ตอนที่ 302 สันดานขุดยาก / ตอนที่ 303 เธอนึกว่าฉันจะกลัวเธอเหรอ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 302 สันดานขุดยาก

 

 

           “หุบเขาเจียงหนานเคลื่อนย้ายได้ง่ายแต่สันดานมันขุดยากจริงๆ ถ้าฉันเผยความลับของเธอให้กับสื่อ เธอจะทำยังไง จุดจบของเธอจะยิ่งน่าสมเพศหรือเปล่า ไหนๆ เธอก็สุขสบายมามากพอแล้ว เชื่อว่าเธอคงเบื่อชีวิตแบบนี้แล้วสินะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา ดวงตาเป็นประกาย

 

 

           มือที่อยู่ข้างกายกำแน่น “แก…” จากนั้นราวกับว่านึกอะไรบางอย่างออก ฉู่อีอีหัวเราะ

 

 

           “ฉู่เจียเสวียนถ้าเธอกล้าเปิดโปงความลับฉันล่ะก็ ฉันก็จะเผยความลับของพ่อในตอนนั้นเหมือนกัน เธอนึกว่าฉันไม่รู้พื้นเพของเธองั้นเหรอ” ฉู่อีอีกล่าว ดวงตาทั้งคู่ที่มองฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม ความชั่วร้ายในดวงตานั้นปกปิดไว้ไม่มิด

 

 

           ‘เธอรู้เรื่องของพ่อได้ยังไง’ ฉู่เจียเสวียนตื่นตกใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า

 

 

           เห็นฉู่เจียเสวียนไม่พูดจา ฉู่อีอีก็ยิ่งได้ใจ “ทำไม? ไม่กล้า?”

 

 

           “ฉู่อีอี เธอนึกว่าฉันจะกลัวเธอ? มีปัญญาก็เปิดโปงสิ เธอนึกว่าพ่อเป็นของฉันคนเดียวหรือไง อย่าลืมสิ ถึงพวกเราจะไม่ได้มีแม่คนเดียวกันแต่ก็มีพ่อคนเดียวกัน เธอทำให้พ่ออับอายขายหน้า ก็เท่ากับทำให้บ้านฉู่ของเธออับอายขายหน้าไปด้วย!”

 

 

           “อ่อ จริงสิ เธออย่าลืมนะ ตอนนี้ฉันถูกเธอกับแม่คนนั้นของเธอไล่ออกจากบ้านฉู่แล้ว ถ้าเธอทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ มาดูกันว่าใครจะได้รับบาดแผลมากที่สุด” มุมปากยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียนยิ้มใบหน้าสดใส ความเย็นยะเยือกในดวงตาราวกับต้องการแช่แข็งฉู่อีอีเอาไว้

 

 

           ฉู่อีอีคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะพูดแบบนี้ คำพูดของเธอทำเอาจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองเธอเขม็ง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนบ้า ทำไมเธอถึงไม่กลัวเลยสักนิด มันไม่ได้อยู่นอกเหนือความควบคุมของเธอสักนิดเลยเหรอ ทั้งๆ ที่แม่เคยบอกกับเธอว่า คนที่ฉู่เจียเสวียนแคร์ที่สุดก็คือพ่อของเธอ!

 

 

           “แก…” ฉู่เจียเสวียนมองฉู่เจียเสวียนด้วยความโกรธจัดจนแอดกัดฟัน มองฉู่เจียเสวียนเนิ่นนานก็พูดอะไรไม่ออก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ตรงนั้นมองฉู่อีอีด้วยสายตาเย็นชา บรรยากาศบนตัวเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง

 

 

           “ฉู่อีอี ฉันจะเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอยังกล้ารังควานฉันอีก เธอจำไว้ ว่าฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน!” เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น ใบหน้าที่สดใสเปี่ยมด้วยความเย็นชา

 

 

           ฉู่อีอีเกรงกลัวบุคลิกของฉู่เจียเสววียนจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ว่ายังคงเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ “ฉู่เจียเสวียน คนเลวอย่างแก แกมันคนไม่มีแม่สั่งสอน…”

 

 

‘เพี๊ยะ’ ฉู่อีอียังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉู่เจียเสวียนตบหน้าอย่างแรง ฉู่อีอีถูกตบจนหน้าหันไปด้านข้าง ยกมือขึ้นกุมหน้า แววตามองฉู่เจียเสวียนด้วยความเกลียดชัง ทนไม่ไหวอยากจะสับเธอเป็นชิ้นๆ

 

 

           เธอตบหน้าเธออีกแล้ว เธอช่างกล้านัก!

