ราชันเร้นลับ 405 : ลัทธิมาร

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 405 : ลัทธิมาร โดย Ink Stone_Fantasy

“เดอะฟูล?”

ผู้วิเศษของชุมนุมลับมิสเตอร์ A ต่างพากันทวนคำซ้ำหรือไม่ก็หันไปสนทนากับพวกพ้องด้านข้าง เผื่อว่าเคยมีใครพบเจอผู้ศรัทธาของบุคคลลึกลับนามเดอะฟูล

“มีลัทธิมารชื่อนี้ด้วยหรือ?”

ใครบางคนถามเสียงต่ำ

ขณะเดียวกัน มิสเตอร์ A ส่งสัญญาณบอกให้ผู้ช่วยด้านข้าง ยกแผ่นกระดานดำเขียนถ้อยคำภาษาโลเอ็นสามวรรคขึ้นมาตั้ง

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”

หลังจากร่วมชุมนุมเงยหน้ามองแผ่นกระดานและคุยกันเองสักพัก มิสเตอร์ A เปล่งเสียงสากและแหบพร่า

“่ห้ามเขียนหรืออ่านสิ่งนี้ด้วยภาษาเฮอร์มิสเด็ดขาด ยิ่งภาษาคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ และเฮอร์มิสโบราณยิ่งห้าม! พวกเจ้าไม่ควรคัดลอกถ้อยคำนี้ด้วยประการทั้งปวง มิฉะนั้น ข้าไม่รับรองความปลอดภัย”

“จงช่วยข้าตามหาผู้ศรัทธาของเดอะฟูล แน่นอน อีกฝ่ายอาจโด่งดังในนามราชันเหลืองดำ หรือผู้ปกครองเหนือห้วงสายหมอกเทาก็ได้เช่นกัน ถ้าใครพบเบาะแสให้รีบแจ้งเข้ามาทันที ขอรับประกันว่ารางวัลคราวนี้มหาศาลจนคาดไม่ถึง!”

“คำอธิบายเช่นนี้… ฟังดูเหมือนกับตัวตนอันสูงส่งไม่มีผิด นอกจากพระนามเต็มของเหล่าเจ็ดเทพจารีต ฉันก็ไม่เคยได้ยินใครใช้ชื่อแบบนี้มาก่อน” หนึ่งในสมาชิกโพล่งขึ้น

พวกพ้องด้านข้างส่ายหัว

“ใครว่าล่ะ ศาสดาของพวกลัทธิมารล้วนมีชื่อแบบนี้ทั้งหมด”

“นั่นคือลัทธิมารหรือ” สมาชิกชุมนุมคนอื่นพลันประหลาดใจเมื่อได้ยินบทสนทนา

“น่าจะใช่ เพราะตามปรกติ การอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณจะต้องเรียกขานด้วยชื่อเต็มสามประโยค และส่วนใหญ่จะมีท่อนกำกับว่าเป็น ‘ผู้รับใช้ของใคร’ หรือ ‘อยู่ในสังกัดเทพองค์ใด’  แต่ชื่อเต็มของเดอะฟูลดูเหมือนจะไม่มีอะไรแบบนั้น จึงน่าจะเป็นศาสดาของลัทธิมาร” สมาชิกผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์เร้นลับเริ่มอธิบาย

ขณะบทสนทนากำลังเข้มข้น ฟอร์สทำเพียงนั่งฟังอย่างตกตะลึงภายใน

นั่นคือพระนามเต็มอันสูงส่งของมิสเตอร์ฟูลไม่ใช่หรือ? ถึงจะถูกเขียนด้วยภาษาโลเอ็น แต่เราไม่มีทางลืมแน่! แล้วทำไมมิสเตอร์ A ถึงตามล่าผู้ศรัทธาของเดอะฟูล? ชุมนุมแสงเหนืออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?

สมองฟอร์สกำลังประมวลผลด่วนจี๋

เธอทราบดี มิสเตอร์ A คือหนึ่งในสมาชิกชุมนุมแสงเหนือ เพราะในคดีสังหารราชทูตเบเคอลันด์แห่งอินทิส ‘กลุ่มก่อการร้าย’ นามชุมนุมแสงเหนือได้อ้างตัวเป็นผู้ลงมือ

เมื่อเริ่มได้สติกลับมา ฟอร์สทำการสำรวจตัวเองว่ามีความผิดปรกติภายนอกหรือไม่ กังวลว่าคนรอบตัวอาจจับพิรุธเรื่องเธอคือหนึ่งในสมาชิกชุมนุมทาโรต์ เพราะนั่นจะไม่ต่างอะไรกับผู้ศรัทธาของเดอะฟูล

