บทที่ 371 ข่าวดี
หลังจากกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ จบ โชโคลาก็สวมเสื้อคลุมเวทมนตร์สีเทาออกดำให้กับลูเซียนพลางเอ่ยว่า “การสำรวจหาความลับแห่งชีวิตจะนำพาเราไปสู่ความเป็นอมตะที่แท้จริง”

ลูเซียนประทับสัญลักษณ์ดวงจิตของเขาไว้บนเสื้อคลุมเวทมนตร์ตามที่บอก จึงได้รับข้อมูลมาว่า

‘น้ำพุแห่งชีวิต อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเจ็ดขั้นสมบูรณ์แบบ (ผนึกหนึ่งชั้น) นักเวทที่พลังจิตถึงระดับสูงจะปลดผนึกได้และเสื้อคลุมเวทมนตร์ก็จะแสดงพลังได้อย่างเต็มที่’

‘เมื่อสวมเสื้อคลุมเวทมนตร์ ผู้สวมจะปลุกเหล่าซากศพภายในสองกิโลเมตรขึ้นมาได้ (ยกเว้นพวกที่เหนือกว่าระดับสูง) และสั่งให้พวกมันต่อสู้แทนผู้สวมได้ เมื่อสวมเสื้อคลุมตัวนี้ ผู้สวมจะได้รับความสามารถในการแปลงกาย หากไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้แต่นักเวทระดับสูงและผู้วิเศษก็ไม่สามารถสังเกตเห็น เมื่อสวมเสื้อคลุมตัวนี้ หากผู้สวมตาย ดวงจิตจะได้รับการปกป้องจากเสื้อคลุม และเมื่อใดที่คนอื่นพยายามจะครอบครองเสื้อคลุมตัวนี้ด้วยการควบคุมแก่นพลัง เสื้อคลุมจะแลกเปลี่ยนสองดวงจิต ผู้สวมก็ได้จะได้ร่างใหม่’

‘เสื้อคลุมจะมอบพลังเวทป้องกันเทียบเท่านักเวทระดับห้าและอัศวินระดับสามให้แก่ผู้สวม พลังอันยิ่งใหญ่แห่งความตายจะทำให้ผู้สวมเรียกใช้ “เวทกักวิญญาณ” เวทมนตร์ระดับห้าได้สามครั้งต่อวัน “สวมรอยวิญญาณ” สามครั้งต่อวัน และ “ลำแสงตัดกำลัง” เวทมนตร์ระดับเจ็ด สามครั้งต่อวัน ขณะยังปิดผนึก ก่อนที่ผู้สวมจะถึงระดับหก จะสามารถเค้นพลังเรียกใช้เวทมนตร์ระดับเจ็ดได้หนึ่งครั้งโดยแลกกับการสูญเสียพลังจิตและทำให้พลังชีวิตเสียหาย’

‘ตุลาคม ปี 819 แด่ลูเซียน อีวานส์ สำหรับคุณประโยชน์ต่อต้นกำเนิดแห่งชีวิต’

‘ต้นกำเนิดแห่งชีวิตมีความลับแห่งความเป็นอมตะอยู่!’

‘จาก: เกอซี ครอมเวลล์’

ขณะสวมเสื้อคลุมเวทมนตร์ ลูเซียนรู้สึกขบขันกับความตระหนี่ถี่เหนียวของ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ผลของเวทมนตร์ที่แฝงอยู่ในเสื้อคลุมคือการแปลงกาย และเวทมนตร์ระดับห้าทั้งสองอย่างก็แทบจะไร้ประโยชน์ ‘กักวิญญาณ’ สามารถดึงดวงวิญญาณออกมาจากร่างคนคนหนึ่งขณะยังมีชีวิตอยู่และฝังดวงวิญญาณคนผู้นั้นไว้ในอุปกรณ์เวทมนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีไว้ใช้หาข้อมูล และมันก็ใช้ไม่ได้กับคนตายที่ไม่มีดวงวิญญาณแล้ว ส่วน ‘สวมรอยวิญญาณ’ จะเปลี่ยนผีดิบและผู้ร่ายเป็นวิญญาณได้

