ตอนที่ 605

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ล่าถอย

ชางเย่กระโจนออกไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ที่อยู่ในมือ และปลดปล่อยปราณกระบี่เก้าเล่มออกมา

ความก้าวหน้าของเขานั้นรวดเร็วมาก ตอนนี้เขาสร้างปราณกระบี่ได้เก้าเล่มแล้ว

จอมยุทธนั้นไม่ได้มองกันแค่ระดับพลังบ่มเพาะ แม้จะเป็นระดับบุปผาผลิบานที่ขั้นพลังเท่ากันแต่บางคนก็มีพลังต่อสู้เพียงหนึ่งดาว แต่บางคนก็มีพลังต่อสู้ห้าดาวหรืออาจจะสิบดาว ชางเย่เองก็เป็นเพียงระดับบุปผาผลิบานขั้นหนึ่ง แต่พลังต่อสู้ของเขาคือเจ็ดดาว!

นี่เป็นความสามารถของตัวเขาเอง แต่ก็เป็นผลจากหินชะตาสวรรค์เช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้เขามีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นห้าดาว

ปราณกระบี่เก้าเล่มทะลวงผ่านหญิงสาวทั้งสี่คน และเขาคว้ามือของฉินหยีเย่วและช่วยเหลือนางออกมา

ก่อนหน้านี้ฉินหยีเย่วก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชางเย่ที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่านางเลย

“หึ่ม!” ในรถลาก หูชิ่งฟางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งและพูดว่า “เจ้ากล้าที่จะเข้ามายุ่งเรื่องของข้างั้นรึ?”

ชางเย่ไม่ใช่คนพูดมาก เขากวัดแกว่งกระบี่ และหญิงสาวทั้งสี่คนก็ถูกจัดการ

ความแข็งแกร่งของชางเย่มากกว่าโฉวจื่อเฟยและคนที่เหลือ พวกเขารู้แค่ว่าชางเย่เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก และยอมรับในตัวเขา แต่พวกเขาค่อนข้างทนงตัวและไม่คิดว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าชางเย่ ตอนนี้เมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาแล้ว มันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ

“ขอบคุณ!” ฉินหยีเย่วไม่สามารถโค้งคำนับขอบคุณได้ระหว่างการต่อสู้ แต่นางก็ยังคงพยักหน้าให้กับชางเย่

ชางเย่ไร้ความรู้สึกและไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา

หลิงฮันถอนหายใจ เขาปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไร?

“รนหาที่ตาย!” ในรถลากชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุประมาณยี่สิบปีเดินออกมา เขาค่อนข้างดูหล่อเหลาทีเดียว แต่ใบหน้ากับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และดวงตาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยตัณหา

เขาคือหูชิ่งฟาง

“เจ้าคนพิการ เจ้ากล้ามากที่เข้ามายุ่งเรื่องของข้า แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”

ชางเย่จับกระบี่ที่อยู่ในมือแน่น และพูดว่า “หากเจ้าอยากต่อสู้ก็เข้ามาซึ่งซึ่งหน้า”

สีหน้าของเหอหลันหยุนแสดงให้เห็นถึงความหลงใหล นางชื่นชอบชางเย่ที่ทำตัวกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนายน้อยแห่งนิกายวายุจันทรา และรู้สึกเป็นห่วงเขา

“เป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นแรก แต่กล้าที่จะท้าทายข้างั้นรึ!” หูชิ่งเฟิงแสยะยิ้มและโจมตีชางเย่ อาวุธที่มันใช้คือกระบอง เมื่อมันถูกเปิดใช้งานจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

กระบี่ของชางเย่เป็นอาวุธวิญญาณระดับห้า และเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้ไม่นาน ทว่าเขากลับไม่หวาดกลัวหูชิ่งเฟิงแม้แต่น้อย

ตู้ม ตู้ม ทั้งสองคนเข้าห้ำหั่นกัน หูชิ่งฟางแข็งแกร่งกว่ามาก เขาเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นเจ็ดและมีพลังต่อสู้สิบดาวมากกว่าชางเย่สามดาว และยังมีอาวุธวิญญาณระดับหกอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นฝ่ายได้เปรียบ

อย่างไรก็ตาม ชางเย่นั้นยังคงรับมือได้ ในสถานการณ์แบบนี้ เขายังคงตอบโต้ซ้ำไปซ้ำมาทั้งรุกและรับพร้อมกัน

สำหรับหูชิ่งฟางมันไม่อาจพ่ายแพ้ให้กับชางเย่ได้ อย่างแรกมันแข็งแกร่งกว่าชางเย่ อย่างที่สองเขาเป็นใคร? แล้วจะแพ้จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นแรกได้อย่างไร?

