ตอนที่ 298 วิธีที่ปลอบโยนเธอได้ไม่ได้มีเพียงเขา / ตอนที่ 299 กลับไปหาคนเก่า

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 298 วิธีที่ปลอบโยนเธอได้ไม่ได้มีเพียงเขา

 

 

           ในสมองสับสน นั่งอยู่ที่ทางเดินยาว หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าและเริ่มสูบ

 

 

           ในหัวนึกถึงเงาของฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจทำให้เขาเจ็บจนไม่สามารถหายใจได้ อารมณ์ในหัวใจนั้นยากเกินกว่าจะระงับ

 

 

           รูปร่างที่สูงใหญ่ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าต้องการจะจากไป ในเวลานี้ผู้ช่วยก็เข้ามาพอดี “คุณดูแลเขาให้ดี ผมจะกลับออฟฟิศ”

 

 

           “ได้ครับ ท่านประธาน” ผู้ช่วยพยักหน้า เอ่ยปากกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างได้ จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยหยุดเดิน หันหลังไปมองผู้ช่วย

 

 

           ผู้ช่วยเงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ยอย่างงุนงง “ท่านประธานยังมีอะไรสั่งไหมครับ”

 

 

           “ถ้าหากเขาถามถึงผม คุณก็บอกไปว่าผมกำลังยุ่ง มีเวลาก็จะมาหาเขาเอง ยังไงคุณก็ดูแลเขาดีๆ”

 

 

           ผู้ช่วยพยักหน้า ขณะที่เขานึกว่าเผยหนานเจวี๋ยสั่งงานเรียบร้อยแล้วกำลังต้องการจะหันหลังจากไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะพูดต่อ “ดำเนินการเรื่องลงทุนหนังไซไฟที่คุยกันคราวก่อนต่อ เพิ่มเงินเป็นสามร้อยล้าน ขอให้อีอีเป็นนักแสดงนำ คุณรีบติดต่อกับผู้กำกับ พอยืนยันได้แล้วก็บอกอีอีทันที”

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ คราวนี้ก็จากไปทันทีโดยไม่หันกลับมา

 

 

           บางครั้งสิ่งที่ปลอบโยนเธอได้ไม่ได้มีเพียงเขา ยังมีอาชีพที่เธอใส่ใจมาก

 

 

           “ครับ” ผู้ช่วยมองดูเงาของเผยหนานเจวี๋ยตอบรับเสียงต่ำ จากนั้นก็ยกหูติดต่อผู้กำกับ…

 

 

           เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้กลับบริษัท แต่นัดกับเพื่อนสนิทซ่งฉือออกไปข้างนอก ในขณะนี้ทั้งสองคนกำลังดื่มเหล้ากันในบาร์

 

 

           เห็นเพื่อนสนิทดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า คิ้วที่น่ามองของซ่งฉือเลิกขึ้น เจ้าหมอนี่เป็นอะไรกันแน่ พอนัดเขาออกมาแล้วก็ไม่พูดไม่จา ดื่มเหล้าแก้เซ็งอยู่คนเดียว กล้าเชิญเขามาเพื่อให้ตั้งใจดูเขาดื่มเหล้างั้นเหรอ

 

 

           “คุณชายใหญ่เผย นายเป็นอะไรไป นายเรียกฉันออกมาไม่ใช่เพื่อให้ฉันมาดูนายดื่มเหล้าหรอกนะ” ซ่งฉือเอ่ยด้วยความขบขันเล็กน้อย

 

 

           คำพูดของเพื่อนสนิทไม่เข้าหูเผยหนานเจวี๋ย เขาดื่มเหล้าในแก้วต่อ นึกถึงวันนี้ที่เขารับปากฉู่อีอีว่าจะแต่งงานกับเธอ บางแห่งในหัวใจเริ่มรู้สึกเจ็บปวด

 

 

           ทำไมตอนนี้เขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้

 

 

           เหล้าอีกแก้วไหลงลงสู่ท้อง ขณะที่เขากำลังจะยกแก้วที่สองขึ้นก็ถูกซ่งฉือห้ามเอาไว้ “อย่าดื่มอีกเลย นายมีเรื่องอะไรกลุ้มใจก็พูด ขืนนายดื่มแบบนี้ เดี๋ยวก็ติดเหล้ากันพอดี!”

