเจนว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจงใจก่อเรื่อง!

ฉินหยุนตอนนี้ยืนอยู่ข้างมู่เฟิง เขารู้สึกไม่ใคร่สบายใจเท่าใดนักยามถูกจับจ้องโดยหลายผู้คน

ตราบเท่าที่มีเหรียญม่วงในมือมากพอ ย่อมเข้าร่วมการแข่งขันจารึกยุทธ์ดาบได้ ฉินหยุนจ่ายไปหนึ่งพันล้านเรียบร้อย ดังนั้น แม้เขาไม่ทราบเรื่องราวใด ตำหนักเซียนดาบก็จะไม่ห้ามปรามใดทั้งสิ้น เนื่องด้วยพวกเขาได้รับเหรียญม่วงไปแล้ว ยังจะมาตั้งข้อครหาเพื่อเหตุผลอันใด?

“ตระกูลใดถึงขั้นยอมจ่ายหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงให้เด็กน้อยเช่นนี้ได้เข้าแข่งขัน!”

“บางทีอาจเป็นแผนการร้าย เช่นแสร้งทำตัวเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อที่จะได้กลับไปคุยโวได้เป็นร้อยปี!”

“หากมาที่นี่เพื่อคิดอวดดี จากนั้นจึงนำไปโพนทะนาทั่ว จะไม่กลายเป็นที่ขบขันเอาหรอกหรือไร?”

“ผู้ใดทราบ อย่างไรแล้ว พวกเราล้วนไม่อาจทราบความคิดผู้ร่ำรวยได้”

ผู้คนที่รับชมจากด้านนอกเวทีแข่งขัน ต่างรู้สึกว่าผู้อื่นทำเช่นนี้ออกจะสิ้นเปลืองจนเกินไปแล้ว และบรรดาอาจารย์จารึกที่อยู่บนเวทีแข่งขัน ต่างรู้สึกว่าปีศาจน้อยตรงหน้าทะเยอทะยานจนเกินไป โดยเฉพาะสายตาของเหล่าผู้เฒ่าซึ่งอยู่มานานนับหลายพันปี เขาไม่ต่างอะไรกับทารกแรกเกิด

ผู้อาวุโสชุดขาวไว้หนวดเคราแทบลากยาวถึงพื้น ได้ก้าวเดินเข้ามายังฉินหยุนพร้อมหัวเราะเบา “เด็กน้อยเอ๋ย ผู้อาวุโสตระกูลเจ้าอยู่ที่ใด? เจ้าจ่ายเหรียญม่วงมากมายเพียงนี้ คิดมาเพื่อหาอาจารย์ที่ดีอย่างนั้นหรือ?”

ได้ยินคำกล่าวชายชรา หลายคนจึงค่อยได้ตระหนัก พวกเขาล้วนทราบ ว่าการได้เป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของอาจารย์จารึกเต๋ายากเย็นแสนลำบากเพียงใด บรรดาอาจารย์จารึกที่เลิศล้ำ ยามคิดหาตัวศิษย์ นั่นก็เป็นเรื่องของโชคชะตาแล้ว แต่หากการใช้จ่ายหนึ่งพันล้านเหรียญม่วงเพื่อหาตัวอาจารย์ที่ดีได้ อย่างนั้นก็นับว่าคุ้มค่า

“ผู้อาวุโสตระกูลข้าล้วนสิ้นชีวิตกันหมดแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“นี่…” ผู้อาวุโสหนวดเครายาวถึงกับไม่ทราบควรพูดกล่าวอันใด

“พวกเขาล้วนชราภาพและตายจาก นี่เป็นเรื่องปกติ! แท้ที่จริงแล้ว ทุกคนย่อมมีชะตาต้องตาย นั่นขึ้นอยู่กับว่าเร็วหรือช้า” คำกล่าวของฉินหยุน ถือเป็นการสร้างแรงกระแทกต่อบรรดาอาจารย์จารึกเฒ่าชราครั้งใหญ่

สภาพโดยรอบของเวทีการแข่งขันกลับกลายเป็นหนักอึ้งมหาศาล ไม่เพียงแต่อาจารย์จารึกเฒ่าชรา กระทั่งผู้อาวุโสทั้งหลายที่มารับชมการแข่งขัน หลังได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน พวกเขาล้วนสบถก่นด่าภายในใจไม่รู้จบ

“เจ้าปีศาจน้อยผู้นี้ช่างฝีปากกล้าดีนัก! ยามพูดกล่าว มันไม่แม้จะมองว่าตนเองอยู่ต่อหน้าผู้ใด!” คนหนึ่งสบถออกเสียงเบา

ชายชราหนวดเครายาวเผยเสียงหัวเราะ “เด็กน้อยเอ๋ย เจ้ายังเยาว์ กระนั้นกลับเฉยชาต่อชีวิตและความตายได้เพียงนี้ ช่างน่านับถืออย่างแท้จริง”

ฉินหยุนจึงยิ้มกล่าว “ไม่นับเป็นอันใด ตัวข้าเพียงมีชีวิตมากว่าหมื่นปี เจ้าเองก็อยู่มานานเพียงนี้ ย่อมสมควรต้องเฉยชาต่อชีวิตและความตายเช่นกันแล้ว!”

