ตอนที่ 332 นับจากวันนี้ไปข้าจะไม่เสียดายเซียวเหยี่ยนแล้ว / ตอนที่ 333 เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 332 นับจากวันนี้ไปข้าจะไม่เสียดายเซียวเหยี่ยนแล้ว

 

 

“ได้ ข้าจะทำตามความปรารถนาของท่าน เซียวเหยี่ยน ข้าจะไม่ยุ่งกับท่านแล้ว ต่อไปท่านก็อย่ามาหาข้าอีก อยู่กับเฟิงอิ๋นของท่านไปให้ดีๆ ขอให้รักกันจนแก่เฒ่า ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยรู้จักท่าน เซียวเหยี่ยน ต่อไปคงไม่พบกันอีก”

 

 

ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ผลักประตูออกจากห้อง

 

 

ชิวเยี่ยที่อยู่ตรงประตูเห็นหลิงอวี้จื้อออกมากระทันหัน ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

 

 

“ผู้คุมกฎ เหตุใดท่านถึงออกมาแล้วเจ้าคะ”

 

 

“ข้ากับท่านหลานเขยทะเลาะกันเล็กน้อย ข้าอยากสงบสติอารมณ์คนเดียว ชิวเยี่ย เจ้าไม่ต้องตามมาแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อยังคงใช้เสียงของเฟิงอิ๋น ขอบตาเธอค่อนข้างแดง แต่เสียงของเธอนิ่งสงบอย่างน่าประหลาดใจ พูดจบก็ชี้ไปที่มั่วชิงที่เฝ้าอยู่ข้างๆ

 

 

“เจ้าตามข้ามา”

 

 

พูดจบก็เดินก้าวเท้ายาวๆ จากไป มั่วชิงเห็นว่าผิดปกติ จึงรีบตามไปทันที เพียงแต่คราวนี้ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก

 

 

ชิวเยี่ยได้แต่รู้สึกว่าแปลกมาก ตั้งแต่เฟิงอิ๋นพาเซียวเหยี่ยนกลับมาด้วย นอกจากสองวันแรกที่เซียวเหยี่ยนค่อนข้างจะเย็นชาแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็สามัคคีกลมเกลียวกันมาตลอด เหตุใดจึงมาทะเลาะกันในคืนวันแต่งงาน

 

 

นางอยู่ข้างกายเฟิงอิ๋นมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นเฟิงอิ๋นร้องไห้มาก่อน ดังนั้นนางจึงรู้สึกได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

 

 

ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เฝ้าหน้าประตูไปตามระเบียบ

 

 

เรือนของเฟิงอิ๋นใหญ่มาก หลิงอวี้จื้อพามั่วชิงสุ่มเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง มู่หรงนี่อวิ๋นถือไม้กวาดแอบสังเกตการเคลื่อนไหวทางนั้นอยู่ตลอด เห็นมั่วชิง ก็แอบตามไปเงียบๆ ทันที พวกนางเพิ่งจะเข้าไปในห้อง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ตามเข้าไป

 

 

เห็นหลิงอวี้จื้อตาแดงๆ มู่หรงนี่อวิ๋นก็ปวดใจขึ้นมาทันที

 

 

“อวี้จื้อ เจ้าเป็นอะไรไป”

 

 

“ข้าใส่หน้ากากอยู่ เจ้ายังรู้ว่าเป็นข้าหรือ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นกรอกตาใส่หลิงอวี้จื้อ

 

 

“นางมารร้ายเฟิงอิ๋นร้องไห้เป็นด้วยหรือ เจ้าดูถูกระดับความเข้าอกเข้าใจที่ข้ามีต่อเจ้าเกินไปแล้ว เซียวเหยี่ยนรังแกเจ้าหรือ”

 

 

“อย่าพูดถึงคนเลวนั่นเลย เขาสูญเสียความทรงจำเสียที่ไหน เฟิงอิ๋นเปลี่ยนสมองเขาไปแล้วแน่นอน เขารู้สถานะของตนเองอยู่ทนโท่ นึกไม่ถึงว่าจะบอกว่าอยากอยู่กับเฟิงอิ๋นที่นี่ไปตลอดชีวิต

 

 

เขาอยากอยู่ ก็ให้เขาอยู่ พวกเรารีบไปเถิด นับจากวันนี้ไปใครก็อย่าพูดถึงเซียวเหยี่ยนต่อหน้าข้าอีก คู่หมั้นข้าได้ตายไปแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อโกรธจัด สิ่งที่พูดออกมาก็ไม่น่าฟัง