ลูเซียนย่อมหวังว่าจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เช่น เพิ่มพูนพลังชีวิตหรือทำให้แขนขางอกออกมาใหม่ เขาจะได้ใช้เวทมนตร์จากแหวนทั้งหลายได้อย่างไม่เกรงกลัว แต่คงไม่มีทางที่ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ จะเอาใจใส่ถึงเพียงนั้น

โชคดีที่ลูเซียนยังชอบเวทมนตร์ระดับเจ็ดและผลจากเวทมนตร์อีกบทหนึ่งที่แฝงไว้ ‘ลำแสงตัดกำลัง’ เหมือนกับ ‘ดาบทมิฬ’ มันจะไม่สนใจระดับการป้องกันของเป้าหมายและทำให้พลังของเป้าหมายลดลงหนึ่งระดับ หากว่าไม่แก้ทาง ระดับพลังของเป้าหมายก็จะยิ่งลดลงในอีกสิบสองวินาทีให้หลัง ทว่า มันต่างจาก ‘ดาบทมิฬ’ ที่ต้องทำพิธีกรรมพิเศษเพื่อฟื้นฟูพลัง ‘ลำแสงตัดกำลัง’ จะคงอยู่ได้เพียงห้านาที และมันยังถูกเวทบทอื่นตอบโต้ได้

แม้ว่าลูเซียนจะรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นวิธีสกปรกที่จะซ่อนตัวอยู่ในเสื้อคลุมเวทมนตร์แล้วขโมยร่างของคนอื่น ลูเซียนก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นหนทางอันสมบูรณ์แบบในการช่วยชีวิตผู้สวมและยังเป็นความหวังเดียว ซึ่งสอดคล้องกับวิถีแห่ง ‘หัตถ์ไร้ชีวา’

“ท่านลูเซียน อีวานส์ อยากจะแบ่งปันความรู้สึกในตอนนี้และความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์มืดให้กับพวกเราหรือไม่” โชโคลาถามโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรเพราะว่าเขามีเพียงกะโหลกศีรษะ

“ความเข้าใจใน… ศาสตร์มืดของข้างั้นรึ” ลูเซียนพึมพำกับตนเอง พอเขาก้าวไปข้างหน้าก็เห็นใบหน้าเย็นชาของฟิลิปและสายตาของซูซาที่เปล่งประกายด้วยดวงไฟสีแดง

ลูเซียนยังคงนิ่งสงบก่อนจะกล่าวว่า “ชีวิตอมตะคือเป้าหมายสูงสุดของศาสตร์มืด และนี่ก็ยังเป็นวิถีที่เราให้ความเคารพนับถืออย่างที่สุด มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราอยากจะสำรวจ เพราะเหตุใดสายเลือดจึงถูกสืบทอดส่งต่อ เพราะเหตุใดพลังแห่งสายเสือดจึงผสมผสานกันได้ เพราะเหตุใดคนจึงแก่ชรา เมื่อแก่ตัวลง เกิดอะไรขึ้นกับเซลล์กันแน่ ทว่า วิธีการสำรวจของเรายังจำกัดเราจากการก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นเราจึงต้องร่วมมือกับสำนักอื่นๆ ไม่มีศาสตร์แขนงใดจะอยู่ได้โดยสันโดษ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของลูเซียน ฟิลิปก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกสงสัยว่าลูเซียนมีความก้าวหน้าเพียงใดแล้ว และลูเซียนกำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคเดียวกันกับเขาหรือไม่

ลูเซียนกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ แล้วฟิลิปก็เห็นว่าเขาเดินลงจากเวทีและตรงมาทางเขา ด้วยใบหน้าอ่อนโยนเปี่ยมรอยยิ้มน่าสงสัย เขาจึงถามออกไปอย่างงุนงง “อะไรรึ”