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขาควบแน่นพลังก่อเกิดให้เป็นลูกศรอยู่ในมือ และยิงใส่หูชิ่งฟาง แม้ว่าเขาจะแอบยิงใส่หูชิ่งฟาง แต่ไม่ได้หมายที่จะเอาชีวิตของมัน

ลูกศรพุ่งเข้าหาหูชิ่งฟาง มันไม่ตระหนักถึงลูกศรเลยแม้แต่น้อยและถูกยิงไปที่หัวเข่า ทำให้มันสดุดเกือบจะล้ม

ชางเย่จึงใช้โอกาสนี้โจมตีอีกฝ่ายทันที

“อ๊าก!” หูชิ่งฟางกรีดร้อง กระบี่ฟันมาที่ไหล่ของมันเกือบถึงกระดูก ซึ่งทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เรื่องที่ทำให้มันรู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิมคือมันไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น มันรู้สึกแค่ว่าขาข้างขวาของมันชาไปเท่านั้นเอง

มันเกิดอะไรขึ้น?

จูเสวี่ยนเอ๋อและฮูหนิวหันไปมองหลิงฮัน คนอื่นอาจไม่เห็น เพราะพวกเขาไม่สนใจหลิงฮันแม้แต่น้อยที่เป็นแค่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม หูชิ่งเฟิงมีระดับพลังและพลังต่อสู้ที่สูงกว่าชางเย่ อาการบาดเจ็บจากกระบี่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก ในไม่ช้าบาดแผลของมันก็จะฟื้นฟูและจะลงมือจัดการชางเย่อีกครั้ง

หลิงฮันยิ้ม มือข้างขวาของเขาขยับ แต่ครั้งนี้เขาใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา

ความแข็งแกร่งของหลิงฮันในปัจจุบันอยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว แม้จะไม่ใช้ลูกธนูจริงก็ตาม แต่ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราก็ยังคงทรงพลังอยู่ดี และเมื่อใช้ควบคู่กับพลังสายฟ้าแล้วมองหาจุดอ่อนของหูชิ่งฟางด้วยเนตรแห่งสัจธรรมเขาสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย

ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์สามทักษะถูกใช้พร้อมกัน หูชิ่งฟางความจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ถูกโจมตีด้วยทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์สามทักษะ

หูชิ่งฟางสะดุดอีกครั้งและถูกกระบี่ของชางเย่ฟัน

หลังจากที่สะดุดหลายรอบ หูชิ่งฟางหนีเข้าไปในรถลากและตะโกนว่า “ถอยก่อน พวกเจ้ากล้ามากที่ทำแบบนี้กับข้า แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”

ชางเย่กระโจนและพูดว่า “ออกมา!”

หูชิ่งฟางไม่กล้าออกมา มันคิดว่าอีกฝ่ายใช้ทักษะลับบางอย่างอยู่ ตอนนี้มันรู้สึกหวาดกลัวแล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่สนใจสถานะของมันในนิกายวายุจันทราเลยแม้แต่น้อย หากสู้ต่อมันอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่

“ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าอย่างแน่นอน!” หูชิ่งฟางกรีดร้องออกมาและเรียกหญิงสาวสี่คนกลับเข้ามาในรถลาก

ชางเย่อยากจะไล่ตามพวกมันไป แต่ทว่ารถลากมีม่านพลังป้องกันอยู่

“อย่าไล่ตามมัน มันเป็นรถลากโบราณของนิกายวายุจันทรา ถ้ามันถูกควบคุมโดยจอมยุทธที่แข็งแกร่ง แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ทำอะไรมันไม่ได้” ฉินหยีเย่วกล่าวให้ชางเย่หยุดไม่ไล่ตาม

ชางเย่หันไปมองหลิงฮัน และเมื่อเห็นหลิงฮันส่าย เขาเลยเก็บกระบี่เข้าไปในแหวนมิติ

“แล้วข้าจะรอ” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา