ตอนที่ 299 จนมุม

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 299 จนมุม

 

ตอนที่ 299จนมุม

 

เครงๆๆๆ กระบี่น้ำแข็งที่ราคะยิงออกมานั้นกระแทกร่างของไปจูเหวินไปหลายครั้ง แต่ไปจูเหวินก็ไม่มีท่าทีจะสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ร่างของไปจูเหวินนั้นยังเดินเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อนแม้จะใช้พลังธาตุน้ำแข็งช่วยแล้วก็ยังลดความเร็วของมันไม่ได้เลย

 

“หนอย จัดการมัน”ราคะสั่งพลางมองไปยังเหล่ายอดฝีมือรอบๆ ตอนนี้นางบาดเจ็บจากการโจมตีของอู่หมิงทำให้นางต้องการเวลาฟื้นพลังสักหน่อย

 

ตูม!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกพัดเอาร่างของเหล่ายอดฝีมือลอยไปด้านหลังทันทีพร้อมตัวอาคารและกำแพงของวังหลวง เพราะการต่อสู้ชุลมุนก่อนหน้านี้แถมยังลูกหลงในการต่อสู้อื่นๆทำให้เหล่ายอดฝีมือที่หลงเสน่ห์ของราคะนั้นเหลืออยู่ไม่ถึงสิบคน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันสมควรหยุดไปงูเหวินที่ยังไม่ได้ขึ้นระดับเทียนเซียนขั้น 10 ได้อย่างง่ายดายเสียด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ

 

ผลัก!! ตูม!! แต่ภาพที่ออกมากลับตรงกันข้าม เหล่ายอดฝีมือเลื่องชื่อของอาณาจักรโฮโดนฝ่ามือของไปจูเหวินจัดการไปทีละคนๆอย่างง่ายดาย ทำเอาราคะที่กำลังฟื้นพลังอยู่ยิ่งร้อนใจ

 

ฟุบ! ร่างของไปจูเหวินทะยานวาบเข้ามาหาราคะ ทำเอาตัวนางเองยังใจหายวาบเพราะไม่คิดว่าไปจูเหวินในตอนนี้จะไวกว่าอู่หมิงเสียอีก แต่ยังโชคดีที่ความไวระดับนี้ยังไม่มากพอที่จะหลุดพ้นสาย

 

ตาของราคะไปได้ นางเรียกเกราะน้ำแข็งขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้ เพียงแต่

 

ตูม!! ฝามือเพลิงพิโรธกระแทกกำแพงน้ำแข็งแตกกระจาย ก่อนจะกดลงไปอัดร่างของราคะที่ยกพัดหยกขาวขึ้นมาป้องกัน แต่ด้วยกำลังมหาศาลอย่างที่นางเองก็ไม่เคยเจอมาก่อนทำเอานางไถไปกับพื้นในทันที

 

“แก”เฟิงมีสะท้านวาบด้วยความตกใจ นางสัมผัสได้แต่พลังวิญญาณจากร่างของไปจูเหวิน กลับยิ่งสับสนว่าทำไมกำลังมหาศาลขนาดนั้นถึงออกมาจากฝ่ามือของคนระดับนี้ได้

 

ตูม! ไปจูเหวินกระแทกฝามือใส่ราคะอีกครั้งทำเอานางแทบกระอักเลือดออกมา

 

ตูม! แม้จะยกพัดหยกขาวขึ้นมาป้องกัน แต่กำลังของไปจูเหวินก็หนักหน่วงมากจนราคะแทบจะลอยจากพื้น

 

“เฟิงมี” อยู่ๆในหัวของราคะก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นคือเสียงของจิตมารในร่างของนางนั่นเอง

 

“ให้ข้าออกไป เจ้านี่อันตราย” จิตของมารราคะพูดออกมาด้วยท่าที่กังวล ทำให้เพิ่งได้แต่กัดฟันยอมเพราะนางไม่สามารถรับมือไปจูเหวินได้เลย ต่อให้ไม่บาดเจ็บแต่แรกก็ตาม

 

วูบ..อยู่ๆพลังมารในร่างของราคะก็เพิ่มขึ้นอีกมาก เรียกได้ว่าแทบจะทะลุระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 3 แล้วก็ว่าได้ นี่ตลอดมาเฟิงมีไม่ได้โดนจิตมารของราคะยึดร่างเลยงั้นหรือ นี่นางเพิ่มพูนพลังจนแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ด้วยตัวเองเลยเนี่ยนะ แต่ที่สำคัญ นางทำเรื่องทั้งหมดลงไปไม่ใช่เพราะมารยึดร่าง แต่ทำไปเพราะความต้องการของ ตนเองงั้นหรือ

 

