ตอนที่ 625 เป็นหรือตาย / ตอนที่ 626 ฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตา

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 625 เป็นหรือตาย

 

 

ใบหน้าของฉินเย่หานเย็นชาเป็นอย่างมาก ยามที่เอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา แฝงด้วยความถากถางอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ใบหน้าของซูหลีแข็งกระด้างในทันที ในเวลานี้นางไม่กล้าสงวนท่าทีอะไร เพียงเอ่ยว่า “มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ…ในครอบครัวของกระหม่อม มีกระหม่อมเป็นบุตรคนเดียว ที่กระหม่อมปลอมตัวเป็นบุรุษ ที่จริงแล้วไม่ใช่เจตนาของกระหม่อมเลยแม้แต่น้อย มารดาที่สิ้นใจแล้วของกระหม่อมเพื่อต้องการรักษาตำแหน่งเดิมในสกุลเอาไว้ ตั้งแต่เล็กจึงจับกระหม่อมเลี้ยงแบบบุรุษมาตั้งแต่เล็ก”

 

 

“ก่อนหน้านี้กระหม่อมยังมิเข้าใจ และไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ กว่ากระหม่อมเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็สายไปเสียแล้ว ทุกคนต่างทราบว่าบิดาของกระหม่อมมีบุตรชายที่ไร้ประโยชน์คนเดียว กระหม่อมต้องการอะไรหรือจะกระทำอะไร ก็มีความสามารถไม่เพียงพอ!”

 

 

“หลายปีมานี้ กระหม่อมยังไม่อาจสารภาพตัวตนความเป็นสตรีของตนเองได้ เพราะต้องการปกป้องสกุลซู และปกป้องความปรารถนาสุดท้ายของมารดาผู้ซึ่งตายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“พูดเช่นนี้ เรื่องนี้เจ้าก็ไม่ใช่คนผิดแล้ว” ฉินเย่หานแค่นยิ้มเย็นออกมา ซูหลีนั้นถนัดพูดเฉไฉมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีวาทศิลป์ในการพูด พูดตามความจริง หากมิได้เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคงน่าเสียดายไม่น้อย

 

 

ทว่าที่น่าเสียดายยิ่งกว่าก็คือ ลูกไม้เหล่านี้ของนางไม่สามารถใช้กับฉินเย่หานได้แล้ว

 

 

“แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม ไม่สิ กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมสมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้ง!” ใบหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางโขกศีรษะลงพื้น แผ่นหลังของนางมีเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นเต็มไปหมด

 

 

ไม่ว่าอย่างไร โทษฐานโกหกหลอกลวงจักรพรรดิของนางนี้ก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้! จะว่าไปแล้วนางก็ยังได้รับความไม่เป็นธรรม ที่ประหลาดยอกแก่การเข้าใจก็คือ ทันทีที่ตนรู้สึกตัว ก็ถูกผู้อื่นกินจนเกลี้ยงเสียแล้ว ทั้งยังต้องคุกเข่าอธิบายกับผู้อื่นเช่นนี้อีก…

 

 

“เราให้ตัวเลือกเจ้าสองทาง” ประจวบเหมาะกับที่ฉินเย่หานแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพอดี แม้แต่ผมก็ถูกข้ารับใช้จัดทรงและสวมมงกุฎเรียบร้อยแล้ว

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงแหงนศีรษะขึ้นมองเขาอย่างขลาดกลัว

 

 

ฉินเย่หานเห็นท่าทางของนางแล้ว สีหน้าจึงเข้มขึ้น หากนางรู้จักกลัวจริง เมื่อครู่ก็คงตอบรับการเข้ามาเป็นสนมในวังหลวงแล้ว

 

 

เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนที่ใจกล้าบ้าบิ่น!

 

 

“หนึ่งคือเข้ามาอยู่ในวังหลัง สองคือตาย” ฉินเย่หานปั้นสีหน้าเยือกเย็น ดวงตาที่ลุ่มลึกคู่นั้นมีความลึกล้ำและอึดอัดจนทำให้คนที่มองอ่านไม่ออก

 

 

ร่างกายของซูหลีสั่นเทิ้ม นี่ดูเหมือนไร้ความเมตตาเกินไปแล้วกระมัง นี่เขาต้องการลงโทษนางถึงตาย เมื่อคืนไยถึงได้…ทำอะไรกับนางเช่นนั้นกัน

 

 

ดังนั้น นี่คือองค์จักรพรรดิผู้ซึ่งไร้ความเมตตาที่สุด การพูดเช่นนี้ถือเป็นเรื่องจริง!

