บทที่ 322 ต้องตัดแขนเท่านั้น

The king of War

พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น โทรศัพท์ของหยางเฉินก็ดังขึ้นในทันใด

โจวยู่ชุ่ยที่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืนสะดุ้งอย่างอดไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงสายเข้า

“คุณหยาง เรื่องที่ท่านสั่งไว้ผมจัดการเสร็จหมดแล้วครับ”

หยางเฉินกดเปิดลำโพง เสียงที่แฝงความล้าของเฉินซิงไห่ดังขึ้น “หงเหยียนตายแล้ว ตระกูลเจิ้งหมดอำนาจอย่างสิ้นเชิง เจิ้งเหม่ยเหลิงถูกขังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิงของผม ให้ผมส่งตัวผู้หญิงคนนี้ไปที่เมืองเจียงโจวมั้ยครับ?”

“ขังไปก่อน ให้เธอได้ลิ้มรสความลำบากหน่อย”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ครับ”

เฉินซิงไห่รับคำ ก่อนจะถามอย่างนอบน้อม “คุณหยางครับ มีอะไรรับสั่งอีกมั้ยครับ”

“ไม่มีแล้ว นายก็รีบไปพักผ่อนเถอะ” หยางเฉินบอก

พอได้ยินประโยคนี้ของหยางเฉิน เฉินซิงไห่รู้สึกตื่นตระหนกกับความเมตตาที่ได้รับทันที

ตลอดการสนทนา หยางเฉินคุยด้วยการเปิดลำโพง

นาทีนั้น โจวยู่ชุ่ยหวาดกลัวจนถึงขีดสุด แม้เธอจะไม่รู้ว่าคนที่โทรหาหยางเฉินเมื่อกี้คือใคร แต่ก็รู้ว่าตระกูลเจิ้งหมดอำนาจลงแล้วอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เจิ้งเหม่ยหลิงยังถูกจับตัวไปขังไว้

“ฉันจะทำยังไงดี?”

“นังแพศยาเจิ้งเหม่ยหลิงจะเปิดโปงฉันมั้ย?”

“หยางเฉินจะจัดการฉันด้วยวิธีไหน?”

ในใจของโจวยู่ชุ่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และตัวสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว

แต่ หยางเฉินไม่มองเธอเลยสักนิด ราวกับไม่รู้จริงๆว่าโจวยู่ชุ่ยแกล้งหลับมาโดยตลอด

นี่แหละผลลัพธ์ที่หยางเฉินต้องการ เขาต้องการให้โจวยู่ชุ่ยรู้ว่าจุดจบของตระกูลเจิ้งอนาถขนาดไหน

เนื่องจากฉินซีโดนวางยานอนหลับ จึงหลับไปลึกมาก ปกติเธอตื่นตั้งแต่หกโมง แต่วันนี้นอนไปจนถึงแปดโมง แถมยังตื่นเพราะหยางเฉินปลุกด้วย

“ตายจริง! ฉันหลับไปลึกขนาดนี้ได้ยังไงกัน นี่แปดโมงแล้วนะ”

ฉินซีมองเวลาแล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่งที่เตียง และพูดด้วยความขุ่นใจเล็กน้อย “ทำไมคุณไม่รีบปลุกฉันล่ะ”

หยางเฉินยิ้มบางๆ “คุณลืมแล้วหรือ? เมื่อคืนคุณเป็นคนให้ผมกลับบ้าน ผมเพิ่งมาถึงก็ปลุกคุณเลย”

ฉินซีถึงได้สติกลับมา อาจเพราะฤทธิ์ยา เธอยังรู้สึกมึนๆจะหลับอยู่ จึงคลึงขมับอย่าแรง

หยางเฉินเดินเข้าไป ยื่นสองมือออกไปวางบนหัวฉินซี “ผมช่วยนวดให้”

พูดเสร็จ สองมือของหยางเฉินก็เริ่มนวดเบาๆ

มือของเขาใหญ่มาก สิบนิ้วเรียวยาว สองมือแทบจะปิดทั้งหัวของฉินซีมิด

โจวยู่ชุ่ยที่แกล้งหลับมาตลอดแกล้งไม่ไหวอีกต่อไป เธอฉวยโอกาสที่หยางเฉินนวดให้ฉินซีออกจากห้องผู้ป่วย

ทันทีที่ออกมา เธอก็กดโทรหาเจิ้งเหม่ยหลิง

เธอต้องการดูให้มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจิ้งเหม่ยหลิงหรือไม่

แต่ที่ทำให้เธอสิ้นหวังคือ โทรไปตั้งหลายสายก็ยังปิดเครื่องอยู่เลย

“หรือว่า เหม่ยหลิงจะโดนจับตัวไปขังจริงๆ”

โจวยู่ชุ่ยนึกถึงสายที่หยางเฉินรับเมื่อเช้าแล้วหน้าซีดเผือด

โทรหาเจิ้งเหม่ยหลิงไม่ติด เธอจึงโทรหาโจวอวี้หรง

“อวี้หรง พ่อเป็นไงบ้าง?”

