132 จิตกรผู้มากความสามารถ

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 132 จิตกรผู้มากความสามารถ

 

โรงเรียนมัธยมเซียงหยู

 

“นี่ เธอเห็นเพลงในอินเทอเน็ตเมื่อวานหรอ” เพลงของเย่หยู่นะ หิมะร่วงหล่น” อยู่อันดับต้นๆของรายการค้นหายอดนิยมเลยนะ!”

 

“อื้อ เห็นอยู่แล้ว! ฉันเห็นคนมาแสดงความคิดเห็นใต้คลิปเต็มเลย บางคนก็บอกว่าเป็นเพลงที่ขับร้องโดยพระเจ้า! 

 

“ฮ่าๆ.ฉันก็แสดงความคิดเห็นไปว่า ฉันรู้ว่าใครเป็นคนร้อง หลังจากนั้นก็มีคนทักมาถามว่าใครเป็นคนร้องเต็มไปหมดเลย!”

 

“ใช่, เพื่อนสนิทฉันก็ทักมาถามเหมือนกัน แต่ฉันไม่บอกหรอกนะ!”

 

แอ๊ด!

 

เย่หยู่ผลักประตูและเดินเข้ามาในห้อง

 

พวกนักเรียนที่ส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายก็เริ่มเงียบเสียงลง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ผู้ที่มาใหม่อย่างเย่หยู่

 

“อ๊ะ!” เย่หยู่มาแล้ว! ”

 

“เทพแห่งเพลงนี่นา!”

 

“เย่หยู่ เซนให้ฉันหน่อยสิ!”

 

“ขอฉันถ่ายรูปนายหน่อยสิ!” ฮ่าๆ ฉันได้เรียนห้องเดียวกับเทพแห่งเพลงด้วย” ดีใจจัง!”

 

ฮันเสวี่ยที่นั่งอยู่ที่ประจําของเธอกําลังมองดูเย่หยู่ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมห้องกําลังแสดงสีหน้าที่ต้องการความช่วยเหลือ ริมฝีปากของเธอกระตุกยิ้มอย่างมีความสุข

 

“นี่ คิดอะไรอยู่? เธอไม่ชอบหรอ?”

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เย่หยู่ได้หนีออกจากการลุมล้อม และได้กลับมานั่งในที่ของเขาได้สําเร็จ เขามองไปที่ฮันเสวี่ยที่กําลังหัวเราะเขาอยู่

 

“อ๊ะ!”

 

ฮันเสวี่ยร้องด้วยความตกใจ แก้มของเธอเริ่มมีสีแดงจางๆ เธอกระซิบว่า “ป…เปล่า”

 

เย่หยุคลี่ยิ้มกล่าวว่า “อย่าบอกนะว่ากําลังคิดเรื่องที่จะแต่งงานกับฉันน่ะ”

 

ฮันเสวี่ยตีไปที่เย่หยู่หนึ่งครั้งและพูดด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่!”

 

“จริงสิ เย่หยู่อาจารย์หวูเขาให้ฉันบอกนายว่าไปพบเขาด้วย”

 

ที่ออฟฟิซอาจารย์หวู

 

อาจารย์หวูที่กําลังยืนอยู่หลังโต๊ะตัวหนึ่งมือหนึ่งของเขา กําลังถือพู่กันอยู่นั้นกําลังมองเย่หยู่ที่กําลังเดินเข้ามาในห้อง เขาส่งยิ้มให้และพูดว่า

 

“เย่หยู่ เธอมาแล้ว นั่งลงก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอหลังจากที่ฉันวาดรูปเสร็จแล้ว”

 

เย่หยู่ทําตามอย่างว่าง่าย เขาเห็นว่าหวูไต้กําลังมีสมาธิกับภาพวาด

 

บนกระดาษสีขาวปรากฏภาพของภูเขาสูง แม่น้ําที่กว้างใหญ่และมังกรที่กําลังบินอยู่บนฟ้า

 

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงภูเขาอันงดงามที่มีธารน้ําไหลรินอย่างไม่รู้จบ มังกรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆและหมอก

 

เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยระดับของเย่หยู่เก้ามังกรที่กําลังโบยบินเหนือแผนที่ที่วาดโดยหวูไต้ช่างสะดุดตาเขา

 

เขาไม่ได้กําลังดูหมิ่นหวูไต้ ในทางกลับกัน เขากําลังประเมินค่าของมันต่างหาก

 

เป็นที่ทราบกันดีว่าเย่หยู่นั้นได้ขโมยความสามารถในการวาดภาพของถังปอหูหรือถังหยินเป็นอาจารย์ที่มีผลงานด้านวรรณกรรมและภาพเขียนนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

 

สําหรับผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ ความยากระดับนี้ คนธรรมดานั้นยากที่จะจินตนาการได้

 

เมื่อเขาวาดรูปเสร็จหรูได้วางพู่กันลงและยืนขึ้น เขาตรวจทานรูปที่เขาวาดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วย ความพึงพอใจ “ไม่แย่, ใช้ได้!” ภาพนี้มันช่างสุดยอด!” 