“แกมันตัวอะไรกันแน่” แต่ถึงมารราคะจะเข้ายึดร่างแล้ว แต่นางก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเอาชนะชายตรงหน้าได้เลย กำลังที่สามารถทำลายเกราะน้ำแข็งได้ในฝ่ามือเดียวนั้น แถมมันยังมีท่าที่ใช้ฆ่าตะกละอีก หากใช้ท่านั้นออกมานางคงไม่รอดเช่นกัน ที่นางยึดร่างของเฟงมีมานั้นก็เพื่อพานางหนีไปเท่านั้น

 

ฟุบ!! มารราคะกระโดดขึ้นไปบนอากาศหมายจะหนีไปจากไปจูเหวิน นางสร้างเกราะน้ำแข็งคลุมร่างกายเอาไว้เพื่อไม่ให้โดนอาวุธลับหรือวิชาระยะไกล

 

พลักๆๆๆๆ ราคะใจหายวาบเมื่อเกราะน้ำแข็งของนางโดนโจมตีจากระยะไกลเช่นนี้แล้วยังสั่นสะเทือนราวกับจะแตกออกให้ได้ แถมคลื่นโจมตีที่วนอยู่รอบๆตัวนางยังเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตอีกต่างหาก

 

ตูม! ในที่สุดวิชาบังคับหกปักษาของไปจูเหวินก็ทำลายเกราะน้ำแข็งของราคะได้ แต่นางก็หนีไปได้ไกลพอสมควรแล้ว

 

วูบ! อยู่ๆร่างของราคะก็โดนดึงกลับไปราวกับมีเชือกรั้งตัวนางเอาไว้ พอมองดีๆนางถึงได้ทราบว่าที่ขาของนางนั้นมีใยแมงมุมมัดเอาไว้

 

“หนอย ไอ้ของแบบนี้”ราคะว่าพลางกางพัดหยกขาวออก ก่อนจะใช้มันเพื่อตัดใยแมงมุมทิ้งไป

 

ก็ด…แม้พัดหยกขาวจะไม่มีคม แต่ด้วยพลังระดับเจ้าสวรรค์ต่อให้เป็นเหล็กกล้าก็ยังตัดขาด แต่ใยแมงมุมของไปจูเหวินนั้นกลับไม่สามารถตัดขาดได้ ทำให้ร่างของราคะโดนดึงกลับมาหาไปจูเหวินในทันที

 

ตูม!! ทันทีที่นางโดนดึงเข้ามาหา ไปจูเหวินก็ซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธใส่ทันที ทำให้นางปลิวไปอีกรอบ แต่ก่อนที่นางจะตกลงพื้นร่างของไปจูเหวินก็พุ่งตามเข้าไปทันที

 

ตรงที่อู่หมิงแทงพอดี ทำให้อาภรน้ำแข็งของนางแตกออกจนเลือดที่ใช้อาภรน้ำแข็งอุดเอาไว้ไหลออกมา

 

วูบ.พลังของฝ่ามือเมฆหนาไร้หิมะแล่นเข้าสู่ร่างกายของมารราคะในทันที่ทำเอาราคะสะท้านวาบ สิ่งที่เฟิงมีระวังมาตลอดคือการควบคุมพิษของอสูรปักเป้าเอาไว้ แต่ทันทีที่โดนฝ่ามือเมฆหนาไร้หิมะเข้าไปพลังมารของนางก็ปั่นป่วยในทันที แถมยังปล่อยให้พิษของอสูรปักเป้าลุกลามเสียอีก

 

“อัก”อยู่ๆร่างของมารราคะก็ทรุดลงไปกับพื้น นั่นเพราพิษของอสูรปักเป้าแล่นไปทั่วร่างนั่นเอง

 

ตูม!! ฝ่ามือของไปจูเหวินโจมตีใส่นางอีกครั้งทำเอานางไม่มีสมาธิกำจัดพลังของฝ่ามือเมฆหนาไร้หิมะเลย ไหนจะต้องยับยั้งพิษของอสูรปักเป้าอีก

 

ตึง…เข่าของมารราคะกระแทกลงกับพื้น แต่ไม่ใช่เพราะพิษแต่เป็นเพราะท่าฝ่ามือผงาดกลางหิมะต่างหาก พลังวิญญาณมหาศาลของไปจูเหวินตอนนี้กดเอาร่างของราคะนั่งลงกับพื้น แถมในขณะที่มันปล่อยพลังกดดันออกมาที่ฝ่ามือของมันก็ยังรวบรวมพลังไปด้วย

 

“… ” ดวงตาราคะเบิกกว้างก่อนที่ภาพของตะกละจะลอยเข้ามาในหัวของนาง ฝ่ามือนี้คือฝ่ามือที่ฆ่าตะกละอย่างแน่นอนหากนางไม่หลบละก็