เราแค่อ่านพระนามเต็มของเดอะฟูลเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณบนแผ่นกระดาษปริศนา จากนั้นก็ถูกมิสเตอร์ฟูลดึงเข้าไปในห้วงมิติเหนือสายหมอก… ไม่มีใครทราบเรื่องนี้แน่… ฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก…

ถ้าจำไม่ผิด เศษกระดาษแผ่นนั้นถูกซ่อนอยู่ในหนังสือซึ่งยืมมาจากไวเคาต์กายลิน…

ฟอร์สเริ่มเค้นสมองนึก

เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… เราเคยอ่านข้อความเหล่านี้บนเศษกระดาษ! และหลังจากนั้นก็เกิดฝันร้ายทันที!

ซิลไม่มีวันลืมเลือนประสบการณ์ชวนขนหัวลุกในอดีต แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักล่าค่าหัว หญิงสาวร่างเล็กยังคงฉาบความสุขุมไว้ภายนอก ไม่เผยท่าทีผิดปรกติให้ใครเห็น

ทันใดนั้น ในลักษณะเดียวกับฟอร์ส ซิลเริ่มฉุกคิดถึงต้นตอเศษกระดาษแผ่นดังกล่าว

มันถูกซ่อนไว้ในปกหนังสือ ‘ประวัติศาสตร์ขุนนางโลเอ็น’ ซึ่งยืมมาจากไวเคาต์กายลิน…

เมื่อความคิดเช่นนี้เริ่มผุดขึ้นในหัวสองสาว ซิลและฟอร์สต่างหันไปจ้องกายลินโดยมิได้นัดหมาย

ขณะเดียวกัน กายลินกำลังเงยหน้ามองกระดานดำพลางพึมพำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“หืม… ไม่เคยได้ยินชื่อเต็มแบบนี้มาก่อน แต่ฟังดูเจ๋งชะมัด!”

เมื่อกล่าวจบ มันหันกลับมามองด้านข้างด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“พวกคุณจ้องผมทำไม?”

“เปล่า” ซิลและฟอร์สส่ายศีรษะพร้อมกัน

หลังจากจบมื้ออาหารค่ำในบ้านหรู

ออเดรย์เดินนำสุนัขขนทองตัวใหญ่ ซูซี่ เข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยมีครูสอนพิเศษประจำตัว มาดามเอสลันด์ เป็นผู้นำทาง

ทั้งสามกำลังจะเข้าร่วม ‘สัมมนา’ เกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยา

บรรดาสาวใช้และบอดี้การ์ดทำได้เพียงยืนรอด้านนอกห้อง ส่วนออเดรย์เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับซูซี่

ภายในห้องนั่งเล่น ไม่ว่าจะทำไปเพื่อสร้างบรรยากาศหรืออะไรก็ตาม แต่ตะเกียงแก๊สมิได้ถูกเปิดใช้งาน มีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนไขสีทองเหนือโต๊ะกาแฟและตู้กับข้าว

โดยไม่ปล่อยให้ออเดรย์สำรวจรอบห้อง สุภาพบุรุษอายุราวสามสิบผู้หนึ่ง สวมโค้ทหางยาวสีเทา เดินตรงเข้ามาใกล้

“ทางนี้คือเจ้าของบ้าน มิสเตอร์สตีเฟ่น·ฮันเพรส เป็นพ่อค้าเครื่องเรือน”

เอสลันด์ ผู้มีผมสีดำยาวสลวยถึงเอว กล่าวแนะนำตัวอีกฝ่าย

ขณะเธอเตรียมแนะนำตัวเด็กสาว ฮันเพรสส่งเสียงคิกคักในลำคอและกล่าว

“เอสลันด์ คุณยังไม่ต้องพูด ผมขอลองคาดเดาด้วยตัวเอง”

หนวดเคราถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อยและพิถีพิถัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทรงเสน่ห์ รูปโฉมภายนอกมอบบรรยากาศอ่อนโยนและสง่างาม ไม่เหมือนกับพ่อค้าเครื่องเรือนแม้แต่นิดเดียว

เหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่า…

หลังจากมันจ้องมองออเดรย์หัวจรดเท้า ฮันเพรสฉีกยิ้มกว้าง :

“เอสลันด์เคยบอกเพียงว่า คุณคือศิษย์รักคนสำคัญของเธอ ฮะฮะ! ผมมองเห็นความเป็นกุลสตรีชนชั้นสูงในตัวคุณ และไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังเฉลียวฉลาดถึงขั้น ชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะตกต่ำ… คุณตื่นเต้นเล็กน้อย อยู่ในวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เป็นคนซื่อตรง และชอบมอบความรักให้แก่ผู้อื่นเสมอ… แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จุดเด่นอันดับหนึ่งของคุณคือความงดงามราวกับนางฟ้า”