ความวุ่นวายครั้งใหญ่จึงบังเกิดต่อทุกผู้คนในที่นี้! เด็กหนุ่มตรงหน้า ถึงขั้นมีอายุยืนยาวมาแล้วนับหมื่นปี ผู้คนพบว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อได้! ด้วยความชรา กระนั้นกลับคงสภาพรูปลักษณ์เยาว์วัยเป็นเด็กหนุ่ม หากไม่ใช่การกินเม็ดยาเซียนหรือผลไม้เซียน เช่นนั้นก็ต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาประหลาด

ดวงตาของชายชราหนวดเครายาวเผยดวงตาเบิกกว้าง มันแทบจะถลนออก เพราะเขายากจะเชื่อ ว่าปีศาจน้อยตรงหน้าตนเอง คือตาเฒ่าที่มีอายุยืนยาวมานานนับหมื่นปี

“นี่… จริงอย่างนั้นหรือ?” ชายชราไว้หนวดเครายาวกล่าวถาม

“ย่อมไม่จริง ข้าเพียงกล่าวไปเรื่อย!” ฉินหยุนหัวเราะดัง ราวกับเขากำลังหยอกล้อผู้น้อยที่อยู่ตรงหน้า

หลายคนต่างสบถออกมา กระนั้น ก็ยังมีคนจำนวหนึ่งที่เชื่อว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริง เพราะเหตุนี้ ผู้คนจึงยังมีความคลางใจต่ออายุของเด็กหนุ่ม

คนหนึ่งกล่าวคำขึ้น “นำเอาอุปกรณ์ตรวจสอบอายุมา!”

แม้กล่าวเช่นนั้น ทว่าพวกเขาไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบ เพราะขั้นตอนการลงทะเบียน เพียงเรียกร้องเหรียญม่วงจากผู้คน เจี้ยนสือเทียนทะยานร่างลงจากที่นั่ง มาถึงด้านบนเวทีการแข่งขัน เวลานี้ หลายคนรอบด้านต่างเงียบเสียงลง

เจี้ยนสือเทียนกล่าวคำดัง “ตระกูลเจี้ยนของเราจัดงานชุมนุมยุทธ์ดาบขึ้น ก็เพื่อให้ทุกท่านได้มาเยี่ยมชมเกาะแห่งดาบที่สร้างขึ้นใหม่ พร้อมกันนี้ ยังมีการนำอักขระจำนวนหนึ่งมามอบให้แก่ผู้ที่มีพรหมลิขิตด้วย!”

“หากคิดอยากได้รับอักขระล้ำค่าของพวกเรา เช่นนั้นจงเผยกำลังออกมาให้เห็น!”

“ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันจารึกยุทธ์ดาบ จึงเป็นการดึงเอาขีดจำกัดสูงสุดของผู้คนออกมา มันจะทั้งทำให้อ่อนล้าและหมดเรี่ยวแรง!”

ฉินหยุนจับจ้องที่เจี้ยนหลิงหลง ใบหน้าของนางเผยความโกรธแค้น เพราะตระกูลเจี้ยนไม่ยินยอมส่งมอบอักขระเต๋าอันล้ำค่าให้แก่นาง ทว่ากลับจะมอบเป็นของขวัญแก่คนนอก ทั้งที่นางคือคนของตระกูลเจี้ยน ผู้ซึ่งครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า

“วันนี้คือการทดสอบครั้งแรก พวกเราจะทดสอบอาจารย์จารึกถึงกำลังพื้นฐาน นั่นก็คือพลังจิต!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว

พลังจิตคือส่วนสำคัญของการเป็นอาจารย์จารึก ฉินหยุนไม่คิด ว่าสถานการณ์จะผิดคาดเช่นนี้ ทว่าเขาก็ยังคงสงสัยต่อวิธีการทดสอบ

อาจารย์จารึกผู้หนึ่งกล่าวถามขึ้น “จ้าวสำนักดาบ การทดสอบนี้ จะเป็นการรีดเร้นพลังจิตของพวกเราจนถึงขีดจำกัดอย่างนั้นหรือ?”

เจี้ยนสือเทียนยิ้มกล่าว “หากคิดอยากเก็บงำกำลัง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเผยออกจนหมดสิ้น กระนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะถูกคัดออก!”

การทดสอบพลังจิตต่อบรรดาอาจารย์จารึก มันเปรียบดังของหวาน ไม่มีผู้ใดในพวกเขาเผยความเคร่งเครียด ทว่าฉินหยุนไม่ใช่ เขาตั้งข้อสงสัย เขาทราบว่าตระกูลเจี้ยนจะไม่มีทางส่งมอบอักขระเหล่านั้นโดยสูญเปล่า การทดสอบพลังจิต ย่อมต้องมีเป้าหมายไปยังอาจารย์จารึกที่ไม่ใช่มาจากตระกูลเจี้ยน

หากสุดท้ายแล้วผู้ชนะได้รับอักขระล้ำค่ามาจากตระกูลเจี้ยน เช่นนั้น ตระกูลเจี้ยนก็หาได้สูญเสียสิ่งใดไป ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับเหรียญม่วงมากมาย นอกจากนี้แล้ว ตระกูลเจี้ยนยังจะได้รับชื่อเสียงครั้งยิ่งใหญ่ ฉินหยุนเพียงคิดก็ได้ทราบกลลวงครั้งนี้

“จะมีอาจารย์จารึกแค่หนึ่งร้อยคนที่จะผ่านเข้าสู่รอบถัดไปได้!” เจี้ยนสือเทียนกล่าวคำเหล่านี้จบ ผู้คนจึงร้องอุทานออกมาดัง

เพียงการทดสอบพลังจิต หลายร้อยคนถึงกับต้องถูกคัดออก ฉินหยุนทราบแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้

เจี้ยนสือเทียนโบกมือพร้อมคนตระกูลเจี้ยนหลายคนก้าวเดินออกมา พวกเขาต่างถือบอลผลึกแก้วโปร่งแสงขนาดใหญ่ยักษ์ มันคือบอลผลึกแก้วที่สูงขนาดครึ่งตัวคน พวกมันถูกวางกับพื้นเรียงรายล้อมลานกว้าง และทั้งลานกว้าง มีบอลผลึกแก้วขนาดใหญ่นี้เพียงหนึ่งร้อยลูก

เจี้ยนสือเทียนกล่าว “บอลผลึกแก้วเหล่านี้สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทุกท่านต้องใช้พลังจิตสูงสุดใส่เข้าไปในบอลเหล่านี้ พร้อมทิ้งนามเอาไว้ที่ภายใน!”

“บอลผลึกแก้วมีทั้งสิ้นหนึ่งร้อย นี่หมายความถึงต้องมีการลบนามของผู้อื่น จากนั้นจึงทิ้งนามของตนเองเอาไว้แทน! มีแต่การปลดปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งยิ่งกว่า จึงสามารถทำการลบนามของผู้คนก่อนหน้าได้!”

“ด้วยเหตุนี้ หากคิดอยากเข้าสู่รอบถัดไป ก็จงใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งที่สุดออกมา และทิ้งนามเอาไว้ภายในบอลผลึกแก้ว!”

อาจารย์จารึกลึกล้ำวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวถาม “อาจารย์จารึกเต๋าย่อมแข็งแกร่งกว่าพวกเราแล้ว!”

อาจารย์จารึกลึกล้ำหลายคนต่างเห็นพ้องพร้อมทักท้วง

“อาจารย์จารึกเต๋าย่อมมีพลังจิตแข็งแกร่ง กระนั้น ก็ยังมีอาจารย์จารึกลึกล้ำหลายคนที่ฝึกฝนจนทัดเทียมอาจารย์จารึกเต๋า ดังนั้น นี่ไม่มีอันใดไม่ยุติธรรม!” เจี้ยนสือเทียนยิ้มกล่าว

อาจารย์จารึกลึกล้ำ และอาจารย์จารึกเต๋าหลายคนอยู่ขอบเขตราชันยุทธ์ รวมถึงจักรพรรดิยุทธ์ มีราวครึ่งหนึ่งที่เป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ

กฎนี้ตั้งขึ้นโดยตำหนักเซียนดาบ ทั้งตำหนักเซียนดาบยังมีเหตุผลรองรับ อาจารย์จารึกลึกล้ำที่การฝึกฝนต่ำต้อย จึงได้แต่ต้องจำยอมรับ

แท้ที่จริง อาจารย์จารึกลึกล้ำที่การฝึกฝนต่ำต้อยเหล่านี้ ได้เข้าร่วมและเตรียมใจมากันก่อนแล้ว ทว่าพวกเขาก็ยังมีความหวัง ว่าโชคอาจเข้าข้างตนเองบ้าง