 

 

มั่วชิงกับมู่หรงนี่อวิ๋นมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่ามั่วชิงไม่เชื่อว่าเซียวเหยี่ยนจะพูดเช่นนั้น ยังคงเข้าข้างเจ้านายของตนเอง

 

 

“คุณหนู มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรือไม่เจ้าคะ”

 

 

“ข้าไม่ได้หูหนวก เขาพูดชัดเจนแจ่มแจ้ง”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ชี้คอตนเอง

 

 

“เห็นหรือยัง ข้าใช้ความตายขู่เขา เขาไม่ชายตามองสักนิด ข้า… อย่าพูดถึงเลย ข้าถอยแล้ว ข้าไม่รู้จักเขาแล้ว”

 

 

เห็นคอหลิงอวี้จื้อมีรอยเลือด มู่หรงนี่อวิ๋นก็พุ่งเข้ามา

 

 

“เจ้านี่โง่จริง แทงคอตนเองจริงๆ ด้วย ถ้าลึกอีกหน่อย เจ้าคง…”

 

 

“คอข้าเองข้ารู้ ข้าไม่ได้คิดจะตายที่นี่จริงๆ หรอก”

 

 

“นึกไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะทำกับเจ้าเช่นนี้ ข้าจะไปคิดบัญชีเขา”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจบก็จะออกไปหาเซียวเหยี่ยน หลิงอวี้จื้อดึงมือมู่หรงนี่อวิ๋นไว้

 

 

“เจ้าอย่าบุ่มบ่าม แผลนี้ข้าทำเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตอนนี้พวกเราหาวิธีออกจากที่นี่เถิด”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกคับข้องใจทันใด กระทั่งเวลานี้แล้ว หลิงอวี้จื้อยังคงปกป้องเซียวเหยี่ยน พอได้ยินว่าเขาจะไปหาเซียวเหยี่ยน ก็หยุดเขาทันที เหมือนเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง

 

 

“คุณหนู ท่านตัดสินใจแล้วหรือ”

 

 

“เขาอยากอยู่กับเฟิงอิ๋นจนแก่เฒ่าแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร รอให้เขามาดูแคลนข้าหรือ ข้าเองก็ใช่ว่าจะขายไม่ออก นับจากวันนี้ไปข้าจะไม่เสียดายเซียวเหยี่ยนแล้ว”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 333 เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจาปากแข็ง แต่ดวงตายังมีน้ำตารื้น เธอรักเซียวเหยี่ยนจริงๆ และรักมากด้วย ความรักครั้งหนึ่ง แค่บอกว่าจะเลิกก็เลิกได้อย่างไร คำพูดเหล่านั้นก็แค่พูดให้ตนเองฟังเท่านั้น

 

 

“พวกเราต้องหาวิธีออกจากที่นี่ ชุนเหนียงบอกว่าจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยจริงหรือไม่ ถ้านางจะตัดรากถอนโคนให้หมด เช่นนั้นพวกเราคงตายแน่ๆ บนเขาอวิ๋นเฟิงนี้ล้วนเป็นค่ายกล ไม่มีคนในคอยช่วย พวกเราไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว ข้าจะไปหาชุนเหนียง”

 

 

ตอนนี้คนที่พอช่วยเธอได้ก็มีแต่ชุนเหนียงแล้ว ไม่ว่าชุนเหนียงจะมีแผนอื่นหรือไม่ เธอก็ต้องลองดู

 

 

เธอเพิ่งจะออกจากห้องไปก็เห็นเซียนเอ๋อร์มองไปรอบทิศ ดูเหมือนกำลังหาใคร เธอรีบเข้าไปเรียกเซียนเอ๋อร์ พอเห็นหลิงอวี้จื้อ เซียนเอ๋อร์ก็กดเสียงต่ำ พูดเบาๆ ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ

 

 

“ชุนเหนียงให้ข้ามาพาพวกเจ้าออกไป พวกเจ้าตามข้ามา”

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเรามีกันสองสามคน”

 

 

“เจ้าไม่ต้องถามมาก อยากหนีไปก็ตามข้ามา นี่เป็นเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้เจ้า รีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า”

 

 

เซียนเอ๋อร์พูดจบก็ยื่นห่อผ้าให้หลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อรับห่อผ้ามา กลับไปที่ห้อง เปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้ด้วยความเร็วสูงสุด ถอดหน้ากากหน้าคนออกแล้ว หลิงอวี้จื้อผู้โกรธจัดก็เหยียบย่ำหน้ากากนั้นสองที