 

 

           เอ่ยปากอย่างหัวใจ ซ่งฉือแย่งแก้วเหล้ามาจากมือของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “อย่ามายุ่งกับฉัน!”

 

 

           “นายเป็นอะไรกันแน่ เรียกฉันออกมาดื่มเป็นเพื่อนนาย นายดื่มอยู่ที่นี่คนเดียวซะยังดีกว่า เป็นเพราะอะไรกันแน่” กล่าวอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงของซ่งฉือเต็มไปด้วยการตำหนิ

 

 

           ในเมื่อออกมาแล้วก็พูดสิว่าทำไมถึงให้เขาตามเขามา? คุณชายใหญ่อย่างเขานึกว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้หรือไง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยังคงเงียบ จู่ๆ ก็กำหมัดแน่นแล้วทุบโต๊ะเสียงดัง

 

 

           “นายเป็นบ้าอะไร ฉู่อีอีเกิดเรื่องใช่ไหม” ซ่งฉือมองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดพร้อมพูด

 

 

           ได้ยินเพื่อสนิทพูดถึงฉู่อีอี ดวงตาของเผยหนานเจวี๋ยเผยอารมณ์หงุดหงิด

 

 

           “อย่าพูดถึงเขากับฉัน” เอ่ยปากเย็นชา ในเวลานี้เผยหนานเจวี๋ยไม่ต้องการได้ยินเรื่องใดๆ เกี่ยวกับฉู่อีอีอีก แม้แต่ชื่อก็ไม่อยากได้ยิน…

 

 

           มีปัญหากันจริงด้วย ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ซ่งฉือยกมือขึ้นลูบๆ คาง มองดูเผยหนานเจวี๋ยประมาณว่าฉันกะไว้แล้วเชียว

 

 

           หรือว่าสองคนนี้จะทะเลาะกัน

 

 

           “เจียเสวียน…”

 

 

           ซ่งฉือต้องการจะเอ่ยปาก จู่ๆ ก็ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพึมพำ พอได้ยินเขาก็ประหลาดใจ

 

 

 

 

       ตอนที่ 299 กลับไปหาคนเก่า

 

 

           เจียเสวียน? หรือว่าที่เขากระวนกระวายใจแบบนี้เป็นเพราะฉู่เจียเสวียน?

 

 

           นึกถึงรายงานข่าวที่ได้ดูวันนี้ ซ่งฉือมองเขาอย่างเหลือเชื่อ หรือว่าเขาหวั่นไหวต่อฉู่เจียเสวียนงั้นเหรอ

 

 

           สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทของเผยหนานเจวี๋ย เพียงแค่เดาก็ทายใจเผยหนานเจวี๋ยได้ตรงเผงแล้ว

 

 

           “หนานเจวี๋ย นายคงไม่ได้ชอบฉู่เจียเสวียนหรอกนะ” นึกถึงช่วงนี้ที่เผยหนานเจวี๋ยมักจะมาหาเขาบ่อยๆ ดึกๆ ดื่นๆ ไม่กลับบ้าน

 

 

           ได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิทแล้ว ริมฝีปากของเผยหนานเจวี๋ยเม้มกันเป็นเส้นตรง แย่งเหล้าในมือของซ่งฉือ ดื่มเหล้าในแก้วรวดเดียวหมด

 

 

           “แล้วอีอีล่ะทำยังไง” ซ่งฉือเอ่ยปาก เห็นท่าทางเจ็บปวดของเพื่อนสนิท ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

 

 

           “ฉันจะแต่งกับเขา” ในที่สุดริมฝีปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยอ้าเอ่ย แววตาถูกแทนที่ด้วยความขมขื่นไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

           “โห นายแน่ใจ? แบบนี้มันไม่เจ็บไปหน่อยเหรอ” ซ่งฉือพูดอย่างเหลือเชื่อ แววตาที่มองเผยหานเจวี๋ยยิ่งมีความประหลาดใจ

 

 