 

ฟุบ….ราคะฝืนลุกขึ้น แม้จะโดนพลังมหาศาลกดเอาไว้ แต่เพราะไปจูเหวินแบ่งพลังส่วนใหญ่ไปที่การรวบรวมพลังเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงพิฆาต นางจึงสามารถหนีออกไปได้

 

ก็ก…ขาของราคะโดนใยแมงมุมของไปจูเหวินรัดเอาไว้ทำให้หนีไปไม่ได้ ทำเอาราคะรับใช้กระบี่น้ำแข็งที่สร้างขึ้นมาฟาดลงไปที่ขาตัวเองทันที

 

ฉับ! นางกัดฟันตัดข้อเท้าของตัวเองเพื่อหนีเอาตัวรอด ก่อนที่นางจะใช้พลังที่มีสร้างเท้าจากน้ำแข็งขึ้นมาใหม่

 

ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิฆาตในร่างคลั่งของไปจูเหวินถูกปล่อยออกมาก่อนที่ราคะจะหนีพ้นรัศมีการโจมตีไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่พลังฝ่ามือนั้นกลับทำลายเมืองหลวงไปกว่าครึ่ง เรียกได้ว่าความวินาศในยามนี้แทบไม่ต่างจากกระสุนวายุที่อสูรปักเป้าใช้ออกมาในร่างใหญ่เลย

 

“อัก”ราคะกระอักเลือดออกมาก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้น แม้จะหนีพ้นมาได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งตัว แขนซ้ายและขาข้างซ้ายที่พึ่งตัดทิ้งไปกับมือตนเองกลับโดนฝ่ามือเพลิงพิฆาตตัดหายไปทำให้นางต้องรีบใช้น้ำแข็งอุดบาดแผลเอาไว้ ก่อนจะสร้างขาและแขนปล อมจากน้ำแข็งขึ้นมา

 

วูบ..!! ราคะใจหายวาบเมื่อเห็นไปงูเหวินเริ่มรวบรวมพลังอีกครั้ง ไม่ใช่ว่ามันใช้ครั้งหนึ่งแล้วต้องรวบรวมพลังใหม่งั้นหรือ นี่มันอะไรกัน ทำไมมันถึงใช้ฝ่ามือบ้าบอคอแตกนั้นได้อีกเล่า

 

“กรีดดด” ราคะกรีดร้องพลางใช้แรงเฮือกสุดท้ายหนีฝ่ามือเพลิงพิฆาตของไปจูเหวินให้รอด

 

ตูม! น่าเสียดายที่ต่อให้อยู่ในสถานะคลั่งการรวบรวมพลังของไปจูเหวินก็ต้องใช้เวลาอึดใจหนึ่ง ทำให้ราคะมีเวลาพอที่จะหลบแต่นั่นก็ทำให้เมืองอีกเกือบครึ่งหายไปเช่นกัน นับว่าโชคดีหรือไม่ก็เพราะไปจูเหวินยังคงมีสติอยู่บ้างทำให้เมืองที่พังไปไม่ใช่ส่วนที่พวกหลินหลินอยู่

 

“… ” ราคะสะท้านวาบไม่นึกว่าจะมีคนระดับเช่นนี้อยู่ด้วย ไม่ว่าจะยุคไหนนางก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย

 

วูบ…ราคะหน้าซีดเผือดทันทีเมื่อไปจูเหวินเริ่มใช้ฝ่ามือเพลิงพิฆาตอีกครั้ง นางหันไปรอบๆหมายจะหาทางรอดจนกระทั่งไปพบกับร่างของเด็กคนหนึ่งที่นอนสลบอยู่กับพื้นใกล้ๆ

 

หมับ!! ราคะจับร่างของเด็กคนนั้นที่บังเอิญอยู่ในตัวอาคารของวังหลวงเข้าพอดี ไม่รู้เหมือนกันทำไมนางยังไม่หนีไปและก็ไม่ทราบด้วยว่าทำไมนางถึงสลบอยู่แบบนี้ แต่หากใช้เด็กนี่เป็นตัวประกันล่ะ

 

“หยุดนะ” ราคะว่าพลางใช้กระบี่น้ำแข็งจ่อคอเด็กสาวที่มันจับมาเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่ไปจูเหวินในสถานะนี้ไม่ได้รับฟังอะไรแล้ว

 

“ท่านพี่ ไม่ได้นะ”เหม่ยหลินเห็นภาพตรงหน้าก็ราวกับใจจะสลาย เพราะฝ่ามือเพลิงพิฆาตของไปจูเหวินกำลังจะซัดออกไปใส่ไปหลินนั่นเอง