จากนั้น ฮันเพรสเลื่อนมือขึั้นมาทาบกึ่งกลางหน้าอก โน้มตัวมาข้างหน้า และกล่าวติดตลกส่งท้าย

“ยินดีต้อนรับ คุณนางฟ้าแสนสวย”

มีความช่างสังเกตสมกับเป็นคนของสมาคมแปรจิต… แต่นั่นเป็นเพียงเปลือกนอกซึ่งเราสร้างขึ้นมาฉาบไว้ เป็นออเดรย์ผู้ใสซื่อเมื่อไม่กี่เดือนก่อน…

ออเดรย์แสร้งอ้าปากอย่างประหลาดใจ

“มิสเตอร์ฮันเพรส คุณรู้จักดิฉันมาก่อนหรือคะ?”

เธอทำทีตกใจเพียงไม่นาน เพราะอากัปกิริยาโดยทั่วไปของคนตกตะลึงจะคงอยู่แค่ช่วงระยะเวลาสั้น

หากใครแสดงสีหน้าตกใจค้างนานเกินไป ให้สงสัยไว้ก่อนว่านั่นคือการแสดง

ออเดรย์ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งมีโอกาสสำรวจอากัปกิริยาของเป้าหมายคนแล้วคนเล่าจนเกิดเป็นข้อสรุป

“ผิดแล้วครับคุณหนู ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน นี่เป็นเพียงคุณสมบัติพื้นฐานของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา” ฮันเพรสยิ้ม

ขณะอีกฝ่ายกำลังโอ้อวด ออเดรย์เพ่งสายตาสังเกตอีกฝ่าย ตามด้วยสร้างข้อสันนิษฐานจากสภาพแวดล้อม

เครื่องแต่งกายและการตกแต่งบ้านสามารถบ่งบอกได้ว่า ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก…

แหวนพลอยบนมือซ้ายมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่คุณภาพกลับไม่ได้ยอดเยี่ยม แถมยังปราศจากอักขระเวทมนตร์หรือสัญลักษณ์ทางศาสตร์เร้นลับ… สถานภาพทางการเงินมิได้มั่งคั่งเหมือนภายนอก…

เป็นพวกดีแต่เปลือก…

แม้ภายนอกอาจแสดงออกถึงความอ่อนโยนและจริงใจ แต่ภาษากายของท่ายืน การหันปลายเท้า และสีออร่าทางอารมณ์ล้วนบ่งบอกว่า เขาค่อนข้างระมัดระวังตัว…

เขากล่าวชมเราจากใจจริง แต่ไม่ใช่ในเชิงเกี้ยวพาราสี… บนใบหน้ามีร่องรอยการใช้เครื่องสำอาง ทักษะการแต่งอาจหน้าด้อยกว่าซอเรีย สาวใช้แต่งหน้าของเรา แต่เขามีฝีมือดีกว่าเรามาก… น้ำหอมใช้กลิ่น ‘ล่องลอย’ … ไม่ผิดแน่ ชายคนนี้ชอบผู้ชายด้วยกัน และบทบาทบนเตียงคือฝ่ายรับ…

ออเดรย์วิเคราะห์อย่างชำนาญ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อ

“มิสเตอร์ฮันเพรส ดิฉันอยากมีเทคนิคการสังเกตแบบคุณจังเลยค่ะ!”

ขณะกล่าว เด็กสาวเผยรอยยิ้มเจือจางพลางรับการทักทายจากสมาชิกราวเจ็ดถึงแปดคนภายในห้อง

ผู้คลั่งไคล้จิตวิทยาและศาสตร์เร้นลับล้วนมาจากสังคมชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของขุนนางเก่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย หรือลูกหลานพ่อค้าทรงอิทธิพล ตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มตรงหน้า เขามีบิดาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าฟิลิป ห้างอันดับหนึ่งประจำกรุงเบ็คลันด์

เมื่อการสัมมนาเริ่มขึ้น ออเดรย์รับบาทผู้ฟังอย่างตั้งใจ มีเพียงการยิงคำถามเล็กน้อยหากเกิดความสงสัย ขณะเดียวกันก็แสดงความอยากรู้อยากเห็นเป็นระยะ

ตลอดการสัมมนาเชิงวิชาการ เอสลันด์และฮันเพรสเล่าถึงเรื่องของ ‘กายจิต’ และ ‘กายปัญญา’ รวมถึงโลกวิญญาณและทะเลจิตใต้สำนึก สมาชิกส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ออเดรย์ไขข้อสงสัยของตนไปหลายเรื่อง

เมื่อการสัมมนาจบลงและทุกคนเริ่มทยอยแยกย้ายออกจากบ้าน ออเดรย์ชำเลืองไปทางเอสลันด์ด้านข้างและซักถามอย่างไร้เดียงสา

“มิสเอสลันด์ อ…อีกนานไหมคะ กว่าดิฉันจะเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเท่ากับมิสเตอร์ฮันเพรส?”