หลังจากโจวยู่ชุ่ยโทรติดแล้ว เธอถามหานายท่านตระกูลโจวก่อนอย่างชาญฉลาด

“ดีจังเลยพี่ใหญ่ ฉันกำลังจะติดต่อพี่ไป คิดไม่ถึงว่าพี่จะโทรหาฉันก่อน”

โจวอวี้หรงได้ยินเสียงของโจวยู่ชุ่ยแล้วดีใจมาก รีบบอก “พี่ใหญ่ เมื่อวานตอนเช้าตรู่เหม่ยหลิงโดนลักพาตัวไปจากบ้าน จนถึงตอนนี้พวกเรายังหาเธอไม่เจอเลย พี่รีบช่วยฉันหาหน่อย”

เธอไม่ได้นึกถึงโจวย่ชุ่ยเลย เพิ่งจะนึกถึงตอนที่ได้รับสายจากโจวยู่ชุ่ยนี่แหละ คราวก่อนที่งานแต่งงานตระกูลโจว คนใหญ่คนโตระดับไฮโซต้นๆมากมายขนาดนั้นมาเพราะหยางเฉิน

พอได้ยินแล้วสีหน้าโจวยู่ชุ่ยซีดยิ่งกว่าเดิม ในที่สุดเธอก็มั่นใจได้แล้วว่าเจิ้งเหม่ยหลิงโดนจับตัวไปขังไว้จริงๆด้วย

ยิ่งคิด เธอก็ยิ่งสะพรึง

“พี่ใหญ่ อย่าเงียบสิ เหม่ยหลิงเป็นหลานสาวของพี่นะ พี่จะไม่ช่วยไม่ได้”

“ลูกเขยของพี่เคยช่วยเจ้าบ้านหานแห่งเมืองเอกไว้ไม่ใช่หรือ? พี่รีบให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าบ้านหานให้หน่อย ให้ตระกูลหานใช้กำลังของตระกูลช่วยหาตัวเหม่ยหลิง”

“พอหาเหม่ยหลิงเจอแล้ว พวกเราทั้งหมดจะไปขอบคุณพี่ด้วยตัวเองที่เมืองเจียงโจว”

ปากของโจวอวี้หรงเหมือนเป็นปืนกล ไม่ให้โอกาสโจวยู่ชุ่ยได้พูดเลยสักนิด ปังปังปังพูดรัวไม่หยุด

“อวี้หรง ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ช่วยเธอ แต่เธอก็รู้ว่าพี่กับหยางเฉินเหมือนน้ำกับไฟที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาจะช่วยพี่ได้ยังไงกันเล่า”

โจวยู่ชุ่ยพยายามพูดด้วยท่าทีเรียบๆ ตอนนี้เธอมีความคิดเดียวในหัว นั่นก็คือหนี

ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป จนฉินต้าหย่งฟื้น หยางเฉินต้องเอาเธอตายแน่

“อวี้หรง ปู่ของเหม่ยหลิงเป็นประธานของเจิ้งเหอกรุ๊ปนะ ตอนนี้เหม่ยหลิงโดนจับตัวไป ตระกูลเจิ้งไม่แยแสเลยหรือ?” โจวยู่ชุ่ยหลอกถามอีก

โจวอวี้หรงสะอึกสะอื้น “พี่ใหญ่ ตอนนี้ตระกูลเจิ้งหมดสิ้นอำนาจแล้ว แม้แต่นายท่านเจิ้งตอนนี้ก็อยู่ในโรงพยาบาล เจิ้งเหอกรุ๊ปถูกสั่งปิดไปแล้ว”

“อะไรนะ?”

