บทที่ 1654+1655

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1654 ทั้งหมดอยู่ในความเงียบงัน

ฝูงชนพลันตกตะลึง แหงนหน้าขึ้นมองตามกัน

“เทพศักดิ์สิทธิ์!”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”

“สวรรค์ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”

คนผู้หนึ่งยืนงามสง่ากลางอากาศ อาภรณ์ขาวดุจหิมะ เกศาเงิน หน้ากากหยกบดบังทั้งใบหน้า รอบกายประหนึ่งอยู่ท่ามกลางเมฆาหลากสี นั่นก็คือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์

คนนับไม่ถ้วนคุกเข่าดังพึ่บพั่บลงไป โค้งคำนับร้องเรียกไปทางเทพของทวีปท่านนี้ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!”

เสียงแซ่ซ้องดุจคลื่นซัดสาด พวกชาวบ้านฮือฮาขึ้นมากันแล้ว!

เดิมทีเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยปรากฏกายคราหนึ่งในรอบหลายปี ถึงขั้นหลายสิบหลายร้อยปี ทว่าครึ่งปีมานี้เทพศักดิ์สิทธิ์ปรากฏกายที่อาณาจักรเฟยซิงสองครั้งแล้ว! อีกทั้งยังเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนหมู่มาก

กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มเบาๆ มองดูการปรากฏกายของเขา ใบหน้าพริ้มเพราเรียบเฉย

ทวีปแห่งนี้มีกฎเกณฑ์อยู่ว่าเมื่อใดที่ทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ ผู้ทดสอบไม่จำเป็นต้องทำความเคารพผู้ใดทั้งนั้น

ดังนั้น หลังของกู้ซีจิ่วจึงยืดตรงตลอดเวลา

เทพศักดิ์สิทธิ์ร่อนลงบนพื้น กวาดสายตามองใบหน้านาง นางมองเขากลับ นัยน์ตาไม่มีอารมณ์ใดๆ มองเขาเฉกเช่นมองคนแปลกหน้า

ม่านตาเขาพลันหดลง เขารู้ว่านางในตอนนี้ก้าวออกมาได้แล้วในที่สุด

สตรีคนนี้เมื่อทุ่มเทให้กับความรักแล้วก็คือทุ่มเทจริงๆ ทว่าเมื่อใดที่ถอนตัวแล้ว นั่นคือถอนตัวอย่างแท้จริง มองคนที่เคยทรยศนางเป็นอดีตไปหมด ไม่เหลียวหลังกลับอีกต่อไป

ส่วนเขาก็จะกลายเป็นอดีตที่ผ่านไปในชีวิตนาง

ช้าเร็วก็ต้องมีสักวัน พู่กันทมิฬอันหนักอึ้งที่เขาควบคุมอยู่บนภาพวาดในชีวิตนางจะถูกนางลบล้างดั่งฝุ่นผง บางทีแม้แต่ร่องรอยสักนิดอาจไม่เหลือไว้

นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อเห็นความเฉยชาของนางจริงๆ จิตใจเขากลับหดหู่ประหนึ่งดิ่งลงเหวลึกอย่างฉับพลัน

เคราะห์ดีที่ช่วงนี้จิตใจของเขาเจ็บปวดจนด้านชา เขามองนาง สายตาแฝงด้วยรอยยิ้มบางๆ กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย “เจ้าทำได้ดีมาก การทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ครั้งนี้ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ!”

เสียงเขาเลื่อนลอยดุจสายลมกลางหุบเขา ทุกคนในพื้นที่ได้ยินกันหมด ชาวบ้านอาณาจักเฟยซิงต่างโล่งอกโล่งใจกันยกใหญ่!

กู้ซีจิ่วในตอนนี้คือความภาคภูมิใจของชาวประชาอาณาจักรเฟยซิง ชาวบ้านจำนวนมากย่อมหวังให้นางประสบความสำเร็จ เพียงแต่เมื่อสักครู่ทุกคนก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน

คำพูดของเทพศักดิ์สิทธิ์กลับยืนยันความถูกต้องของกู้ซีจิ่ว นางทำสำเร็จแล้วจริงๆ ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ!

