ตอนที่ 137 ถังโจวโจวกลับมาแล้ว

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

เมื่อลั่วเซ่าเชินลงมาที่ชั้นล่างหลังจากตื่นนอน เขาก็พบว่าหันฮุ่ยซินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าป้าหลิวหายไปไหน 

 

 

           เมื่อหันฮุ่ยซินได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็หันหน้าไปมองทันที เธอเห็นลั่วเซ่าเชินเดินลงมาในชุดคลุมสีเทา เธอหยัดตัวขึ้นและเอ่ยทักว่า “อาเชิน” 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินไม่สนใจเธอและเดินตรงเข้าไปในห้องครัว เมื่อป้าหลิวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินตื่นแล้ว เธอก็รีบเสิร์ฟอาหารเช้าให้เขาอย่างรวดเร็ว 

 

 

           หันฮุ่ยซินสาวเท้าเดินตามเขาไป เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินทำเหมือนมองไม่เห็นเธอ เธอก็ยิ้มอย่างขมขื่น “อาเชิน นี่คุณกำลังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม” เธอวางกระติกเก็บความร้อนที่เธอนำมาไว้ตรงหน้าลั่วเซ่าเชิน เธอเปิดฝาแล้วพูดว่า “อาเชิน เมื่อคืนคุณดื่มหนักมาก ฉันก็เลยทำมาให้” 

 

 

“ฮุ่ยซิน คุณไม่ควรมาที่นี่” ลั่วเซ่าเชินไม่รับกระติกเก็บความร้อนของเธอ และตั้งหน้าตั้งตากินอาหารเช้าที่ป้าหลิวทำให้ เขารู้สึกดีใจมากที่เขาตัดสินใจฝากลั่วอิงไว้ที่บ้านตระกูลถัง หากลั่วอิงเห็นเธอเข้า คงจะต้องไม่พอใจแน่ๆ 

 

 

“อาเชิน ฉันแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น” หันฮุ่ยซินมองไปที่ลั่วเซ่าเชินด้วยความเสน่หา ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินกลับรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนกับสายตาเช่นนี้ของเธอได้ 

 

 

“ฮุ่ยซิน คุณกลับไปซะ แล้วเราก็ควรติดต่อกันให้น้อยลง สิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณทำกับโจวโจว ผมจะไม่เอาเรื่อง” ลั่วเซ่าเชินเอ่ยคำเหล่านี้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง 

 

 

แต่หันฮุ่ยซินกลับรู้สึกว่ามันน่าขำ “อาเชิน ฉันพูดอะไรกับโจวโจว? ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น อาเชิน คุณบอกว่าคุณจะรับผิดชอบฉัน แต่คุณก็ไม่เห็นจะทำเลย!” 

 

 

หันฮุ่ยซินดูหมดความอดทน ลั่วเซ่าเชินมองดูเธอที่ใส่อารมณ์ในคำพูดมากขึ้นด้วยความรู้สึกเฉยเมย นี่เขาหมดรักหันฮุ่ยซินแล้วจริงๆ หรือว่าเป็นเพราะถังโจวโจว? ลั่วเซ่าเชินรู้สึกสับสนเล็กน้อย 

 

 

หันฮุ่ยซินเห็นว่าเมื่อเธอพูดไปขนาดนี้แล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่แยแส “อาเชิน เราลองกลับมาคบกันใหม่ดีไหม ในเมื่อไม่มีถังโจวโจวแล้ว ฉันก็สามารถดูแลลั่วอิงให้ได้ เราจะต้องไปด้วยกันได้ดี แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยมีลูกกัน นี่คือชีวิตที่เราควรจะเป็น!” 

 

 

หันฮุ่ยซินกุมมือลั่วเซ่าเชินและดื่มด่ำอยู่กับจินตนาการของเธอเอง ภาพความฝันต่างๆ ที่เธอพร่ำเพ้อออกมา ทำให้ลั่วเซ่าเชินหวนนึกถึงวันเก่าก่อน แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้มันไม่เหมือนในอดีต และเขากับหันฮุ่ยซินก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว 

 

 

เขาค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกมา “ฮุ่ยซิน ตื่นได้แล้ว ตอนนี้ชีวิตผมดีมากอยู่แล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนเราจะเคยรักกัน แต่เวลาก็เป็นสิ่งที่เยียวยาได้ดีที่สุด ผมลืมความรู้สึกพวกนั้นกับคุณไปหมดแล้ว” ความจริงแล้วเขาไม่ได้ลืมมัน แต่เพื่อไม่ให้หันฮุ่ยซินยึดติดอยู่กับเขา เขาจึงต้องพูดออกมาแบบนี้ 

 

 

“อาเชิน คุณยังไม่ลืมหรอก ใช่ไหม? ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะลืมเรื่องของเราไปแล้ว ผู้หญิงอย่างถังโจวโจวมีอะไรดี อาเชิน ฉันรู้แล้วว่าฉันทำผิดไป ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว คุณก็ไม่ควรจะปล่อยฉันไปสิ?” 