โจวยู่ชุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างตะลึง “ตระกูลเจิ้งใหญ่ขนาดนั้น ทำไมถึงหมดอำนาจง่ายๆแบบนั้นล่ะ? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

เธอรู้สึกขาอ่อน ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้

โจวอวี้หรงร้องไห้ไปพลางเอ่ย “พี่ใหญ่ พี่อย่าเพิ่งถามมากเลย ตระกูลเจิ้งหมดอำนาจแล้วจริงๆ ตอนนี้ยังสู้ตระกูลโจวของเราไม่ได้เลย ถ้าพี่ไม่ช่วยฉัน ก็คงไม่มีใครช่วยฉันได้แล้ว”

“พี่ใหญ่ ฉันขอร้องพี่ล่ะ พี่ช่วยไปคุยกับหยางเฉินให้หน่อย ให้เขาช่วยไปบอกเจ้าบ้านหานให้ช่วยเราหาตัวเหม่ยหลิงด้วย”

โจวอวี้หรงร้องห่มร้องไห้

โจวยู่ชุ่ยเอาตัวเองยังไม่รอดเลย จะไปหาหยางเฉินได้ยังไงกันเล่า?

“อวี้หรง เธอว่าไงนะ? หะ? พี่ไม่ได้ยินอะไรเลย ให้ตายสิ ทำไมมือถือถึงไม่มีสัญญาณแล้วนะ?”

โจวยู่ชุ่ยแกล้งเอามือถือห่างตัวแล้วพูด ก่อนจะวางสายไปเลยและปิดเครื่อง

“ฉันจะทำยังไงดี?” โจวยู่ชุ่ยสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังแล้วจริงๆ

อาการป่วยของฉินต้าหย่งดีขึ้นทุกวัน พวกผู้ชำนาญบอกไว้แล้วว่าในช่วงห้าหกวันนี้ เขาฟื้นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

โจวยู่ชุ่ยรู้สึกเสียใจเป็นครั้งแรก

เธอเสียใจที่จ้างคนอื่นไปขับรถชนฉินต้าหย่ง เสียใจที่ตัวเองไม่ปฏิบัติต่อหยางเฉินดีๆ เสียใจที่ตัวเองไม่ดูแลฉินซีดีๆ

“หยางเฉิน! เพราะแกคนเดียว แกล้งทำตัวเป็นคนจน จนฉันหลงนึกว่าแกเป็นพวกแร้นแค้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะมีวันนี้ได้ยังไงกัน”

โจวยู่ชุ่ยหน้าตาบิดเบี้ยว จู่ๆความหวาดกลัวในใจเธอก็มลายหายไป กลับถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารแรงกล้า ความอยากฆ่าหยางเฉิน

ขณะเดียวกัน เมืองเอก โรงพยาบาลประชาชน

ภายในห้องผู้ป่วยระดับสูงVIP เมิ่งฮุยนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย จ้องมองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า

ส่วนสองมือของเขาถูกพันด้วยผ้าก๊อซหนาๆ และถูกย้อมแดงด้วยเลือด

“ลูก ลูกอย่าเป็นแบบนี้สิ พูดอะไรหน่อยสิ”

“ต่อให้ไม่มีผู้ชำนาญอ้ายอะไรนั่น พ่อก็ต้องไปตามหาหมอเทวดาที่รักษามือของแกจนเจอให้ได้”

“มีพ่ออยู่ มือของแกไม่เป็นอะไรแน่นอน”

เมิ่งเทียนเจียวมองเมิ่งฮุยที่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว ทุกข์ใจเหลือเกิน

ตั้งแต่ที่ชิงตัวอ้ายหลินไม่สำเร็จคราวก่อน เมิ่งฮุยก็อยู่ในสภาพนี้มาตลอด เอาแต่มองเพดานอย่างเลื่อนลอยทั้งวัน ไม่พูดอะไรสักคำ

ส่วนหมอที่โรงพยาบาลก็มาหาเมิ่งเทียนเจียวหลายรอบแล้ว และบอกอย่างชัดเจนว่ามือของเมิ่งฮุยรักษาไว้ไม่ได้ ต้องตัดแขนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหากติดเชื้อเข้า อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้

ส่วนเมิ่งเทียนเจียว หลายวันมานี้ตามหาหมอเทวดาไปทั่ว กลับหาที่รักษามือของเมิ่งฮุยให้หายไม่ได้

“ประธานเมิ่ง มือของคุณชายเมิ่งเกิดอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงแล้ว ระบบประสาทส่วนใหญ่เสียไปหมดแล้ว ท่านต้องตัดสินใจแล้วครับ”

หัวหน้าแพทย์ที่ทำการรักษาเมิ่งฮุยพูดด้วยสีหน้าหนักใจ หลังจากตรวจดูมือของเมิ่งฮุยแล้ว “ตอนนี้ มีแต่ต้องตัดแขนเท่านั้น ถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้!”