207 (1) เกาะเซียนทะเลบูรพา

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

“นั่นคือ…”

ซูฉินแตะปลายคาง แววตาครุ่นคิด

ในชั่วพริบตา ซูฉันรู้สึกได้รางๆ ถึงบางสิ่งมาจากทางทะเลทิศบูรพาไอพลังอันเก่าแก่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น

ไอพลังนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล แต่หาใช่สิ่งมีชีวิตไม่หากไม่ใช่เพราะวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดที่สามารถตรวจจับไอพลังปราณได้ทั่วทุกพื้นที่ ควบคู่ไปกับการเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะเกรงว่าคงจะไม่ทันสังเกตเห็นไอพลังนี้

“มันเกี่ยวข้องกับการที่ปราณฉีฟื้นคืนหรือเปล่านะ?”

ใบหน้าของซูฉินครุ่นคิด

ก่อนที่ไอพลังอันเก่าแก่จากทะเลบูรพาจะปรากฏขึ้นกระแสปราณฉีระหว่างฟ้าดินได้พุ่งสูงขึ้นอีกระลอก

ซูฉินคาดเดาว่าเป็นเพราะกระแสพลังที่พุ่งสูงขึ้นทําให้ไอพลังนี้ปรากฏขึ้นตามมา

“น่าสนใจ”

“ดูเหมือนข้าจะต้องไปที่ทะเลบูรพาสักหน่อยแล้ว”

ความคิดของซูฉินผันผวน ใคร่ครวญอยู่ในใจเงียบๆ

ในระดับของซุฉิน นอกจากการข้ามผ่านคอขวดของขอบเขตอรหันต์แล้ว สิ่งอื่นที่พึงกระทําคือการหาสถานที่ลงชื่อเข้าใช้ที่มี “เต๋สะสม”เพียงพอ

และไอพลังจากทะเลบูรพานั้นเก่าแก่โบราณยิ่งหากซูฉินหามันพบจะต้องลงชื่อเข้าใช้ ได้รับของมาอีกมากแน่นอน

เป็นไปได้ว่าอาจจะช่วยซูฉินให้ฝ่าคอขวดขึ้นไปถึงขอบเขตยอดอรหันต์ได้

“ทะเลบูรพา……

ซูฉินกระซิบคํากับตนเอง

ทะเลบูรพาไม่ใช่ต่างดินแดน แต่เป็นพื้นที่ทะเลขนาดใหญ่ใกล้กับทิศตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่โบราณกาลมามีตํานานมากมายเล่าขานเกี่ยวกับทะเลบูรพา เช่น วังมังกรแห่งทะเลบูรพาหรือเซียนแห่งทะเลบูรพา

ซูฉินยิ้มเยาะสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่เรียกว่าเซียนอมตะในสายตาของซูฉินก็เป็นเพียงจอมยุทธผู้ทรงพลังเท่านั้น

สําหรับปุถุชนไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธขอบเขตเซียนเทพปฐพี และเซียนอมตะแท้จริงแล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งเหล่านี้เล่าพวกเขาจะรู้หรือไม่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็ก้าวเท้าหายไปจากโถงพระราชวังใต้ดินอันสูงสง่าและปรากฏตัวขึ้นเหนือน่านฟ้ากว่าพันเมตรมองเห็นเมืองฉางอันทั้งเมือง

ในเวลานี้ เมืองฉางอันมีหร่วนชิงและเหยียนไฟที่เป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สามคอยเฝ้าอยู่เป็นตัวตนที่สูงส่งอย่างยิ่งแม้จะต้องเจอศัตรูตัวฉกาจแต่ก็สามารถรั้งเอาไว้ ได้ชั่วขณะหนึ่งเพียงพอสําหรับซูฉินที่จะเร่งรุดกลับมา

ในเวลาต่อมา

“พุ่งไป”

ซูฉินแหวกอากาศพุ่งไปยังทะเลบูรพา

หากเป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หนึ่งหรือชั้นที่สองการเหาะเหินเดินอากาศในระยะยาวอาจจะกินพลังงาน มากเกินไปแต่สําหรับนภาชั้นที่เจ็ดที่สามารถควบแน่น อาณาเขตได้แล้วอย่างซูฉินการโบยบินบนท้องฟ้าไม่ต่างไป จากความสามารถพื้นฐาน

ง่ายดายราวกับกินดื่มหรือเดินเล่น

ไม่นานนัก

ยังไม่ทันจะถึงหนึ่งชั่วโมง

ซูฉินก็มาถึงทะเลบูรพา

นี่ซูฉินจงใจลดความเร็วลงหน่อยแล้ว มิฉะนั้นคงมาถึงเร็วกว่านี้

“นี่คือทะเลบูรพา…”