“การแข่งขันจะเริ่มแล้ว ขอให้เรียงแถวเข้ารับการทดสอบ และช่วงเวลาตอนเย็นจึงค่อยจบสิ้น!” เจี้ยนสือเทียนตะโกนดัง

ผู้คนหลายร้อยเร่งรีบกระจายตัวออกเป็นหนึ่งร้อยกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีทั้งอาจารย์จารึกเต๋าและอาจารย์จารึกลึกล้ำ นามซึ่งถูกเขียนเอาไว้ภายในบอลผลึกแก้ว จะต้องเป็นนามเดียวกับที่ลงทะเบียนเอาไว้ เวลานี้ อาจารย์จารึกหลายต่อหลายคนได้ฝากฝังนามตนเองกันเอาไว้แล้ว

ฉินหยุนอยู่ท้ายแถวพลางสังเกตการณ์ เขาพบ ว่านามซึ่งอาจารย์จารึกเต๋าเขียนเอาไว้ มันคือการใช้พลังจิตอย่างเสถียรเลิศล้ำ เป็นเรื่องยากที่อาจารย์จารึกลึกล้ำที่มาภายหลังจะสามารถลบนามออก

และยามที่อาจารย์จารึกลึกล้ำเขียนนามไว้ด้วยพลังจิต อาจารย์จารึกเต๋าผู้มาทีหลังจะลบนามเหล่านั้นอย่างง่ายดาย!

ในตอนนี้ ฉินหยุนเลือกไม่ต่อแถว กลับกัน เขาเพียงแต่รับชมเรื่องราว มู่เฟิงก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะนับแต่เริ่ม ชัดเจนว่าบอลผลึกแก้วจะถูกครอบครองโดยอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลาย หากพวกเขาขาดความระวัง อย่างนั้นจะเป็นการสูญเสียพลังโดยเปล่า

ผู้คนจะมีเวลาอย่างจำกัด เพื่อที่จะได้พยายามลบนามที่ใช้พลังจิตจารึกเอาไว้ในบอลผลึกแก้ว ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อาจมีผู้ใดหยุดยืนลากถ่วงเป็นเวลานานเพื่อใช้สารพัดวิธี มีแต่ต้องกลับไปต่อแถววนซ้ำ เรื่องราวพอเป็นเช่นนี้ บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าจึงสามารถรักษานามของตนเอาไว้ภายในบอลผลึกแก้วได้อย่างมั่นคง

ฉินหยุนย่อมได้เห็นนามเจี้ยนหลิงหลง นามของนางปรากฏในบอลผลึกแก้ว และบรรดาอาจารย์จารึกที่ตั้งแถวเรียงรายเบื้องหลัง ต่างไม่อาจลบนามของนางออกในเวลาที่กำหนด เจี้ยนหลิงหลงรับชมอยู่ด้านข้างโดยตลอด หลายผู้คนรู้สึกกดดันมหาศาล ไม่นาน พวกเขาค่อยได้เห็น ว่าท่ามกลางบอลผลึกแก้วนับร้อย กว่าครึ่งเป็นนามของตระกูลเจี้ยน

“ตระกูลเจี้ยนจงใจเลือกการทดสอบนี้ เพื่อคิดอวดโอ่ตนเองอย่างนั้นหรือ?” มู่เฟิงสบถเสียงเบา

เรื่องราวชัดเจน ว่าดำเนินไปทางนั้น

ภายในบอลผลึกแก้วทั้งหนึ่งร้อย แสงสว่างทองคำเป็นประกายจากนามที่จารึกไว้เฉิดฉาย ส่วนใหญ่จะมีคำ “เจี้ยน” คงอยู่ ชัดเจนว่าเพื่อต้องการให้ผู้คนได้ทราบ ว่าอาจารย์จารึกแห่งตระกูลเจี้ยนจึงมีพลังจิตแข็งแกร่งเป็นที่สุด ตระกูลหลงย่อมมีอาจารย์จารึกหลายคนเข้าร่วม พวกเขาต่างคว้าตั๋วผ่านทางเอาไว้ได้หลายคนแล้ว

เวลาผันผ่านรวดเร็ว อีกไม่นานฟ้าก็จะพลบค่ำ ยังคงมีผู้เข้าร่วมที่ยังไม่ต่อแถว ยกตัวอย่างก็เช่นฉินหยุนและมู่เฟิง

และตอนนี้ ฉินหยุนได้ก้าวเดินเข้าไปต่อแถวแล้ว!