“ข้าจำได้ว่า… เราเคยสัญญากันไว้ครั้งหนึ่ง” ลูเซียนยิ้มกริ่ม เขาเกือบจะลืมสัญญานี้ไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นหน้าฟิลิปจากบนเวที ลูเซียนก็นึกออกทันใด

สีหน้าของฟิลิปพลันเปลี่ยนไป “เจ้าต้องการอะไร ยืดช่วงชีวิตของเจ้า หรือว่าทำให้ดวงจิตของเจ้าแข็งแกร่ง”

ฟิลิปนึกขึ้นได้ก็เพราะลูเซียน เขาจำได้ว่าหลังหลบหนีการลอบสังหารจากทราเควียร์ เขาค่อนข้างอารมณ์ร้อนกับการแก้แค้น เขาจึงเสนอและข่มขู่ลูเซียนให้ตีพิมพ์บทความการสังเคราะห์คาร์บาไมด์ ฟิลิปได้ให้สัญญากับลูเซียนว่าจะทำพิธีกรรมให้เขา

“ทำให้ดวงจิตแข็งแกร่ง ดวงจิตของข้าเพิ่งจะพัฒนา ดังนั้นพิธีกรรมเวทมนตร์ทั่วไปมิอาจใช้ได้” ลูเซียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแฝงนัย

ฟิลิปหรี่ตาลง “‘หัตถ์ไร้ชีวา’ ก็มีพิธีกรรมพิเศษอยู่หรอก”

แต่ว่า พิธีกรรมเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล! ถึงกระนั้น สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา ผู้ทะนงตนเช่นฟิลิปย่อมไม่ผิดคำพูด ไม่ว่าพิธีกรรมจะต้องใช้เงินมากมายเพียงใด เขาก็จำต้องชดใช้ เขาได้รับค่าตอบแทนมามากพอควรหลังจากพัฒนา ‘เวทซ่อนชีพ’ แต่ตอนนี้เงินนั้นคงหมดไปอย่างรวดเร็ว

คงต้องบอกว่าเขารู้สึกเสียใจนิดๆ

“ขอบคุณมากๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทำพิธีกรรมให้ข้าโดยเร็วที่สุด แล้วก็… ทำที่อัลลิน ภายใต้การจับตามองจากอาจารย์ของข้า ท่านเฟอร์นันโด” ลูเซียนยิ้มกว้างพลางค้อมกายให้กับฟิลิป

ฟิลิปกำมือแน่นในกระเป๋ากางเกงและเขาก็นึกอยากจะต่อยใบหน้ายิ้มๆ ของลูเซียนสักหมัด ก่อนที่เขาจะตอบโดยเน้นทีละคำ “เจ้าต้องให้เวลาข้าห้าวันเพื่อเตรียมการ”

“ไม่มีปัญหา ข้าจะรอเจ้านะ ฟิลิป” ลูเซียนกำลังอารมณ์ดี เขาไม่สนใจท่าทีของฟิลิปเลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าลูเซียนหมุนกายและกำลังจะเดินจากไป จู่ๆ ฟิลิปก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงรีบถามออกไป “โลกแห่งปัญญาของเจ้ามั่นคงดีแล้วรึ”