 

“เย่หยู่ เธอมีความเห็นอย่างไรบ้าง”

 

อาจารย์หวูสังเกตว่าเย่หยู่ที่กําลังยืนอยู่ข้างๆเขานั้นกําลังยิ้มให้กับคําถามของเขา

 

เขานิ่งพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า

 

“ภาพวาดของคุณ โดยทั่วไปแล้วมีลายเส้นที่แข็งแรงและมั่นคง มีเอกลักษณ์ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ ใช้ได้ทีเดียว ดวงตาของมังกรนั้นช่างสมบูรณ์แบบ!”

 

เย่หยู่แอบลูบหน้าผากของเขา เขาเกือบจะพูดความจริงออกไปแล้ว ตาแก่คนนี้ไม่ได้เป็นบ้าเพราะโกรธใช่ไหมเนี่ย

 

“อืม… เย่หยู่ ตาถึงเหมือนกันนี้!”

 

อาจารย์หนูรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคําชมจา เย่หยู่ เขาถอนหายใจ “เห้อ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากวาดหรอก แต่ฉันไม่รู้ว่าจะวาดมันยังไง”

 

เย่หยู่พยักหน้าเงียบๆตั้งแต่สมัยโบราณได้มีการพูดเกี่ยวกับการตกแต่งมังกร ดวงตามังกรตัวนี้วาดยากที่สุด!

 

เมื่อมองไปที่รูปเก้ามังกร เย่หยู่รู้สึกคันเล็กน้อย เขายิ้มและพูดกว่า

 

“อาจารย์หวูเพราะคุณไม่มีทางเลือก คุณลองให้ผมทําแทนคุณดูไหม”

 

“เธอ?”

 

หวูฝูเหลือบมองเย่หยู่ด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินข้อเสนอที่คิดไม่ถึง

 

เย่หยู่พยักน้ารับ “ครับ ผมเอง ให้ผมลองวาดดวงตามังกรให้คุณเถอะครับ”

 

หวูไต้พึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจึงถามเย่หยู่ออกไปว่า “เย่หยู่ เธอเคยฝึกวาดรูปงั้นหรือ?”

 

เย่หยู่ยกมือขึ้นเกาหัวของเขา “เอ๋ จริงๆแล้วก็ไม่เคยหรอกครับ แต่ผมคิดว่าฝีมือของผมใช้ได้ทีเดียว!”

 

ฉันรู้สึกว่าโอเค

 

“คุณคิดว่ามาตรฐานของคุณดี? ”

 

ได้ยินคําจากปากของเหยู่อาจารย์หวูถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว เขาคิดว่าเขาเป็นปรมจารย์แห่งการวาดภาพจีน

 

เมื่อเขาเห็นในความพยามยามของเย่หยู่ หวูไต้ไม่สามารถปฏิเสธเย่หยู่ได้ เขาพูดด้วยน้ําเสียงที่ไพเราะว่า “เย่หยู่ นี่เป็นภาพวาดที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยวาดมาเลย”

 

เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “ฉันยินดีถ้าเธอต้องการที่จะวาดดวงตามังกรของฉันออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเธอทํามันได้ไม่ดี…”

 

หวูไต้ไม่ได้กล่าวจนจบประโยค แต่เย่หยู่นั้นเข้าใจความหมายของมัน ถ้าเขาวาดมันออกมาได้ไม่ดี ภาพที่หวูไต้วาดมาคงพังไม่เป็นท่า

 

เย่หยู่สังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้กังวลอะไร จึงพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่นว่า “อาจารย์หวู คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าภาพที่ผมวาดมันออกมาไม่ดีจริงๆ มันก็เป็นแค่ภาพวาดเท่านั้นเอง และพรุ่งนี้ก็จะดีขึ้นแน่ ใช่ไหมล่ะครับ ?”

 

ความเศร้าฉายขึ้นในแววตาของหวูไต้หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ! มันก็แค่การวาดภาพ! ถ้าฉันเอาใจใส่มากเกินไป ฉันเกรงว่าฉันคงไม่สามารถยกระดับทักษะการวาดภาพของฉันได้”

 

หลังจากจบประโยคของ หวูไต้เขามองไปที่เย่หยู่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “เย่หยู่ คําพูดของเธอทําให้ฉันเข้าใจ ฉันเชื่อว่าคราวหน้า ฉันจะต้องวาดรูปได้ดีกว่านี้เป็นแน่”

 

อาจารย์หนูส่งพู่กันในมือของเขาให้กับเย่หยู่ เขายิ้มให้และกล่าวว่า “เย่หยู่ เธอวาดตามที่เธอต้องการเถอะ ฉันไม่สนแล้วว่ามันจะออกมาเป็นยังไง”

 

เย่หยู่รับแปรงจากอีกฝ่าย เขาคลี่ยิ้มออกมาและพูดว่า “ผมจะไม่ทําให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ !”

 

เย่หยุใช้พู่กันในมือจุ่มสีหมึกและละเลงมันลงบนภาพโดย เริ่มจากหัวของมังกร

 

“เรียบร้อย !”

