ความชั่วร้ายในรอยยิ้มของชูฮันเปล่งประกายผ่านนัยน์ตาและเมื่อเห็นสายตาที่ไม่สามารถเข้าใจได้ของซางจิ่วตี้ ชูฮันก็อธิบายออกมา “สาเหตุหนึ่งก็เพราะมันเป็นมารยาทและอีกอย่างก็คือเพื่อเป็นการส่งสาส์นของฉันไปให้ตวนเจียงเหว่ย เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เดินทางมาด้วยเฮลิปคอปเตอร์ การเดินทางมันไม่นานมากหรอก”

 

ซางจิ่วตี้มีท่าทีอึดอัด หากเธอก็พยักหน้าตามอย่างตะกุกตะกัก

 

ติงซือเย้าอึ้งและมองชูฮัน “ท่านจะสั่งให้ผมลุยเดี่ยวสู้กับฝูงซอมบี้ผมก็พร้อมทำตามเสมอ แต่เรื่องการทูต? ผมไม่มีความสามารถทางด้านนี้เลย!”

 

ชูฮันยิ้มและพูด “ไม่ นายทำได้”

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ติงซือเย้าที่ยังงุนงงอยู่ถือจดหมายที่ชูฮันต้องการส่งให้ตวนเจียงเหว่ยไว้ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ชูฮันก็ยังไม่อธิบายสาเหตุให้เขาฟัง หรือบอกว่าตวนเจียงเหว่ยรู้เรื่องอยู่แล้วหรือไม่ เขาจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อปฏิกิริยาของตวนเจียงเหว่ยหลังจากที่เขาส่งสาส์นที่ชูฮันส่งมาให้

 

สำหรับเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายที่ถูกชูฮันส่งไปค่ายตวนนั้น ชูฮันพึ่งจะหาข้ออ้างมาเพื่อบ่ายเบี่ยงให้ซางจิ่วตี้และติงซือเย้าเชื่อได้อย่างสดๆร้อนๆ เพราะอีกฝ่ายส่งของขวัญมาให้เขา แต่สิ่งล่อใจที่ฝ่ายนั้นส่งมานั้นสะเพร่าเหลือเกิน

 

หลังจากเฮลิคอปเตอร์สิบลำจากไป ชูฮันก็จัดการให้ทุกคนเก็บของตวนเจียงเหว่ยมอบให้เป็นของขวัญเข้าในโกดัง อีกฝ่ายมีน้ำใจอย่างมาก เสบียงสำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่เต็มสิบลำนั้นมีค่ามหาศาล สมกับเป็นค่ายขนาดใหญ่!

หลังจากนั้นชูฮันจำต้องกล้ำกลืนตัวเองให้อยู่ในห้องทำงานท่ามกลางเอกสารเป็นกองภูเขาที่กำลังรอลายเซ็นต์อนุมัติจากเขาอยู่ ประกอบกับการที่เขาเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ ดังนั้นเอกสารแทบทุกฉบับจึงถูกเขาตรวจทานอย่างระเอียดและแก้ไข จึงทำให้ชูฮันยุ่งตลอดคืนโดยไม่ได้พัก ซางจิ่วตี้ที่อยู่ใกล้ได้แต่มองชูฮันอย่างชื่นชม เอกสารและปัญหามากมายที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ชูฮันกลับจัดการมันได้อย่างง่ายดาย

 

ผู้ชายคนนี้ที่เธอสาบานว่าจะติดตามเขาไปชั่วชีวิต!

 

เมื่อมองไปที่ชูฮันที่เข้าสู่โหมดบ้างาน สายตาของชูฮันที่กำลังกวาดผ่านรายงานอย่างละเอียดอยู่ จู่ๆชูฮันก็เอนหลังผิงกำแพงและกระแอมคอ “ฉันว่ามันดึกมากแล้ว เธอน่าจะไปพัก?”