 

 

“กระหม่อมสามารถเลือกตัวเลือกที่สามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีชายตาขึ้นและยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับฉินเย่หาน จากนั้นจึงเอ่ยประโยคนี้ออกมา

 

 

ในเวลานี้นางยังจะใช้วิธีลิงหลอกเจ้าเช่นนี้อีกหรือ

 

 

สีหน้าของฉินเย่หานพลันเคร่งขรึมลงในชั่วพริบตา

 

 

แม้แต่อากาศโดยรอบยังเสมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ซูหลีนั้นตกเป็นเป้าสายตาที่หนาวเหน็บของเขา แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง

 

 

ในความเป็นจริงฉินเย่หานปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม ภายในใจนางนั้นรู้สึกหวาดกลัวฉินเย่หาน

 

 

สามารถเอ่ยได้ว่า ทั้งราชวงศ์ต้าโจวผู้ที่นางหวาดกลัว และอ่านไม่ออกที่สุดก็คืนฉินเย่หาน

 

 

“ซูหลี ดูเหมือนเราจะดีต่อเจ้าเกินไปแล้วกระมัง!?”

 

 

ซูหลีดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงเย็นที่แผดดังออกมาของฉินเย่หาน นางมิได้หลุบตาลง มีประกายความซับซ้อนอย่างยิ่งยวดพาดผ่านในดวงตาของนาง

 

 

เรื่องต่างๆ ล่วงเลยมาถึงบัดนี้แล้ว นางสามารถทำได้เพียงพนันก็เท่านั้น พนันว่าฮ่องเต้จะทรงมีความโปรดปรานนางสักนิดหรือไม่!

 

 

ซูหลีสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ เฮือกหนึ่ง การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้เกินความคาดหมายของนางไปแล้วจริงๆ นางไม่คิดเลยว่างานเลี้ยงที่ฮ่องเต้ทรงเป็นผู้จัดอย่างปกติ จะก่อให้เกิดวิกฤตเช่นนี้

 

 

ทว่านางก็ทราบดีว่า ในเมื่อนางมีใจที่จะดำรงอยู่ในราชสำนัก วันนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูหลีจึงไม่ลังเลใจอีก นางพลันโขกศีรษะลงบนพื้นและเอ่ยเสียงดังว่า “กระหม่อมผิดไปแล้ว ฮ่องเต้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ความหมายของคำพูดนี้ก็คือนางเลือกตัวเลือกที่สอง

 

 

พรึ่บ!

 

 

อุณหภูมิทั้งตำหนักอวิ๋นซินลดต่ำลงจนถึงขีดสุด

 

 

แม้แต่หวงเผยซานที่อยู่ข้างกายฉินเย่หาน ก็อดที่จะสั่นสะท้านตามมิได้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 626 ฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตา

 

 

“ดี!” สีหน้าของฉินเย่หานเข้มลงจนถึงขีดสุด เขาจ้องมองซูหลีตาไม่กะพริบ ผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานที่รับชมเรื่องราวทั้งหมดนี้ เขานำทุกคนคุกเข่าลงไปก่อน!

 

 

การคุกเข่าของเขานี้ ทำให้ทุกคนในตำหนักต่างพากันคุกเข่าทั่วหน้า ศีรษะของทุกคนฟุบไปบนพื้น ท่าทางที่เงียบกริบจนไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ดูเหมือนจะหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ที่จริงแล้วหวงเผยซานคิดไม่ถึงว่า ซูหลีจะมีความใจกล้าถึงขนาดนี้ ในเวลานี้ฮ่องเต้ทรงยื่นพระหัตถ์มาให้ถึงขนาดนี้ นางไม่รับไว้ก็ช่างเถอะ มิหนำซ้ำกล้าฝ่าฝืนและต่อต้านฮ่องเต้เช่นนี้ นี่มิใช่การรนหาที่ตายหรือ

 

 

ทว่าเขาก็ไม่มีวิธีอื่นจริงๆ เขาอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาตลอดหลายปี ยังมิเคยเห็นฉินเย่หานปฏิบัติต่อสตรีนางใดเช่นนี้มาก่อน

 

 

อย่าว่าแต่ดังเช่นเมื่อคืนที่ถูกเขาโปรดปรานตลอดทั้งคืน แม้แต่สัมผัสมือ นายท่านของเขาก็รังเกียจเข้ากระดูกดำแล้ว

 

 

ทว่าซูหลีผู้นี้สามารถทำให้ฮ่องเต้ทรงกลายเป็นเช่นนี้ได้

 

 

ยามที่ในตอนแรกหวงเผยซานยังคิดว่าซูหลีเป็นบุรุษ ในใจของเขายังมีความสับสนเกิดขึ้นระลอกหนึ่ง ทว่าหลังจากนั้นก็สามารถปล่อยวางได้แล้ว เขารู้สึกว่าขอเพียงนายท่านของเขาชื่นชอบ ไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีก็ได้ทั้งนั้น

 

 

หลังจากนั้นมาที่จริงแล้วเขาก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ตอนเช้า ซูหลีผู้นั้นช่างทำตัวปกติดำเนินชีวิตเรื่องนี้ได้อย่างล้ำลึกมาก หากมิใช่เพราะข้ารับใช้ที่เก็บกวาดเตียงของฮ่องเต้ พบรอยสีแดงบนผ้าปูที่นอน หวงเผยซานก็คงไม่รู้ว่านางเป็นสตรี!