 

เย่หวางพู่กันลงและพูดกับ อาจารย์หวู ว่า

 

“อาจารย์หวูผมวาดเสร็จแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ?” 

 

หวูไต้ไม่ตอบ เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกําลังหลงเข้าไปในความคิด เมื่อเขาได้มองภาพของมังกรที่กําลังโบยบินท่ามกลางหมู่เมฆ

 

“อาจารย์หวู?” คุณได้ยินผมไหม อาจารย์ หวู”

 

เมื่อเขาเห็นหวูไต้เงียบ เย่หยู่จึงสะกิดเขาเบาๆ

 

“อ๊ะ!”

 

จู่ๆ หวูไต้ก็ร้องออกมา เขาหันไปมองเหยู่ด้วยความตกใจและถามว่า “เย่หยู่ เธอบอกความจริงกับฉันมาสิ เธอไม่เคยฝึกวาดภาพจริงๆใช่ไหม”

 

“ไม่เคย!”

 

เย่หยู่ตอบเขาด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น สําหรับความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาตร์แล้ว สิ่งสําคัญของพวกเขาคือการศึกษาปละฝึกฝนเป็นปีๆ แต่สําหรับเขาแล้วแค่ถูกรางวัลและขโมยมันมาก็พอ!

 

อาจารย์หวูจ้องมองไปที่เย่หยู่ราวกับว่าเขากําลังมองดูสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งและอุทานว่า “อัจฉริยะ!”เย่หยู่ เธอนี่มันอัจฉริยะ!”

 

เมื่อเขาได้เห็นมังกรบนภาพวาด ความรู้สึกตกตะลึงนั้นยังคงปรากฏอยู่บนหน้าของอาจารย์หวู “จุ๊จุ๊ ! ภาพมังกรที่กําลังบินข้ามกําแพงภาพนี้ ไม่ใช่แค่มังกรในตํานานแล้ว!”

 

“เย่หยู่เธอได้มอบชีวิตให้มังกร! เธอลองมองมันใกล้ๆสิ เห็นหรือเปล่าว่ามังกรตัวนั้นกําลังจะบินออกมาจากภาพวาดแล้ว!”

 

เย่หยู่มองดูใบหน้าที่รู้สึกตื่นเต้นของใครบางคนด้วยความรู้สึกเฉยชา เขายิ้มและพูดว่า “ชมกันเกินไปแล้วครับ”

 

อาจารย์หนูเห็นเย่หยู่ทําตัวสบายๆจึงพูดออกไปอย่างร้อนรนว่า “เย่หยู่ ฝีมือของเธอนั้นดีจริงๆ ขนาดฝีมือของอาจารย์สอนศิลปะยังอยู่แค่ระดับปานกลางเท่านั้น!”

 

อาจารย์หวูเดินวนอยู่รอบๆโต๊ะครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็พูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้นว่า “ไม่! ฉันจะวาดหมอกใหม่ฉีฉวนเหรินดูนี่สิ! เขามักจะหัวเราะเยาะฉันอยู่เสมอถ้าฉันวาดรูปได้แย่กว่าเขานี่! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทําอย่างไรเมื่อเห็นภาพนี้”

 

อาจารย์หวูหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา ดูรายชื่อผู้ติดต่อ และกดไปที่วิดีโอ

 

“เดี๋ยว! ฉันต้องซ่อนดวงตามังกรก่อน!”

 

ในขณะที่เขากําลังรอการเชื่อมต่อจากอีกคน หวูไต้ฉีกกระดาษออกมาเป็นชิ้นเล็กๆและนํามันมาปิดดวงตามังกรของเขา

 

พรึ่บ! *

 

เมื่อวิดีโอได้รับการเชื่อมต่อ บนจอปรากฏภาพของชายวัยกลางคนรูปร่างผอมมีผมสีขาวและไว้เครา

 

“ว่าไง!” หวูไต้หรอกหรอ วันนี้ว่างหรอ มีอะไรล่ะถึงได้วิดีโอคอลมา?”

 

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รับการติดต่อเป็นเวลานาน ฉีฉวนเหริน ยิ้มล้อเลียนเขา

 

หวูทัวจ้องเขม็งไปที่เขาและแสร้งทําเป็นเสียใจ “เอาล่ะตาแก่ฉี ถ้ามันไม่อะไร ฉันจะติดต่อนายทําไม่ล่ะ!”

 

“ฮ่าฮ่า” ฉีฉวนเหรินโบกมือพร้อมรอยยิ้มและพูดว่า “เอาเถอะ ตาแก่หวูถ้ามีอะไรล่ะก็พูดมาสักทีสิ อย่าบอกนะว่าจะมาท้าอะไรฉันอีกแล้ว”

 

“ฮ่าฮ่า!” หวูไต้หัวเราะออกมา เขาพยักหน้ารับและกล่าวว่า “ถูกต้อง! ฉันเพิ่งวาดรูปเก้ามังกร ฉันอยากให้นายได้เห็นมัน!”