เอสลันด์ยกมุมปากอย่างมีเลศนัย จ้องมองเด็กสาวและกล่าว

“อีกไม่นานค่ะ…”

กลางดึกสงัด ไคลน์ ผู้กำลังจะเข้าไปซุกตัวใต้ผ้าห่มอย่างมีความสุข มีเหตุด่วนให้ต้องส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา

ไม่ว่าจะง่วงสักเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ต้องถ่างตาตื่นหลังจากได้ยินคำสวดภาวนาของมิสเมจิกเชี่ยน

ชุมนุมแสงเหนือตระหนักถึงการมีตัวตนของเดอะฟูล? พวกมันรู้จักนามเต็มของเรา?

พระผู้สร้างแท้จริงทราบตำแหน่งเราแล้ว?

ไคลน์นั่งบนเก้าอี้พนักสูงด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด พร้อมรับการโจมตีทุกเมื่อ

ถัดมาไม่นาน ชายหนุ่มเริ่มตัดประเด็นสุดท้ายทิ้งไป เพราะถ้าอีกฝ่ายทราบตำแหน่งของตนจริง ป่านนี้มิสเตอร์ A ต้องมาเคาะประตูบ้านโดยปลอมเป็นคนเก็บค่าแก๊สแล้ว

สรุปได้ว่า ข้อมูลรั่วไหลมีเพียงนามเต็มของเดอะฟูล และเบาะแสคือกรุงเบ็คลันด์…

ใครเป็นคนปล่อยข่าว?

ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรองเคร่งเครียด

จากนั้นไม่นาน มันเกิดสมมติฐาน

เดอะซันน้อยเคยเอ่ยนามเต็มของเราต่อหน้าสมาชิกทีมสำรวจ ผู้ถูกกัดกร่อนจิตใจโดยพระผู้สร้างแท้จริง… แถมยังประกอบพิธีกรรมโดยวาดสัญลักษณ์ของเดอะฟูล และบางที ฉากของพระราชวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทาอาจปรากฏให้อีกฝ่ายเห็น…

หรือก็คือ พระผู้สร้างแท้จริงตระหนักถึงการมีตัวตนของเดอะฟูล และคิดว่าเราพยายามขัดขวางแผนการ… ไม่สิ พยายามก่อกวน… นั่นก็ไม่ใช่…

คิดว่าเราพยายามล้วงข้อมูล…?

ไม่เพียงเท่านั้น เดอะซันยังปลดผนึกของดวงตาดำล้วน ซึ่งถูกปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง… ดวงตาดำล้วนเกิดจากโรซาโก้ ผู้ถูกยันต์กัดกร่อนของเราเล่นงาน…

เราสร้างยันต์กัดกร่อนจากใบหูสีดำ ซึ่งซื้อมาจาก ‘อสรพิษดำ’  บุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกชุมนุมแสงเหนือในกรุงเบ็คลันด์…

จึงส่งผลให้ พระผู้สร้างแท้จริงเชื่อว่าผู้ศรัทธาของเดอะฟูลอาศัยอยู่ในเบ็คลันด์?

เห็นทีว่า เราคงไม่สามารถนำดวงตาดำล้วนออกมาใช้ได้อีกแล้ว!

เมื่อเริ่มเข้าใจต้นตอปัญหา ไคลน์ผุดประเด็นสงสัยข้อใหม่

มิสเตอร์ A ประกาศตามล่าตัวผู้ศรัทธาของเดอะฟูลต่อหน้าสมาชิกชุมนุมจำนวนมากโดยไม่ปิดบังข้อมูลใดเลย? แถมยังเขียนชื่อเต็มของเราลงไปด้วย?

มันเสียสติไปแล้ว? หรืออาจเป็นการจงใจ ‘ล่อเหยื่อให้ติดกับ’ …

เฮ่อ…!

ชุมนุมแสงเหนือเต็มไปด้วยกลุ่มคนเสียสติ สมองของพวกมันคงถูกทำลายไปจนหมดแล้ว คนสติดีอย่างเราจึงไม่มีทางคาดเดาความคิดและจุดประสงค์ได้แม่นยำ…

ดังคำโบราณว่าไว้ :

ถ้าคุณไม่บ้า ก็จะไม่มีวันเข้าใจคนบ้า

……………………