 

 

แน่นอนว่าฮ่องเต้ทรงรับรู้หรือไม่ เขาก็ไม่ทราบอย่างชัดเจนเช่นกัน

 

 

ทว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก สตรีผู้หนึ่งที่สามารถทำให้ฮ่องเต้ผู้ซึ่งเย็นชาเป็นอย่างมากของเขารู้สึกหวั่นไหวได้ เมื่อวานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าอย่างไรหวงเผยซานก็ไม่ต้องการให้ซูหลีต้องตายเช่นนี้

 

 

อย่างไรก็ต้องเหลือลู่ทางด้านหลังไว้ให้แก่ฮ่องเต้มิใช่หรือ

 

 

“คุณชาย…แม่นางซูคงยังคิดมิตกในทันที ฝ่าบาททรงมิคิดเล็กคิดน้อยกับนาง ใช่หรือไม่ แม่นางซู?” ทางด้านหวงเผยซานรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้กับซูหลีอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทว่าซูหลีหมอบลงบนพื้นเช่นนี้ ไม่แม้แต่ขยับตัว ท่าทางของนางคล้ายกับมิได้ยินเสียงคำพูดของเขาก็มิปาน

 

 

“เหอะ!” ฉินเย่หานเห็นดังนั้น สีหน้าจึงยิ่งเย็นชากว่าเดิม เขาพลันเดินเข้าไปและยืนอยู่ตรงหน้าซูหลี หลุบตามองที่นางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

 

 

“ดี ในเมื่อเจ้าเก่งกาจเช่นนี้ เราก็จะทำให้เจ้าสมหวัง!”

 

 

คำพูดประโยคนี้อึมครึมมาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของความตายบางอย่าง

 

 

ซูหลีมิกลัวจริงหรือ

 

 

นางย่อมรู้สึกหวาดกลัว ทว่าเรื่องดำเนินจนถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ทำได้เพียงแบกรับมันเอาไว้ นางกัดฟันและควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตนเองให้สงบและเยือกเย็น นางได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้แล้ว

 

 

อย่างมากก็แค่ตายก็เท่านั้น ดูสิว่านางยังมีโอกาสเกิดใหม่อีกครั้งหรือไม่ หากครั้งนี้สามารถกลับมาได้อีกครั้งจริง นางหวังว่าจะสามารถเกิดเป็นบุรุษคนหนึ่ง จะได้ลดเรื่องยุ่งยากจำนวนมากนี้ไปได้!

 

 

“ทหาร!” ฉินเย่หานออกคำสั่ง ผู้ที่นำทหารองครักษ์เข้ามาก็คือโจวเว่ย

 

 

โจวเว่ยยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทันทีที่เข้ามาก็สอดส่องสายตาไปทางหวงเผยซาน ทว่านางเพียงเห็นรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่ปรากฏบนหน้าของหวงเผยซาน และส่ายหน้าให้แก่เขา

 

 

“ลากซูหลีไปที่ตำหนักอวิ๋นเซียว!” ฉินเย่หานเอ่ยประโยคนี้ทิ้งท้ายและหันหลังเอ่ยออกไป

 

 

ทว่ายังไม่ทันเดินออกไปได้ถึงสองก้าว เขาพลันหยุดฝีเท้าลงและเอ่ยออกมาด้วยความโกรธว่า “ให้นางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย!”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” ข้ารับใช้รีบขานรับในทันที ทว่าหลังจากเขาเดินออกไป แข้งขาของซูหลีกลับอ่อนยวบลงในทันที นางถึงกลับทรุดลงนั่งบนพื้น

 

 

ยังดีที่ไม่ได้ลากนางไปประหารในทันที เพียงไปที่ตำหนักอวิ๋นเซียวเท่านั้น

 

 

หรือเขาต้องการเปิดโปงเรื่องที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก?

 

 

เมื่อซูหลีคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ก็รู้สึกปวดสมองของตนทันที

 

 

ครานี้นางหนีออกไปได้ เรื่องแรกที่จะทำก็คือปรุงยาถอนฤทธิ์สุรา!