บทที่ 428 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก

“ฉันก็ว่างงั้นแหละไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ยิ่งสำหรับเผ่าของพวกนายแล้ว…”
  หลินเฉิงหัวเราะและส่ายหน้า“พลังสะกดใจ พลังดูดกลืนลักษณะเฉพาะตัว พิธีกรรมอ้อมกอดแห่งราตรี และการสื่อสารกับสัตว์ทะเล ไม่ว่าจะเป็นพลังไหนก็ทำให้มนุษย์เกิดความโลภได้ทั้งนั้น”
  “อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผลที่สุดก็คือเผ่าของพวกนายนั้นแหละ! ถ้าให้พูดตามตรงแม้ฉันจะแข็งแกร่งในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นทุกด้านหรอกนะ…”
  “ที่สำคัญคือไม่ว่าพวกเราจะพยายามขนาดไหนพวกเราก็ไม่เคยผ่านพ้นวิกฤติใกล้สูญพันธุ์นี้ได้เลย….”
  หลิงเจิงพูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยวๆ“เพราะงั้นพวกเราจึงสนใจในเผ่ามนุษย์ของนายมากขึ้นทุกขณะ แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามาตราฐาน แต่ยารักษาโรคก็ทำให้เผ่ามนุษย์ ปกครองโลกมากว่า 10,000 ปี แล้วแพร่ขยายอำนาจไปทั่วทุกมุมของโลก! ทั้งสองเผ่ามีรูปร่างคล้ายกันอีก!”
  “โอเคโอเค…”
  เห็นอีกฝ่ายพูดกับเขาอยากแฝงความหมายหลินเฉิงก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับรู้สึกตลกนิดๆ “เหมือนเราจะเริ่มนอกเรื่องแล้วนะ? ยังมีเรื่องอื่นที่รู้เกี่ยวกับฉางเหวินฉวนอีกไหม?”
  หลิงเจิงหันไปมองหลิงเหมิงอีกครั้งเขาส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะแบมือทั้งสองแล้วพูดกับหลินเฉิงไปว่า ”แม้ว่าฉันจะมีอายุเยอะกว่าเสี่ยวเหมิงอยู่บ้าง” แต่ฉันก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกตน ไม่ได้รู้เรื่องภายในมากเท่าเธอหรอก ถ้าเธอตอบนายไม่ได้ฉันก็ไม่รู้จะตอบอะไรแล้วเหมือนกัน…. ”
  “งั้นตอนนี้ฉางเหวินฉวนก็เป็นคนของเผ่านายแล้วสินะ?”   เห็นว่าถามต่อไปคงไม่ได้อะไรแล้วหลินเฉิงก็พยักหน้าเบาๆ “แต่มีอีกเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ ถ้าฉางเหวินฉวนเข้ารับพิธีกรรมอ้อมกอดแห่งราตรีแล้ว ทำไมเขาถึงเรียนรู้วิชาดูดกลืนลักษณะเฉพาะตัวได้เร็วขนาดนี้?”
  หลิงเหมิงก็ลังเลอีกครั้งก่อนที่จะบอกไป “นั้นเป็นเพราะคนนอกที่ได้ผ่านพิธีกรรมจากผู้อาวุโสแล้ว จะได้รับสือทอดพลังกว่าครึ่งจากผู้ทำพิธีให้ทันทีที่พิธีจบ! ฉางเหวินฉวนจึงมีพลังที่มากแบบนั้น ในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้! ไม่ถึงเดืือนเขาก็สำเร็จวิชานั้นอย่างช่ำชองแล้ว”
  “อย่างงี้นี่เอง!”
  หลินเฉิงเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของหลิงเหมิงเขาได้แต่กำหมัดแน่น!
  ตั้งแต่ที่เขาสงสัยในตัวฉางเหวินฉวนเขาก็สงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมไอหมอนั้นถึงหมายปองน้องสาวของเขานัก ตอนแรกก็คิดว่าเขาชื่นชอบในพลังของเธอ แต่เหมือนว่ามันจะมากกว่านั้นไปเสียแล้ว!   ถ้าเขามาถึงที่แห่งนี้ไม่ทันเวลาหละก็หลีเหมิงเดียต้องถูกฉางเหวินฉวนจับตัวไป และฐานทัพทั้งฐานก็จะตกเป็นของฉางเหวินฉวน ชีวิตน้อยๆ ของเสี่ยวเดียก็จะไม่ปลอดภัย และป้าฉินกับลุงหลี ก็จะใช้ชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิดตลอดชีวิต!