ไม่มีผู้ใดสงสัยการตัดสินของเทพศักดิ์สิทธิ์อีก ดังนั้นหลังจากที่ชาวบ้านตกตะลึงกันครู่หนึ่ง จึงโห่ร้องขึ้นมาอีกครั้ง ทยอยกันส่งเสียงให้กำลังใจกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วกลับสับสนในใจเล็กน้อย ผู้อื่นไม่รู้ความรู้สึกของเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่เธอรู้ดี หลายครั้งหลายคราที่คนผู้นี้ทำการสิ่งใดไม่มีขีดจำกัด เธอกลัวว่าเขาไม่อยากปล่อยหลงซือเย่ บิดเบือนข้อเท็จจริง บอกว่าสิ่งที่เธอทำไม่ถูก ณ ที่แห่งนี้ นึกไม่ถึงว่าเขากลับยืนยันให้เธออย่างตรงไปตรงมา

นี่ทำให้เธอโล่งใจ กล่าวคำขอบคุณเทพศักดิ์สิทธิ์คราหนึ่ง สายตามองไปที่แห่งหนึ่งด้านล่างแท่นที่อยู่ไม่ไกล

หลงซือเย่ยืนให้กำลังใจเธออยู่ตรงนั้น!

หลงซือเย่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน ทั้งสองสบตาและส่งยิ้มให้กัน ทั้งหมดอยู่ในความเงียบงัน

เทพศักดิ์สิทธิ์หลุบตาลงเล็กน้อย นิ้วมือในแขนเสื้อกระชับแน่น คิดอยากทำสิ่งใดขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทำ สายตาเขาหันกลับมามองร่างองค์ชายผู้นั้นในทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงปานน้ำแข็ง “หาได้ยากยิ่งที่จะพบผู้อ้างตนว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ในสถานที่ทดสอบ”

ใบหน้าองค์ชายหนุ่มซีดขาวในทันใด!

เขาคุกเข่าลงบนพื้น ร่างกายพลันสั่นสะท้าน น้ำเสียงสั่นเครือปานใบไม้กลางสายฝน “ทะ…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่…นั่นเป็นแค่เป็นแค่การเปรียบเทียบอย่างหนึ่ง”

“เรื่องสานุศิษย์สวรรค์เปรียบเทียบมั่วซั่วได้อย่างนั้นรึ?”

องค์ชายหนุ่มอ้าปากค้าง เหงื่อเม็ดโตไหลหยดลงพื้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดเสียงดังแปะๆ

—————————————————————————

บทที่ 1655 ต่อราคา

องค์ชายหนุ่มอ้าปากค้าง เหงื่อเม็ดโตไหลหยดลงพื้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดเสียงดังแปะๆ โขกศีรษะอยู่บนพื้นไม่หยุด “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ วะ…ไว้ชีวิตด้วยเถิด ผู้น้อย…พระบิดาชราภาพแล้ว ยังรอให้ข้าน้อยกลับไปถวายความกตัญญูอยู่…”

เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจเขา มู่เฟิงก้าวเข้ามา ยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “วันนี้ช่างเก็บเกี่ยวได้มหาศาลโดยแท้ ไม่เพียงแต่พบสานุศิษย์สวรรค์ตัวจริงหนึ่งคนเท่านั้น ยังพบผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นอีกคนด้วย มาเถอะ ขึ้นไปทดสอบกันหน่อย ให้เจ้าได้เสพสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังของฝูงชนดูสักครั้งเช่นกัน”

เมื่อยกมือขึ้นก็โยนเขาขึ้นไปบนแท่นแล้ว

องค์ชายหนุ่มตกใจจนฉี่ราด “ผู้น้อย…ผู้น้อยไม่ใช่จริงๆ…ผู้น้อยเพียงพลั้งปากไปชั่วขณะ พระบิดาของผู้น้อย…”

“ไม่ต้องอ้างถึงพระบิดาของเจ้าหรอก” มู่เฟิงตัดบทเขา “พระบิดาของเจ้ายังมีองค์ชายคนอื่นๆ อยู่ ขาดเจ้าไปคอยรับใช้กตัญญูสักคนก็ไม่เป็นไรหรอก หากว่าเจ้าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ขึ้นมาจริงๆ ก็ถือว่าช่วงชิงเกียรติยศมาให้พระบิดาของเจ้าได้นะ เอ๊ะ กลิ่นอะไรกัน…”

มู่เฟิงจ้องเป้ากางเกงที่เปียกชื้นของเขา “ตกใจจนฉี่ราดเชียวหรือ? ความกล้าของเจ้าก็ไม่เท่าไหร่นี่!”

องค์ชายหนุ่มทั้งอับอายทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว ล้มอยู่ตรงนั้นลุกไม่ขึ้น

สายตาของเทพศักดิ์สิทธิ์หันเหไปที่ร่างกู้ซีจิ่ว “ทดสอบเขา”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

การเปิดใช้เสาพลังวิญญาณเพื่อทดสอบเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนักไม่ใช่หรือ? เธอทดสอบหนึ่งครั้งก็ผลาญพลังวิญญาณไปหนึ่งในสามแล้ว แล้วจะให้ทดสอบคนผู้นี้อีกครั้ง….