 

“โอ้!” ซางจิ่วตี้ตกใจ เธอรีบตอบ “ขอบคุณที่ช่วยแก้ปัญหา คุณเองก็เหนื่อยมาตลอดทั้งวันและยังไม่ได้พักเลย คุณก็ควรไปนอนพักเหมือนกัน”

 

“แล้วเธอล่ะ?” ชูฮันถามกลับ

 

“ฉันจะดูเอกสารพวกนี้ต่อ” ชางจิ่วตี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความสงบและพลังของผู้นำที่ควรมี “ฉันจัดห้องพักแยกส่วนตัวไว้ให้คุณแล้ว ผ้าปูที่นอนผืนใหม่ น้ำร้อน ทุกอย่างน่าจะเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วค่ะ”

 

ฉันไม่ได้ถามเรื่องนี้ซะหน่อย เฮ้อ!

 

เมื่อเห็นว่าซางจิ่วตี้ไม่มีความคิดที่จะพัก ชูฮันก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงต้องอยู่ทำงานต่อไปด้วย เขายังไม่ได้ไปเจอแม่เขาเลยตั้งแต่กลับมา ดังนั้นเขาจึงต้องการนำแนวคิดของซางจิ่วตี้มาแก้ไขปัญหาท้องถิ่นให้รวดเร็วขึ้นเพราะเธอเป็นคนที่อยู่ที่นี่มาตลอด

 

ในเวลากลางคืน ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะเงียบสงบอย่างมาก นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ที่ต้องประจำการเพื่อเฝ้าระวัง มันก็จะมีเพียงแค่เสียงนอนกรนที่ดังสม่ำเสมอให้ได้ยิน ชูฮันตอนนี้ยืนอยู่คนเดียวหน้าที่พักของแม่เขา

 

มันมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่สิบคนยืนอยู่ข้างนอกที่พักเขา ซึ่งก็เป็นกลุ่มคนที่ซางจิ่วตี้ดึงมาจากติงซือเย้าเพื่อทำการคุ้มครองแม่ของชูฮันอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั้วโมง

 

ชูฮันเริ่มคลายความคิดในสมองลง เขาพยักหน้าให้ทั้งสิบคนและผลักประตูเปิด

 

สถานะของแม่เขาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะจากไปและตอนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อย่างน้อยมันก็ดูเหมือนว่ามีคนเข้ามาดูแลแม่ของเขาอยู่ทุกวัน

 

“หวังไค” ชูฮันกระซิบ “เริ่มได้”

 

หวังไคกระโดดออกมาจากกระเป๋าของชูฮัน ในมือของมันถือก้อนคริสตัลสีฟ้าใสขนาดเกือบเท่าตัวมันไว้ นี่คือรูปร่างของชิ้นส่วนระบบล่มสลายหลักจากดึงออกมาจากชิ้นส่วนเหล็กสีดำ

 

กระบวนการรวมตัวของชิ้นส่วนระบบล่มสลายเข้ากับร่างของมนุษย์นั้นรวดเร็วมาก วินาทีที่คริสตัลสีฟ้าใสแตะกับร่างของหยวนซีเย มันก็เกิดลำแสงแตกกระจายละเอียดนับไม่ถ้วนขึ้น เมื่อมองด้วยสายตาชูฮันไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ หากด้วยสัมผัสทั้งห้าของเขาเขารู้สึกได้ว่าการหายใจของแม่เขาเริ่มคล่องขึ้น เช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น

 

เพียงแต่แค่เธอยังตื่นขึ้นมาไม่ได้

 

“นี่มันดีมาก ชิ้นส่วนระบบล่มสลายชิ้นที่สามหายไปแล้ว ฮ่าฮ่า!” หวังไคได้สติหลุดไปแล้วเรียบร้อย แต่ทันทีที่มันเห็นแววตาโหดร้ายของชูฮัน มันก็รีบเปลี่ยนท่าทางและสูดลมหายใจเข้าทันที “แต่มันก็คุ้มมาก คุ้มค่าจริงๆ!”