 

 

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พวกเขาสามคนก็ตามหลังเซียนเอ๋อร์ไป

 

 

เซียนเอ๋อร์เป็นคนของชุนเหนียง ทุกคนในสำนักอู๋จี๋ต่างรู้จัก ดังนั้นจึงไม่มีใครมาหยุดยั้งเซียนเอ๋อร์ สองสามคนนี้ต่างเดินโฉบไปมาในสำนักอู๋จี๋อย่างราบรื่น พวกเขาสามคนก้มหน้าตลอด กลัวว่าจะไปดึงดูดความสนใจของผู้อื่น

 

 

ตอนนี้เองที่พบเจอคนอีกสองสามคน เซียนเอ๋อร์ที่นำทางอยู่ข้างหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม เรียกคำหนึ่ง

 

 

“ทำความเคารพผู้คุมกฎเสวี่ยเจ้าค่ะ”

 

 

“เซียนเอ๋อร์ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ”

 

 

“บ่าวรับคำสั่งชุนเหนียงจัดการธุระเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ ผู้คุมกฎเสวี่ยไม่ได้กลับมาสักพักแล้วนะเจ้าคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มู่หรงนี่อวิ๋นมีปฏิกิริยามากที่สุด เงยหน้าขึ้นมาดูผู้คุมกฎเสวี่ยที่อยู่ต่อหน้าทันใด

 

 

สายตานี้ปะทะกับผู้คุมกฎเสวี่ยพอดี มู่หรงนี่อวิ๋นตะลึงจนพูดไม่ออก นี่เป็นไปได้อย่างไร พี่รองของเขากลายเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋ไปได้อย่างไร บ้าบอคอแตก ไร้สาระสิ้นดี

 

 

หลิงอวี้จื้อแอบเหลือบมอง และเห็นมู่หรงกวานเสวี่ยด้วย เธอแอบดึงมุมเสื้อของมู่หรงนี่อวิ๋น ไม่อยากให้มู่หรงนี่อวิ๋นแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น

 

 

ในใจเธอก็ตกตะลึงไปไม่น้อยกว่ามู่หรงนี่อวิ๋น เมื่อก่อนเธอสงสัยว่ามู่หรงกวานเย่ว์มีอะไรเกี่ยวจ้องกับสำนักอู๋จี๋ แต่นึกไม่ถึงว่าตัวกลางความสัมพันธ์จะเป็นมู่หรงกวานเสวี่ย มิน่านางถึงใช้พิษเป็น ที่แท้ก็เป็นคนของสำนักอู๋จี๋

 

 

เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดจุกจิกเรื่องนี้ ได้แต่หวังว่ามู่หรงกวานเสวี่ยพอจะเห็นแก่น้องชายแท้ๆ ของตนเอง แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ดีกว่าทำให้น้องชายแท้ๆ ตกที่นั่งลำบาก

 

 

เห็นได้ชัดว่า เธอคิดผิดแล้ว

 

 

มู่หรงกวานเสวี่ยเดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ น้ำเสียงเย็นชา

 

 

“เงยหน้าซิ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้ว่าตนเองหลบไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เงยหน้าขึ้นอย่างเสียมิได้ สองสายตาประสานกัน มู่หรงกวานเสวี่ยแค่นยิ้มเย็นชาออกมา

 

 

“นึกไม่ถึงว่าจะเจอเจ้าที่นี่”

 

 

“เจียงฮูหยิน บังเอิญจริง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่ที่สำนักอู๋จี๋”

 

 

“เซียนเอ๋อร์ คนผู้นี้คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนท่านมหาเสนาบดี บัดนี้มาเยี่ยมสำนักอู๋จี๋ด้วยตนเอง เหตุใดถึงพาออกไปเงียบๆ เล่า ต้องพาไปพบเจ้าสำนักให้ดีๆ สิ เจ้าว่าใช่หรือไม่”

 

 

เซียนเอ๋อร์รู้ว่าพวกเขามีสถานะเช่นนี้เสียที่ไหน ตกใจจนแทบจะคุกเข่ากับพื้น

 

 

“บ่าวไม่ทราบสถานะของพวกเขา นึกว่าเป็นสาวใช้ธรรมดา ถึงได้พาออกไปทำธุระเจ้าค่ะ”