 

 

หันฮุ่ยซินไม่เข้าใจ ตอนแรกเธอไม่ได้คิดจะเลิกกับเขาสักหน่อย เธอก็แค่อยากทำตามความฝันของตัวเองเท่านั้น เธอขอให้ลั่วเซ่าเชินรอเธอแค่ไม่กี่ปี เพราะทุกอย่างกำลังไปได้สวย แล้วทำไมอาเชินถึงไม่เข้าใจเธอบ้าง? 

 

 

ก็แค่เลื่อนเวลาออกไปไม่กี่ปีเพื่ออนาคตของเธอ เขาไม่คิดจะเก็บไปพิจารณาเลยเหรอ? หรืออาเชินไม่รักเธอแล้วจริงๆ หันฮุ่ยซินก็เคยสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่คำตอบที่แน่วแน่ของลั่วเซ่าเชินในตอนนั้นก็ทำให้หัวใจของหันฮุ่ยซินสงบลง 

 

 

เพราะจู่ๆ หันฮุ่ยซินก็ได้รับสายโทรศัพท์จากลั่วเซ่าเชิน เขาถามเธอว่าเธอจะกลับมาหาเขาไหม หันฮุ่ยซินจะยอมได้อย่างไร ตอนนั้นเธอมีการประกวดที่สำคัญ อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอจะยอมถอยง่ายๆ ได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปฏิเสธเขาอย่างรุนแรง 

 

 

และในครั้งนั้นเอง เธอกับลั่วเซ่าเชินก็ทะเลาะกันใหญ่โต หลังจากนั้นหันฮุ่ยซินก็มุ่งมั่นไปที่หน้าที่การงานของเธอ เธอคิดว่าเธอจะจัดการกับความสัมพันธ์ของเธอและลั่วเซ่าเชินหลังจากที่เธอมั่นคงในหน้าที่การงานมากกว่านี้แล้ว แต่เขาไม่ให้โอกาสเธอเลย 

 

 

หันฮุ่ยซินได้ยินชัดเจนว่าลั่วเซ่าเชินขอเลิกกับเธอ แต่หันฮุ่ยซินไม่ยอมรับ เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใจไม่ตรงกัน พวกเขาจึงยังคงคาราคาซังในความสัมพันธ์กันอยู่อย่างนี้ หันฮุ่ยซินเองก็ไม่เคยได้ยินข่าวการแต่งงานของลั่วเซ่าเชินเลย เธอจึงคิดว่าเขาแค่ยั่วโมโหเธอเพื่อให้เธอยอมกลับไปหาเขาเท่านั้น 

 

 

ท้ายที่สุดเธอก็ได้รับข่าวว่าลั่วเซ่าเชินมีภรรยาแล้ว หันฮุ่ยซินรู้สึกกังวลใจ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าลั่วเซ่าเชินจะทรยศต่อความรักระหว่างเธอกับเขา และทิ้งเธอไว้ลำพังเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น 

 

 

“ฮุ่ยซิน คุณไม่เข้าใจหรือว่าเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว คุณจะดื้อดึงอยู่อีกทำไม!” ลั่วเซ่าเชินสะบัดมือของหันฮุ่ยซินออก 

 

 

“ในบ้านคึกคักจังเลยนะคะวันนี้!” น้ำเสียงและรูปร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นภายในบ้าน ลั่วเซ่าเชินนึกว่าเขาตาฝาดไป เขากะพริบตาสองสามครั้ง แล้วเขาก็พบว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิม เขาลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “โจวโจว คุณกลับมาแล้ว!” 

 

 

ถังโจวโจวมองดูหันฮุ่ยซินจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง เมื่อความเศร้าก่อนหน้าหายไปแล้ว เธอจึงหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กลับมาแล้วเหรอโจวโจว” 

 

 

ถังโจวโจวมองดูฉากรักๆ ใคร่ๆ ที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็รู้สึกขำอยู่ในใจ เธอจะกลับมาทำไมเนี่ย ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนกำลังไปกันได้ดีในขณะที่เธอไม่อยู่ เรานี่หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ! 

 

 

“ดูเหมือนว่าฉันจะเข้ามาขัดจังหวะพวกคุณ? เฮ้อ ฉันไม่น่ากลับมาตอนนี้เลย” ถังโจวโจวหันหลังกลับและกำลังเดินออกไปจากบ้าน 

 

 

ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งมารั้งเธอไว้ “โจวโจว คุณเข้าใจผิด มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่อาจปล่อยให้ถังโจวโจวเข้าใจเขาผิดได้อีกแล้ว กว่าเธอจะยอมกลับมาให้เห็นหน้า ถ้าเธอหนีไปอีก เขาจะทำอย่างไร? 