ซูฉินกระซิบกับตนเองขณะมองไปยังผืนทะเลอัน กว้างใหญ่

คัมภีร์โบราณบันทึกเกี่ยวกับตํานานในทะเลบูรพาเอาไว้ไม่เพียงแต่มีวังมังกรแห่งทะเลบูรพาเท่านั้น แต่ยังมีสิบทวีปและสามเกาะซึ่งเซียนอมตะได้อาศัยอยู่ไม่รู้ว่าสมัยก่อนมียอดจักรพรรดิมากมายเพียงใดที่ส่งผู้คนออกไปยังท้องทะเลยามที่ตนแก่ชรา เพื่อตามหาเซียนอมตะพยายามจะค้น หาวิธีต่อชีวิตอีกครั้ง

น่าเสียดายที่ไม่มีจักรพรรดิพระองค์ใดบรรลุความปรารถนานี้ได้

ดูเหมือนว่าสิบทวีปและสามเกาะ จะมีอยู่จริงเพียงในตํานานเท่านั้น

“ถ้าสิบทวีปและสามเกาะมีอยู่จริง มันคงจะเป็นดินแดนของผู้ฝึกยุทธขอบเขตตํานานยุทธหรือแม้กระทั่งเซียนเทพปฐพีแน่นอนว่าที่นั้นจะต้องถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกล ฟ้าดินจํานวนมากคนธรรมดาต่อให้ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวัน หาพบ”

ซูฉินเดินไปบนทะเลบูรพา ในใจก็ใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว

“นั่นแหละปัญหา…”

ซุฉินรู้สึกว่ามันค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว

หากไอพลังที่เขารู้สึกนั้นมาจากสิบทวีปและอีกสามเกาะตามตํานานเล่าขานจริงๆ มันคงจะรายล้อมไปด้วยค่ายกล ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาลและคงเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาพบจากการใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว

“จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ใช้ไม่ได้ งั้นก็ต้องใช้อาณาเขต

ซูฉินตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิธีการ

ค่ายกลฟ้าดินนั้นสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้แต่เมื่ออยู่ภายใต้พื้นที่ของอาณาเขตย่อมไม่มีอะไรให้หลบซ่อนอีก

อาณาเขตคือสิ่งใด?

ภายในอาณาเขต ซูฉินเป็นนายเหนือหัวแต่เพียงผู้เดียวสามารถควบคุมทุกสิ่งจะมีอะไรซ่อนตัวจากเขาได้?

“แต่ทว่า หากต้องการจะค้นหาด้วยอาณาเขตจริงๆ คง จะครอบคลุมรัศมีแค่ร้อยจ้างเท่านั้นไม่ได้…”

อาณาเขตในรัศมีร้อยจ้างเป็นระยะที่แข็งแกร่งที่สุดของซูฉินภายในระยะนี้ซูฉินสามารถจัดการกับความสามารถในการควบคุมฟ้าดินของเหล่าตํานานยุทธได้อย่างง่าย ดาย กดระดับพวกเขาให้ต่ําลงไปจนไม่ต่างจากขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น

แต่เมื่อเพิ่มระยะอาณาเขตออกไป ความสามารถในการควบคุมของซูฉินจะลดลงไปเรื่อยๆ

ตัวอย่างเช่น ในอาณาเขตรัศมีร้อยจ้าง ซูฉินสามารถตัดการใช้พลังฟ้าดินของตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หกได้ในความคิดเดียวแต่จะเป็นเรื่องที่ยากมากหากขยายอาณา เขตออกไปเป็นพันจ้าง

แน่นอนว่าซูฉินกําลังจะตรวจสอบพื้นที่เท่านั้นในตอนนี้ไม่ใช่เพื่อกําจัดศัตรูไม่จําเป็นจะต้องควบคุมอาณาเขตมากขนาดนั้น

“งั้นก็ขยายระยะให้กว้างขึ้น”

เพียงซูฉันคิด อาณาเขตรัศมีร้อยจ้างก็แพร่ขยายออกไป

หากเขายังคงค้นหาด้วยอาณาเขตระยะร้อยจ้างต่อไปท่ามกลางน่านน้ําอันกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลบูรพาเกรงว่าคงเป็นปีกว่าจะพบ

อาณาเขตระยะร้อยจ้างเป็นระยะที่ซูฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้ซูฉินสามารถรับรู้ทุกสิ่งได้อย่างดีเยี่ยม

“ตอนนี้ก็ทําได้เพียงแค่รอ”

ซูฉินพบเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง จึงตัดต้นไม้แก่สองสามต้นมาสร้างแพเขานั่งแพล่องลอยไปตามทะเล

พระอาทิตย์สาดแสงมา สําหรับคนทั่วไปอาจจะรู้สึกได้ว่าร้อนเหลือทนแต่เมื่อแสงส่องกระทบร่างของซูฉินมันก็ทําให้เขารู้สึกเพียงอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น

แพลอยเอื่อยเฉื่อย และอาณาเขตก็ขยายระยะออกไปใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเพียงไม่กี่วันก็กวาดไปถึงครึ่งหนึ่งของทะเลบูรพา