  เมื่อรู้ถึงความปราถนาของฉางเหวินฉวนที่ชั่วร้ายนี้แล้วหลินเฉิงก็รู้สึกโกรธจนเก็บไว้ไม่ไหว เขาวิ่งตรงไปหากรงน้ำแข็งทันที!
  ทันทีที่เขาตัดสินใจจะถอนทัพเขาก็ได้ยินเสียงผิวปากเรียกทันที!
  “พี่หลินคนกลุ่มใหญ่พร้อมกับม้ากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกเราควรจะถอยเลยไหม?”
  สิ้นเสียงเรียกนั้นหยูซานก็มาถึงลานกว้างเล็กๆที่พวกเขาอยู่ สีหน้าของเธอเป็นกังวลมาก
  “คนหรอ?เท่าไหร่?”
  หลินเฉิงขมวดคิ้วแน่นเขาหยุดที่จะเข้าไปปลิดชีพฉางเหวินฉวนก่อนแล้วหันมาถามหยูซาน
  หยูซานรีบตอบกลับไปทันที“เท่าที่ฉีเซี่ยวฮันบอก ราวๆ 100 คน และนำทีมโดยผู้บัญชาการดิงเองเลยค่ะ!”
  “แม่ทัพมาเองเลยหรอ?”
  หลินเฉิงรู้สึกได้เลยว่าเขามีปัญหาแล้วเขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเป็นศัตรูกับฐานทัพทั้งฐานแบบนี้ เพราะป้าฉินเองก็ต้องอยู่ในฐานทัพแห่งนี้ต่อไป ถ้าดิงเฮาหยวนรู้เขาหละก็ เขาต้องรับศึกสองด้านจริงๆ แน่ๆ
  “งั้นจะรออะไรอยู่อีกหละ?รีบออกไปจากที่นี่เร็ว!”
  ในใจของเขากำลังหาทางออกอย่างสุดความสามารถฉีเซี่ยวฮันก็โพล่มาข้างๆ เขาพอดี เธอยังไม่ได้เหลือบไปเห็นสองพี่น้องแห่งรัตติการที่อยู่ห่างออกไป เธอถามหลินเฉิงอย่างรีบร้อนทันที
  “สายไปแล้วที่จะถอยตอนนี้….”
  หลินเฉิงส่ายหน้า“อีกฝ่ายต้องมีนักแกะรอยตามมาด้วยแน่ๆ ต่อให้พวกเราหนีไปได้ก็ต้องถูกตามตัวเจออย่างแน่นอน…”
  “งั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี!”
  หยูซานเริ่มคิดหาทางออก“งั้นหนูจะไปตามเทียนซือกับโคล่ามาก่อนไหม?”
  “ไม่ต้อง!”
  “เป้าหมายของเราคือปกป้องพวกเขาถ้าเราไปตามพวกมัน ร่องรอยพวกนี้ต้องนำพวกเขาไปด้วยแน่…”
  “พวกเธอไปถ่วงเวลากองทัพนั้นสักหน่อยแล้วฉันจะรีบทำธุระตรงนี้ให้เสร็จแล้วค่อยไปรวมตัวกัน!”
  “โอเค!”
  “รับทราบ!”
  พวกเธอทั้งสองรีบแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ทันที!
  เมือร่างทั้งสองหายไปจากระยะสายตาหลินเฉิงก็หันกลับไปพูดกับหลิงเจิง “งั้นต้องขอบคุณที่ช่วยตอบคำถามทั้งหมดนี้! ฉันเห็นเวลานายมามากพอแล้ว แต่เหมือนลุงของนายจะยังไม่มาสักทีงั้น….”
  หลินเฉิงชักดาบขึ้นมาและพูดอย่างดุดันทันที “หมดธุระแล้ว ไปตายซะ!”
  ร่างของหลินเฉิงหายไปทันทีและโพล่ขึ้นมาอีกครั้งข้างหลังของหลิงเหมิงที่ยังเหม่อลอย!
  “ไอบ้าเอ้ย!”