 

 

“ปล่อยค่ะ” ถังโจวโจวก้มหน้ามองมือของลั่วเซ่าเชินที่บีบข้อมือเธออยู่ มือคู่นี้อาจจะเคยจับหันฮุ่ยซินมาก่อน จู่ๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกรังเกียจมันขึ้นมา 

 

 

ใบหน้าของเธอแสดงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมาทันที และลั่วเซ่าเชินก็สังเกตเห็น “โจวโจว ตราบใดที่คุณบอกว่าคุณจะไม่หนีไปไหนอีก ผมก็จะปล่อยคุณ” 

 

 

ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินกลัวการปล่อยมือนี้มาก ครั้งนี้ถังโจวโจวทำกับเขารุนแรงเกินไป เธอทำให้เขาตกใจกลัว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลั่วอิงร้องไห้งอแงหาเธอ มันก็ยิ่งทำให้ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเจ็บปวดไปหมด 

 

 

ถังโจวโจวพยักหน้า เมื่อลั่วเซ่าเชินได้รับคำยืนยันจากเธอ เขาก็ค่อยๆ คลายมือลง และเมื่อถังโจวโจวคลึงข้อมือตัวเอง เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่นี้เขาใช้แรงมากเกินไป จนทำให้ข้อมือของเธอเป็นรอยแดง 

 

 

“โจวโจว ขอโทษ ผมขอโทษ…” 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินแล้ว” ความเย็นชาของถังโจวโจวทำให้ลั่วเซ่าเชินถึงกับชะงักงัน ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าที่ถังโจวโจวกลับมาในครั้งนี้ เธอไม่ได้กลับมาอยู่อย่างถาวร เมื่อครู่นี้เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ต่ทำไมเธอถึงไม่ยกโทษให้เขาล่ะ? 

 

 

หันฮุ่ยซินเห็นว่าดวงตาของลั่วเซ่าเชินเต็มไปด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้น ในขณะที่ถังโจวโจวก้มหน้าต่ำ เธอจึงไม่รู้ว่าถังโจวโจวคิดอย่างไร แต่ในมุมมองของหันฮุ่ยซิน เธอคิดว่าถังโจวโจวกำลังหลอกให้เขาตายใจ และต้องการทำให้อาเชินรู้สึกผิดและเป็นทุกข์ เพื่อที่จะได้ควบคุมจิตใจของอาเชินได้อยู่หมัด 

 

 

“โจวโจว เธอเข้าใจผิดนะ ฉันกับอาเชินไม่ได้มีอะไรกัน” 

 

 

“ใช่ อย่างที่ฮุ่ยซินบอก ทีนี้คุณเชื่อแล้วใช่ไหม” ลั่วเซ่าเชินรีบว่าตามเธอ 

 

 

ถังโจวโจวมองดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง พลางเห็นแววตาที่แฝงความภาคภูมิใจเอาไว้ ราวกับว่าเธอนี่แหละคือคุณผู้หญิงของตระกูลนี้ ส่วนตัวเองก็เป็นแค่ชู้ที่จู่ๆ ก็โผล่มาหยิบชิ้นปลามันของเธอไป 

 

 

“ลั่วอิงล่ะคะ” ถังโจวโจวไม่ได้บอกว่าเธอเชื่อหรือไม่เชื่อ เธอแค่ไม่อยากคาดหวังอะไรกับลั่วเซ่าเชินอีกแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ความหวังของเธอถูกทำลายจนป่นปี้ไปแล้วในตอนนี้ 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวไม่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหันฮุ่ยซิน มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิม ถ้าถังโจวโจวบอกว่าโกรธ ลั่วเซ่าเชินก็ยังได้รู้บ้าง แต่ตอนนี้เธอเล่นไม่พูดอะไรเลย เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ 

 

 

“ลูกอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ ถ้าคุณอยากไปหาลูก ผมจะพาคุณไปเดี๋ยวนี้เลย” ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างใจเย็น 

 

 

หันฮุ่ยซินไม่สามารถปกปิดความอิจฉาริษยาได้อีกต่อไป ลั่วเซ่าเชินช่างเอาอกเอาใจถังโจวโจวเสียเหลือเกิน เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย นี่เธอไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของลั่วเซ่าเชินเลยเหรอ หันฮุ่ยซินไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าลั่วเซ่าเชินไม่เคยรักเธอ! 

 

 

“อาเชิน ฉันกลับก่อนนะคะ เมื่อวานคุณดื่มหนัก ท้องยังรับอะไรไม่ไหว อย่าลืมทานตอนที่มันยังร้อนอยู่นะคะ” หันฮุ่ยซินรีบหยิบกระเป๋าและแบกหน้าที่ภาคภูมิใจของเธอ เดินผ่านลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวไป 

 

 

ถังโจวโจวมองดูหันฮุ่ยซินเดินจากไปอย่างเงียบๆ ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอไม่พูดอะไร เขาก็กลัวว่าเธอจะคิดมาก “โจวโจว เธอเพิ่งมาเมื่อเช้านี้เอง ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกันนะ” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่เคยรู้สึกไร้อำนาจขนาดนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าตั้งแต่เขาสูญเสียลูกของเขากับถังโจวโจวไป เขาก็ยอมตกอยู่ใต้อาณัติของถังโจวโจวแต่โดยดี เขากลับไปเป็นคนเย็นชาและวางอำนาจได้อยู่แล้ว แต่เขาแค่อยากตามใจถังโจวโจวเท่านั้น เมื่อเขาเห็นถังโจวโจวมีความสุข เขาก็มีความสุขตามไปด้วย 

 

 

“เหรอคะ? ฉันไม่สนหรอกว่าคุณกับเธอจะมีหรือไม่มีอะไรกัน เพราะอีกไม่นานคุณก็จะไม่ต้องมารายงานอะไรแบบนี้กับฉันแล้ว” 

 

 

ถังโจวโจวเดินเข้าไปด้านใน พลางมองไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอยังรู้สึกดีกับบรรยากาศภายในบ้านเหมือนเดิม แต่กับคนในบ้านนี้ ตอนนี้ความรู้สึกของเธอมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว 

 

 

“โจวโจว คุณหมายความว่ายังไง คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้” ลั่วเซ่าเชินฉุดมือเธอไว้ ถังโจวโจวถูกแรงกระชากทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่ เมื่อจุดศูนย์ถ่วงในร่างกายของเธอไม่สมดุล เธอจึงเซเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน 

 

 

ลั่วเซ่าเชินคว้าเอวของเธอเข้ามาโอบไว้แน่นทันที ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนนั้นใกล้กันมาก ป้าหลิวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวเห็นเข้า ก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีว่าไม่ควรเข้าไปรบกวนพวกเขาตอนนี้ 

 

 

ถังโจวโจวพยายามเบี่ยงตัวออก แต่ลั่วเซ่าเชินก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมที่มี โดยการก้มหน้าลงจนทำให้ริมฝีปากของเขาและเธอห่างกันเพียงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น แค่เพียงใครคนใดคนหนึ่งเคลื่อนใบหน้าเข้าไปอีกนิดเดียวริมฝีปากของพวกเขาก็จะประกบกัน 

 

 

ถังโจวโจวไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า หัวใจของเธอเต้นรัว ลมหายใจของลั่วเซ่าเชินห้อมล้อมอยู่รอบตัวเธอ ถังโจวโจวกลัวว่าเสน่ห์ของลั่วเซ่าเชินจะทำให้ความตั้งใจของเธอสั่นคลอน 

 

 

ลั่วเซ่าเชินกดหน้าผากลงแนบชิดกับเธอ แล้วกระซิบว่า “โจวโจว เราคืนดีกันเถอะ คุณยกโทษให้ผมสักครั้งเถอะนะ ลั่วอิงเองก็คิดถึงคุณมาก คุณทนเห็นลูกเจ็บปวดได้จริงๆ เหรอ” 

 

 

ภาพที่ลั่วอิงร้องไห้น้ำตานองปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของถังโจวโจว เธอเองก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่ถ้าจะให้เธอให้อภัยลั่วเซ่าเชินง่ายๆ เธอก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ในเมื่อมันมีหนามชิ้นใหญ่ตำอยู่ในใจของเธออย่างนี้แล้ว 

 

 

“ทนได้หรือไม่ได้แล้วยังไงคะ เดี๋ยวเธอก็จะปรับตัวได้เอง ไม่ช้าก็เร็ว…” ถังโจวโจวปากแข็ง ลั่วเซ่าเชินจนปัญญาแล้วจริงๆ และเขาก็ไม่อยากได้ยินเธอพูดคำว่า ‘จะจากไป’ อีก เขาจึงใช้ปากของเขาปิดปากของเธอไว้ 

 

 

เขาพยายามแทรกลิ้นเข้าไปในปากของถังโจวโจว แต่เธอกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้ลั่วเซ่าเชินได้ผ่านเข้าไป ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ ตะล่อมเธอ “โจวโจว เด็กดี คุณเองก็ชอบมัน” 

 

 

ถังโจวโจวไม่พูดและเบี่ยงหน้าไปอีกด้านหนึ่ง เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือ เขาก็คิดหาวิธี เขาประกบปากลงไปอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็ล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ เมื่อเขาแตะถูกจุดเส้นตื้นของถังโจวโจว ทันใดนั้นเธอก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ และเมื่อเธอหัวเราะออกมา ปากของเธอก็ไร้ด่านปราการกั้นอีกต่อไป