ในช่วงสองสามวันมานี้ ซูฉินไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้เลยโอกาสในการลงชื่อเข้าใช้รายวันจึงถูกใช้ไปโดยร่างจําแลงภายในโลกถ้ําปีศาจ

“ด้วยความเร็วขนาดนี้ น่าจะสามารถกวาดไปทั่วทะเลบูรพาทั้งหมดได้ในเวลาไม่เกินสองวัน”

ซูฉินนอนอยู่บนแพ ล่องลอยไปตามกระแสน้ําครุ่นคิดไปมาอย่างช้าๆ

ไม่กี่วันมานี้ เขาไม่ได้ฝึกฝน ไม่ได้ปิดด่านฝึกตนได้แต่นอนบนแพล่องไปมองดูฟ้าดูทะเลที่กว้างไกลไร้ที่สิ้นสุดอึดอัดดีเหมือนกัน

ในช่วงเวลานี้ เขาได้พบสัตว์ทะเลบางตัวที่หมายตาตัวเขาไว้แต่จิตสังหารที่ส่งผ่านไอพลังออกไปทําให้พวกมันตื่นกลัวและหนีห่างไปจากซูฉินทันที

เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์มนุษย์สัตว์เหล่านี้ไวต่ออันตรายมากกว่า

“กระแสพลังกําลังฟื้นคืนขั้นรุนแรงแม้กระทั่งสัตว์ทะเลเหล่านี้ก็เริ่มเกิดปัญญาขึ้นมาแล้ว”

ยามที่จ้องมองไปยังน้ําทะเลสีฟ้าซูฉินก็คิดอยู่ภายในใจ

“การฟื้นคืนของกระแสปราณฉีเป็นโอกาสที่ดีสําหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์แต่ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นคืนของกระแสปราณฉีนี้ ”

มุมมองของซูฉินนั้นกว้างไกล

ตามการคาดเดาของเขาในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้เมื่อกระแสพลังฟื้นคืนจะมีสัตว์ร้ายผุดขึ้นตามรายทางฝึกฝนบ่มเพาะกลายเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรตามที่มีในตํานานอย่างแน่นอน

“ดูเหมือนตํานานเล่าขานจะไม่ใช่เรื่องแต่งเติมไปเสียทั้งหมด……..”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

กลุ่มสัตว์อสูรถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณหลายเล่มแต่ซูฉินกลับไม่เคยพบสัตว์อสูรใดๆเลยหลังจากที่เขากลายเป็นอรหันต์มาหลายปี

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ซูฉินไม่เห็นนั้นไม่ใช่เพราะไม่มีอยู่จริงแต่เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออํานวย

และตอนนี้ ด้วยการฟื้นฟูของกระแสปราณฉีสภาพแวดล้อมภายในโลกมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นการกําเนิดของเหล่าสัตว์อสูรคงใช้เวลาอีกไม่นาน

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดเรื่องเหล่านี้อยู่นั้น

เรือประมงก็แล่นเข้ามาหาอย่างช้าๆ

บนเรือประมงมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ ผิวออกคล้ําเล็กน้อยและพอมองเห็นได้ว่างดงามไม่น้อย

“พี่ชาย”

“ขึ้นมาเถอะ เราจะพาเจ้ากลับไปเอง”

หญิงสาวโบกมือ ตะโกนมาทางซูฉิน

ในมุมของหญิงสาว ซูฉินน่าจะเป็นชาวประมงบนเรือสินค้าสักลําแต่เมื่อออกทะเลไปอาจพบอุบัติเหตุทําให้เรืออับปาง ขาจึงต้องต่อแพขึ้นมาพยายามหาทางกลับเข้า ฝั่งด้วยแพนี้

ดังนั้นหญิงสาวจึงเสนอให้ซูฉินขึ้นเรือมากับพวกตน

ทะเลนั้นเต็มไปด้วยอันตราย แม้แต่เรือประมงขนาดใหญ่เท่ากับของนางก็ยังจมอยู่ก้นทะเลได้ นับประสาอะไรก็แพที่ซูฉินเหยียบอยู่?

เกรงว่าคลื่นซัดมา แพก็คงจมหายไปแล้ว

และถ้าไม่มีแพ แม้ว่าซูฉินจะไม่จมลงไปในน้ําแต่ไม่ช้าก็เร็วคงต้องตกลงไปอยู่ในท้องของสัตว์ทะเลสักตัว

“ไม่เป็นไร”

ซูฉินโบกมือ ไม่ได้พูดอะไรมาก

“ไม่เป็นไร?” หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

“อาตั๋ว ในเมื่อเขาต้องการอยู่เป็นอาหารสัตว์ทะเลพวกเราก็ปล่อยเขาไปเถอะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเหลือบมองมาทางซูฉินจากบนเรือแล้วจึงกล่าวคํา