           อย่างไรก็ตามเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะหลงรักฉู่เจียเสวียน แม้จะรู้ว่าเมื่อก่อนพวกเขาเคยเป็นสามีภรรยากัน นี่เขาจะกลับไปหาคนเก่างั้นเหรอ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ตอบ เพียงแต่ดื่มเหล้าไม่หยุด เห็นท่าทางที่เจ็บปวดของเพื่อนรัก ซ่งฉือไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรดี

 

 

           ในตอนแรกเขาก็เคยเขากับเขาแล้วว่าให้เขาคิดให้ดีเขาก็ไม่ฟัง ตอนนี้เธอก็มีแฟนไปแล้ว เขาเพิ่งมาเศร้าเอาตอนนี้ไม่ไร้ประโยชน์ไปหน่อยหรือ

 

 

           “เจ็บ?” ใช่สิ มันเจ็บมากเกินไปแล้ว ถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ได้บีบบังคับเธอขนาดนั้น ตอนนี้เขาก็คงไม่เสียใจมากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนี้เขาทำตัวเองทั้งนั้น

 

 

           “ช่างเถอะๆ อย่าไปคิดเลย นายน่ะ ใช้ชีวิตอยู่กับอีอีให้มีความสุขเถอะ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนก็มีแฟนแล้ว” ซงฉือตบๆ ไหล่เพื่อนซี้ของเขาพร้อมพูด

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่ได้รักเขาตั้งนานแล้ว เขาทำแบบนี้ให้ใครดูกัน

 

 

           เช้าตรู่ตีสาม ซ่งฉือส่งเผยหนานเจวี๋ยกลับไปที่วิลล่าของเขาแล้ว

 

 

           “อัยยา ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นนะ ฉันจะไม่…” ซ่งฉือมองเผยหนานเจวี๋ยที่เมาเหมือนหมา บ่นอุบไม่หยุด

 

 

           เมื่อเวลาผ่านไป ราวกับว่าทุกอย่างล้วนกลับไปเป็นปกติ ตั้งแต่เรื่องที่ฉู่อีอีฆ่าตัวตายคราวก่อน เผยหนานเจวี๋ยก็กลับบ้านก่อนสามทุ่มทุกคืน

 

 

           ในงานแถลงข่าว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญด้วยรอยยิ้มที่สง่างงาม

 

 

           “คุณฉู่ ขอถามหน่อยค่ะว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงในฐานะนักออกแบบเสื้อผ้าฤดูร้อน”

 

 

           “ที่ฉันเป็นผู้จัดงานนิทรรศการเสื้อผ้าในครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการสื่อสารกับคนทั่วโลกค่ะ หวังว่าถึงตอนนั้นทุกคนจะมาที่งานได้นะคะ”

 

 

           ถังถังนั่งอยู่ในออฟฟิศ มองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าอิจฉา

 

 

           “เจียเสวียน เธอเก่งจริงๆ เลย” ถังถังเอ่ย ใบหน้าที่มองฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยความริษยา เฮ้อ คนเราแข่งเรือแข่งพายได้การแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้จริงๆ เลยนะ

 

 

           “แน่อยู่แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าฉันเป็นใคร ตอนนี้ฉันกำลังลงมือเตรียมงานนิทรรศการเสื้อผ้าฤดูร้อน ฉันไม่มีเวลาดูเรื่องในร้านแล้ว ช่วงนี้ต้องลำบากเธอหน่อยนะ”

 

 

           นี่ก็เป็นครั้งแรกของเธอในฐานะดีไซเนอร์คนสำคัญ ฉะนั้นประสบการณ์จึงยังมีไม่มาก เธอจำเป็นต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับงานนิทรรศการนี้

 

 

           “รู้แล้ว เธอทำงานนิทรรศการของเธอให้ดีก็พอแล้ว ฉันจะดูร้านเช่าชุดแต่งงานเอง” ถังถังเอ่ยสบายๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส เพื่อนสนิทประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เธอก็พลอยดีใจไปด้วย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถังแล้วยิ้ม จากนั้นก็ก้มหน้าเริ่มลงมือเตรียมงานนิทรรศการเสื้อผ้า

 

 

           ครั้งนี้ฉู่เจียเสวียนเป็นหัวหน้าออกแบบเสื้อผ้า บวกกับความนิยมชมชอบที่ฉู่เจียเสวียนสะสมมาก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้คนในวงการแฟชั่นตกตะลึง