นั่นคือเหตุผลที่ลูเซียนเร่งร้อนเพิ่มพูนพลังให้กับดวงจิตหรือไม่

แน่นอนว่าฟิลิปตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า อัจฉริยะอย่างลูเซียนกับเขา ภายใต้ความสนใจเป็นพิเศษจากทั่วทุกทิศที่จับจ้องพวกเขาอยู่ การจะหาน้ำยาเวทมนตร์สำคัญๆ มานั้นหาใช่เรื่องยากอะไร และความเร็วในการพัฒนาพลังของดวงจิตและพลังจิตของพวกเขาก็แทบจะมาจากการพึ่งพาตนเองและคำแนะนำของอาจารย์เป็นหลัก ซึ่งอาจารย์มักจะไม่เร่งเร้าให้ลูกศิษย์ก้าวข้ามขั้นตอน เพราะพื้นฐานอาจไม่มั่นคงพอ ดังนั้น ความท้าทายใหญ่สองข้อสำหรับพวกเขาในการเป็นเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทระดับสูงคือการทำให้โลกแห่งปัญญามั่นคงและวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับหก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายสองข้อนี้ ไม่มีผู้ใดจะช่วยพวกเขาได้ มีเพียงความพยายามของพวกเขาเองเท่านั้น ตัวฟิลิปเองนั้น โลกแห่งปัญญาของเขามั่นคงแล้วหลังจากที่เขาสังเคราะห์ไขมันสัตว์ได้สำเร็จ จากนั้นพลังจิตและดวงจิตของเขาก็มีพลังมากพอจะเลื่อนขั้น ด้วยความช่วยเหลือจากพิธีกรรมเวทมนตร์ เขาจึงกลายเป็นนักเวทระดับสูงได้โดยแทบจะไร้ปัญหา ทว่า กระบวนการพัฒนาของลูเซียนนั้นรวดเร็วเกินไป และต่างจากฟิลิป ระดับพลังจิตของเขายังไม่พร้อม และการพึ่งพาเพียงน้ำยาเวทมนตร์อย่างเดียวไม่มีทางช่วยเขาได้

ตอนที่ฟิลิปยังเป็นนักเวทระดับกลาง เขาได้รับการชี้แนะและความช่วยเหลือจากคอนกุส เทพอสูรจอมเวท ลิช จากนั้นเขาจึงได้เป็นลูกศิษย์ของคอนกุสหลังจากเลื่อนขึ้นเป็นระดับสูง

ลูเซียนหันมองไปรอบๆ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม… ข้าจะปล่อยให้เจ้าลองเดาดู…”

ไม่มีทางที่ลูเซียนจะบอกเรื่องนี้กับศัตรูของเขา! ฟิลิปค่อนข้างหัวเสีย แต่ปฏิกิริยาของลูเซียนได้ยืนยันการคาดการณ์ของเขาแล้ว

ลูเซียนทำให้โลกแห่งปัญญามั่นคงได้เพราะข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหรือว่าจากการค้นพบอิเล็กตรอนกันนะ

ความคิดมากมายวูบผ่านสมองฟิลิป

บนชั้นสามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน ลูเซียนยืนอยู่ต่อหน้าเฟอร์นันโดอย่างตกประหม่า

“เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะใช้พิธีกรรมของ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’” เฟอร์นันโดถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ศักยภาพดวงจิตของเจ้าเพิ่งจะพัฒนาขึ้น การเร่งร้อนใช้พิธีกรรมจะทำให้เจ้ามีพื้นฐานไม่มั่นคง และในอนาคตเจ้าก็จะพัฒนาพลังได้ยาก หากเจ้าก้าวไปทีละขั้นตอน หลังจากกลายเป็นนักเวทระดับสูง ภายในสิบห้าถึงยี่สิบปี ก็เป็นไปได้ว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้วิเศษ แต่หากเจ้ายืนกรานที่จะทำเช่นนี้ เจ้าอาจต้องใช้เวลาถึงสามสิบปี หกสิบปี หนึ่งร้อยปี หรืออาจนานกว่านั้นก็เป็นได้ ข้าเองก็เคยคิดว่าข้าควรช่วยเจ้าทำพิธีกรรมที่คล้ายคลึงกันนี้ แต่ก็ตัดสินใจปล่อยให้เจ้าเติบโตด้วยตนเอง เหตุใดเจ้าจึงเร่งร้อนนักเล่า”

หลังจากครุ่นคิดอยู่เสี้ยววินาที ลูเซียนก็บอกกับเฟอร์นันโดไปตรงๆ “อาจารย์ขอรับ ข้ามีเรื่องส่วนตัวให้ต้องจัดการ และมันก็เป็นเรื่องเร่งด่วน ข้าจำต้องออกจากอัลลิน เพื่อความปลอดภัย ข้าจึงต้องทำเช่นนี้ขอรับ”