 

กก.ฝ่ามือของไปจูเหวินชะงักกลางทางทำให้เหลือเพียงสายลมแรงเท่านั้นที่พัดใส่ไปหลินกับราคะ ไม่ทราบเพราะโชคช่วยหรือเพราะไปจูเหวินไม่อาจโจมตีบุตรสาวได้จริงๆ ทำให้มันชะงักค้างไปแบบนั้นทันที

 

ตุบร่างของไปจูเหวินล้มลงกับพื้นพร้อมดวงตาสีดำของไปจูเหวินหายไปเช่นกัน นั่นเพราะการหยุดชะงักเพื่อช่วยไปหลินเอาไว้หรือก็คือไปจูเหวินบังคับให้สถานะคลั่งหยุดลงด้วยตัวเองก่อนที่จะทำอะไรไปหลินลงไปนั่นเอง แต่เพราะแบบนั้นพลังที่เอ่อล้นจนถึงเมื่อครู้กลับหายไป เหลือแต่ร่างกายเปล่าๆที่ใช้พลังงานมากเกินตัวนั่นเอง

 

“ปล่อยลูกสาวข้า” เหม่ยหลินว่าพลางพยายามฝืนร่างตัวเองเดินเข้ามา แต่ราคะก็รีบยกกระบี่ขึ้นมาจ่อคอไปหลินเอาไว้

 

“ถ้าเจ้าเข้ามาข้าจะฆ่านาง” ราคะว่าพลางหายใจหนักๆออกมาแม้จะเหลือพลังไม่มาก แต่ไม่มีไปจูเหวินแล้วเหล่ายอดฝีมือในที่นี่ก็ไม่ใช่ศัตรูของนาง ต่อให้ฝืนหน่อยก็อาจจะฆ่าได้ทั้งหมด

 

ตูม!! ยังไม่ทันลงมือ อยู่ๆเสียงระเบิดก็ดังขึ้นพร้อมเงาขนาดใหญ่ที่ขยายออกจนบดบังแสงจันทร์มิด

 

“…”ราคะใจหล่นลงพื้นทันทีเมื่อเห็นร่างขนาดจริงของอสูรปักเป้า ในที่สุดมันก็หลุดออกมาจากรากไม้เหล็กดำได้เสียที

 

“อย่าเข้ามานะ”ราคะคำรามพลางใช้ไปหลินเป็นตัวประกันพลาดเข้าให้แล้ว ไม่นึกว่าอสูรปักเป้าจะออกมาได้ แบบนี้นางคงรับมือไม่ไหวแน่ๆ

 

“ถ้าเจ้าตามมา ข้าจะฆ่านาง” ราคะว่าพลางใช้ขาน้ำแข็งของตนถอยหนีออกไปจากเมืองหลวง แม้ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมอสูรปักเป้าถึงไม่โจมตีเข้ามา แต่นางก็เดาเอาว่าการจับไปหลินเอาไว้ได้ผลกับอสูรปักเป้าด้วยเช่นกัน

 

“บ้าจริง เฟิงมีร่างของเจ้า”ราคะอุ้มไปหลินไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว นางไม่มีความสามารถฟื้นฟูทำให้ไม่สามารถรักษาบาดแผลได้ แถมพิษของอสูรปักเป้ายังควบคุมไม่ได้แล้ว ถึงเป็นแบบนี้ต่อไปแม้จะไม่มีใครมาตามฆ่านาง แต่ร่างของเฟิงมีก็ต้องตายแน่ๆ

 

“ไม่เป็นไรเฟิงมีว่าพลางเข้ายึดร่างของตัวเองคืน ทำให้พลังมารของนางยิ่งลดต่ำลงไปอีก ส่งผลให้การเคลื่อนไหวยิ่งช้าลงไปหลายเท่า

 

“อย่างน้อยภาพที่ข้าหวังจะได้เห็นก็ปรากฏแล้ว”เฟิงมีว่าพลางมองไปทางเมืองหลวงของอาณาจักรโฮ เมืองหลวงที่นางแสนจะชิงชังตอนนี้พังไม่เหลือชิ้นดี แถมพวกราชวงศ์อาณาจักรโฮก็ตายไปหมดแล้วด้วยเพราะพวกมันหลงเสน่ห์ของมารราคะทำให้พวกมันไม่แม้แต่จะหนีและเอาแต่ยืนมองการต่อสู้อยู่เฉยๆจนโดนลูกหลงไปเอง ถึงจะตายตรงนี้นางก็ไม่ได้เสียใจหรอก เพราะแต่แรกนางก็เป็นแค่เด็กที่เกือบจะตายเพราะถูกอาณาจักรโฮทอดทิ้งอยู่แล้ว