 

“ไปกัน” ชูฮันไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากจะใช้เวลากับแม่มากกว่านี้ แต่เป็นเพราะเขาเหนื่อยล้าอย่างมากและเขาต้องการการพักผ่อน มันยังมีอะไรอีกมากรอคอยให้เขาไปจัดการต่อในวันพรุ่งนี้ ที่จริงแล้วเขาไม่สามารถอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าต่อได้นาน เขามีเวลาเหลือไม่มาก แต่มันยังมีอีกหลายอย่างที่เขาทำต้องจัดการ โดยเฉพาะเรื่องพ่อของเขาที่ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี…

 

หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนที่เงียบสงบไป เหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้รับการปฏิบัติเหมือนกับผู้คนในค่าย ไม่เพียงแต่จัดการที่พักสะดวกสบายให้แต่เหล่าชาวบ้านหลายคนในค่ายนำอาหารของตัวเองออกมาให้

 

เช้าตรู่วันถัดมา เวลา 5 นาฬิกาในยามเช้า สมาชิกทุกคนของทั้งสามทีม นักฆ่าขนนก กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าต่างมารวมตัวกันที่ฐานฝึกอบรม ทั้งสามทีมที่มีชื่อต่างกันมีสไตล์แตกต่างกัน

 

สมาชิกทั้ง 15 คนของทีมกุ้งเสือดำ ทุกคนยืนนิ่งสงบ ดั่งเช่นชื่อทีมของพวกเขา

 

สมาชิกของทีมความลับของพระเข้าเองก็มี 15 คนเช่นกันหากพวกเขาเอาแต่ยืนพูดคุย กับทีมนักฆ่าขกนกที่ยืนห่างกันสามนิ้ว

 

ชูฮันหาวด้วยความง่วงนอนขณะเดินไปที่ประตู เขาได้ยินเสียงของหลี่บี๋เฟิงที่กำลังพูดถึงสงครามกลางภูเขา และมีเสียงของสมาชิกทีมความลับของพระเจ้าอย่างหลูปิงเซ่อที่เอาแต่ถามไม่หยุด

 

“วิเศษ” ชูฮันส่ายหัวและอดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่ “ทีมลับของพระเจ้าเป็นอย่างนี้สินะ!”

 

“ท่านพลเอกชูฮันมาแล้ว!”

 

ฉันไม่รู้ว่าใครตื่นเต้น แต่แล้วมันก็เหมือนการระเบิดของภูเขาไฟ สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าต่างวิ่งพุ่งกรูเข้าใส่ชูฮัน ถ้าไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นและความหวังที่แสดงออกชัดบนใบหน้าของพวกเขาโดยไม่ต้องมีคำพูดละก็ คนที่เห็นคงนึกว่าเป็นศัตรูโจมตีเข้าใส่ชูฮัน

 

เมื่อชูฮันเห็นภาพนี้ เขาก็กระโดดขึ้นพร้อมกับง้างเท้าขึ้นข้างหนึ่ง…

 

ปัง!

 

สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าทั้ง 15 คนที่เกือบเข้าถึงตัวชูฮัน ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้แสดงความดีใจและความเคารพที่มีต่อชูฮัน พวกเขาก็ถูกฟาดล้มลงไปนอนอยู่ใต้เท้าชูฮันกันหมด และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เป็นเวลาพักใหญ่

 

“ระเบียบพัก” ชูฮันบิดคอและหลุบตามองกลุ่มคนที่นอนกองอยู่ที่พื้น สีหน้าไม่ความตื่นเต้นใดๆเลย เขาสามารถจินตนาการภาพทีมความลับของพระเจ้าไปที่ฐานของศัตรูในอนาคตได้เลย มันจะมีปัญหาอย่างไรตามมาและผลกระทบที่น่าเหลือเชื่อง

 

กลุ่มตัวป่วนที่จะปลุกปั่นปัญหา!