“เรื่องส่วนตัวรึ เรื่องอันใดเล่า เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเสี่ยงมากเพียงใด มีผู้ใดร่ายเวทใส่เจ้าหรือไม่” เฟอร์นันโดถาม ดวงตาสีแดงของเขาลุกโชนด้วยสายฟ้าเล็กจิ๋วมากมายเพื่อดูให้แน่ใจว่าลูเซียนหาได้ถูกผู้ใดบงการความคิด

“อาจารย์ ท่านช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้หรือไม่ขอรับ” ลูเซียนวิตกกังวล แต่ไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวเฟอร์นันโดอย่างไรนอกจากบอกความจริงออกไป

ดวงตาสีแดงเต็มไปด้วยความเข้มงวดของเฟอร์นันโดจดจ้องที่ลูเซียนอยู่เป็นนาน แต่เขาไม่กลับไม่พูดอะไร

ลูเซียนแทบจะหลั่งเหงื่อเย็น ท้ายที่สุด เฟอร์นันโดก็หลับตาลงแล้วพยักหน้าน้อยๆ “มันคือสิ่งที่เจ้าเลือกเอง อย่านึกเสียใจในภายหลังเล่า”

ลูเซียนถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าเฟอร์นันโดไม่ได้เค้นถามต่อ แต่ในตอนที่ลูเซียนกำลังจะออกไปจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงเฟอร์นันโดเรียกรั้งไว้

“เดี๋ยว”

“ขอรับ อาจารย์” ลูเซียนกลับมารู้สึกประหม่าอีกครั้ง

เฟอร์นันโดใช้ข้อนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ขณะเอ่ยว่า “พิธีกรรมพิเศษของ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ นั้นดีกว่าพิธีกรรมคล้ายกันที่ข้ารู้จักจริงๆ นั่นแหละ ถึงกระนั้น มันอาจไม่ส่งผลต่อเจ้าเสียเท่าไร”

“ขอรับ อาจารย์” ลูเซียนไม่เข้าใจประเด็นที่เฟอร์นันโดจะสื่อ

เฟอร์นันโดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ หยิบม้วนคาถาออกมาจากใต้เสื้อคลุมเวทมนตร์ “เจ้าเคยใช้มันมาแล้ว…ม้วนคาถาเทเลพอร์ต จงนำมันติดตัวไปด้วย ห้ามถูกผู้ใดสังหารเล่า เจ้าลูกศิษย์หัวทึบ”

“อาจารย์…” ลูเซียนรู้สึกซาบซึ้ง

เฟอร์นันโดแย้มยิ้มฉับพลัน “ตอนข้ายังหนุ่ม ข้าได้ทำเรื่องไร้สาระหลายอย่างเช่นกัน พอย้อนมองกลับไปแล้ว บางเรื่องก็น่าขบขันสิ้นดี ข้าจึงเข้าใจวิธีการคิดของคนหนุ่มสาวไม่มากก็น้อย และนี่อาจเป็นราคาที่เจ้าต้องจ่ายเพื่อเติบโตขึ้นก็ได้ เอาล่ะ… ม้วนคาถานี้ทำมาจากหนังสัตว์เวทระดับเก้าที่ชื่อคาราชิ ข้ามีเพียงสองม้วนเท่านั้น ดังนั้นเจ้าไม่มีโอกาสทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้วนะ… แล้วก็ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีเงินพอซื้อวัตถุดิบอุปกรณ์ทั้งหมดที่เจ้าต้องการเพื่อเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับสูงเป็นแน่ ลองไปที่คลังมิติพิเศษของข้าดู แต่เจ้าจะต้องมอบเงินรายได้ประจำปีอีกสามปีต่อไปนี้ให้ข้าเป็นการวางมัดจำ”

“ขอรับ อาจารย์…” เสียงของลูเซียนสั่นพร่าเล็กน้อย