นึกว่าเธอสร้างขึ้นจากเหล็กหรือไง?!

อีกอย่างเดิมทีเธอรับปากเพียงว่าจะทำการทดสอบฮั่วฉีฟางเท่านั้น ไม่ได้รับปากว่าจะทดสอบคนที่โผล่ขึ้นมากลางคันเช่นนี้ด้วย

แต่ตอนนี้เขาใช้ฐานะของเทพศักดิ์สิทธิ์มาสั่งให้เธอทำเรื่องนี้ ถ้าเธอเอ่ยปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน จะเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! อีกอย่างเธอก็ขัดตาองค์ชายหนุ่มผู้นี้จริงๆ…

เธอเลิกคิ้วยิ้มบางๆ เอ่ยเงื่อนไขที่คนทั้งสองล้วนทราบกันดี “ลบหนึ่งวันนั้นทิ้ง!”

สายตาของเทพศักดิ์สิทธิ์ร่อนลงบนดวงหน้านาง นางไม่เคยลืมที่จะต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์ให้หลงซือเย่เลย

ที่นางกระอักโลหิตครานั้นประการแรกเป็นเพราะความไร้น้ำใจของเขา ประการที่สองก็เป็นเพราะนางรู้สึกว่าสร้างความลำบากให้แก่หลงซือเย่ ความรู้สึกผิดความละอายใจความเดือดดาลผสานเข้าด้วยกัน เกือบจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว

หลายวันมานี้นางเศร้าหมองอยู่ตลอด ถ้านานไปเกรงว่าจะป่วยใจเอาได้…

ยากนักที่นางจะมีความสุขได้เช่นวันนี้ ได้หาที่ระบายอารมณ์…

นัยน์ตาเขาวูบไหวเล็กน้อย เอ่ยออกมาสองคำ “ครึ่งวัน” ทัณฑ์แดนเพลิงของหลงซือเย่จำเป็นต้องดำเนินต่อไป

“หนึ่งชั่วยาม!” กู้ซีจิ่วต่อราคา ไม่ปล่อยโอกาสใดให้หลุดรอดไปเลย

เทพศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ออกแล้ว นี่ยังคงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้พบพานคนที่กล้าต่อรองกับเขาเช่นนี้ หากว่าเป็นคนอื่น คงถูกเขาซัดออกไปนอกโลกนานแล้ว! แต่นี่คือนาง…

เอาเถอะ!

“หนึ่งชั่วยามครึ่ง” น้ำเสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์เย็นชา “น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

ก็ได้ หนึ่งชั่วยามครึ่งก็หนึ่งชั่วยามครึ่ง ลดลงไปสักเค่อหนึ่งก็ถือว่าดีมากแล้ว นับประสาอะไรกับลดลงหนึ่งชั่วโมงเล่า?

กู้ซีจิ่วเห็นว่าดีก็รับไว้ ไม่พูดมากอีก

พวกมู่เฟิงฟังแล้วรู้สึกงุนงง มองหน้ากันเหลอหลา

นี่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กับแม่นางกู้เล่นทายปริศนาอะไรอยู่? หนึ่งวันครึ่งวัน หนึ่งชั่วยามสองชั่วยามอันใดกัน?

สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างองค์ชายหนุ่มผู้นั้น หนังศีรษะขององค์ชายหนุ่มผู้นั้นชาหนึบขึ้นมาในทันใด ไม่มีท่าทียโสโอหังเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว โขกศีรษะไปทางกู้ซีจิ่ว “ทูตสวรรค์กู้…”

สุ้มเสียงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน คิดจะขอให้กู้ซีจิ่วปล่อยเขาไปสักครั้ง

สตรีมักจะใจอ่อน สตรีมักจะผมยาววิสัยทัศน์สั้น สตรีสมควรจะอยู่ในบ้านทำงานบ้านงานเรือปรนนิบัติรับใช้บุรุษ…

นี่เป็นทัศนคติแต่ไหนแต่ไรมาขององค์ชายหนุ่มผู้นี้ ดังนั้นตอนนี้เขาคิดจะอาศัยความใจอ่อนของกู้ซีจิ่ว โขกศีรษะไปด้วย มองนางอย่างน่าสงสารเพื่อขอร้องอ้อนวอน

กู้ซีจิ่วมองเขาโขกศีรษะโดยไม่พูดอะไร…

————————————————————————-