 

 

 “ฉู่อีอี ไม่มีใครเคยสอนเธอว่าต้องใช้สมองก่อนพูดเหรอ เธอถูกเผยหนานเจวี๋ยตามใจจนลืมการเป็นคนแล้วหรือไง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากเย็นชา สีหน้าเย็นเยียบ

 

 

           มองดูฉู่เจียเสวียนที่น่ากลัวตรงหน้า ครั้งนี้ฉู่อีอีกลัวจริงๆ ซะแล้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเวลา

 

 

ฉู่เจียเสวียนโมโหจะน่ากลัวเพียงนี้ น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา

 

 

           ในห้องรับแขก ฉู่เจียเสวียนกับฉู่อีอียืนอยู่ตรงนั้น ต่างคนต่างมองกัน จนกระทั่งเสียงประตูห้องรับแขกดังขึ้น

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเข้ามาจากข้างนอก ขณะที่เงยหน้าเห็นฉู่เจียเสวียนก็ตกใจ เธอมาได้อย่างไร

 

 

           รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดระหว่างคนสองคน เขาก้าวเท้าเดินไปหาพวกเธอ “คุณมาได้ยังไง”

 

 

           น้ำเสียงเผยหนานเจวี๋ยราบเรียบ ฟังอารมณ์ของเขาไม่ออก

 

 

           เมื่อเดินเข้าไปหาทั้งสองคนจึงเห็นว่าฉู่อีอีมีน้ำตาคลอและมือกุมใบหน้าไว้ ท่าทางน่าสงสารมาก ส่วนฉู่เจียเสวียนทั้งเย่อหยิ่งและก้าวร้าว บนใบหน้ามีรอยยิ้มเยือกเย็น

 

 

           “หนานเจวี๋ย…”

 

 

           “คุณเผย กลับมาได้เวลาพอดี รบกวนคุณดูแลผู้หญิงของคุณให้ดีหน่อย อย่าให้มาหาเรื่องฉันตลอดเวลา ฉันไม่มีเวลาว่างเล่นกับเธอขนาดนั้น!”

 

 

           “หนานเจวี๋ย ฉันเปล่า…”

 

 

           “เปล่าเหรอ ฉู่อีอี เธอไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ เธอนึกว่าฉันไม่มีหลักฐานแล้วจะมาหาเธองั้นเหรอ เธอดูถูกฉันเกินไปแล้ว”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอีที่ต้องการจะอธิบายพร้อมเอ่ยปากด้วยความดูถูก ยื่นมือหยิบเครื่องบันทึกเสียงในกระเป๋าออกมา โยนลงไปบนโต๊ะ

 

 

           ใบหน้าของฉู่อีอีซีดขาวไปชั่วขณะหนึ่ง หันมองเผยหนานเจวี๋ยที่มีสีหน้ามืดมน หัวใจของฉู่อีอีสั่นไหว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉู่เจียเสวียนจะเตรียมพร้อมมา…

 

 

 

 

ตอนที่ 303 เธอนึกว่าฉันจะกลัวเธอเหรอ

 

 

           ใบหน้าไร้สีเลือดไปชั่วขณะ กลายเป็นซีดขาว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยืนฟังอยู่ด้านข้าง มองเครื่องบันทึกเสียงที่ฉู่เจียเสวียนโยนลงบนโต๊ะ ริมฝีปากบางๆ เม้มกันเป็นเส้นตรง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉู่อีอีจะทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังเขาอีกแล้ว

 

 

           “ฉู่อีอี เธอยังมีอะไรอยากพูดอีกไหม” เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น สายตาที่มองเธอเปล่งประกายสดใส

 

 

           “ฉัน…”

 

 

           “อีอี ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวผิดหวัง แววตาที่มองฉู่อีอีมีความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย

 

 

           ทำไมตอนนี้เธอถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ทำไม ทั้งๆ ที่เมื่อเธอจิตใจดีมากนี่นา

 

 

           “หนานเจวี๋ย ฉัน…” ฉู่อีอีส่ายหน้า น้ำตาเปล่งประกายอยู่ในดวงตา ในวินาทีนี้เธอไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องอธิบายอย่างไร ได้แต่ก้มหน้าปิดบังดวงตาเอาไว้

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองทั้งสองคนเย็นชา มุมปากยกขึ้นเยาะเย้ย

 

 

           คำถามของเผยหนานเจวี๋ยไม่ได้สำคัญกับฉู่เจียเสวียนเลย เพราะว่าเธอมาที่นี่เพียงเพื่อต้องการความยุติธรรมเท่านั้น

 

 

           “คุณเผย คุณบอกมาสิว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง นางแบบของฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าฉู่อีอีก่อเรื่องเอาไว้ เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องให้คำอธิบายกับฉัน ไม่งั้นอย่าโทษถ้าฉันจะเผยแพร่เรื่องนี้ลงอินเทอร์เน็ตล่ะ”

 

 

           เงียบไปครู่หนึ่ง ฉู่เจียเสวียนพูดต่อ แววตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น “เชื่อว่ากว่าคุณหนูฉู่จะได้เป็นไอดอลสาวได้อย่างวันนี้มันไม่ง่ายเลย หากเรื่องถูกเปิดโปงไปสู่สาธารณชน งั้นเขาก็อย่าคิดที่จะไปไหนมาไหนในวงการบันเทิงอีกเลย”

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน เธออย่ามารังแกกันให้มันมากไปนะ!” ฉู่อีอีเงยหน้าขึ้น จ้องเธอด้วยความโมโห เธอคิดไม่ถึงว่าเธอจะข่มขู่เธอเช่นนี้ อีกทั้งยังทำต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ย นี่มันน่าขายหน้ายิ่งกว่าการตบหน้าเธอเสียอีก           “รังแกกันเหรอ ฉู่อีอี เธอกรุณาพูดให้ชัดเจนด้วย ตลอดเวลามานี้เธอทำอะไรลับหลังตั้งมากมาย เธอคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ เหรอ ฉันจะบอกเธอให้ ฉันก็แค่ไม่อยากคิดบัญชีกับเธอเท่านั้น!”

 

 

           “เธอนึกว่าด้วยสถานะของฉันตอนนี้ ฉันจะกลัวเธองั้นเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเข้าใกล้ฉู่อีอี ลมหายใจเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น ทำให้เผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน

 

 

           เขาไม่เคยเห็นฉู่เจียเสวียนที่ก้าวร้าวเผด็จการเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เธอก็ดูเหมือนดวงดาวที่ส่องประกายแพรวพราว ทำให้เขาละสายตาไม่ได้

 

 

           ฉู่อีอีถูกความเย่อหยิ่งก้าวร้าวของฉู่เจียเสวียนบีบจนถอยร่นไปข้างหลัง หลบไปแอบด้านหลังเผยหนานเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว

 

 

           ยื่นมือที่เย็นเฉียบออกมา ดึงๆ แขนเสื้อของเผยหนานเจวี๋ยเบาๆ เงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ยด้วยท่าทางน่าสงสาร

 

 

           เธอถูกฉู่เจียเสวียนรังแกถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาถึงไม่ช่วยเธอ ปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนคนเลวทำให้อัปยศอดสูตามใจชอบ ทั้งๆ ที่ในใจโมโหจนทนไม่ได้ แต่ว่าเธอยังต้องอดกลั้นไม่สามารถแสดงออกไปได้ ทำท่าทางอ่อนแอ

 

 

           เธอรู้ดีว่าในเวลานี้ เธอทำได้เพียงแสดงความอ่อนแอจึงจะสามารถได้รับการปกป้องจากเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “หนานเจวี๋ย…” เสียงที่เล็กลีบเหมือนยุงดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าฉู่อีอีสะอื้นน้อยๆ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ จนกระทั่งเสียงของฉู่อีอีดังขึ้น จึงดึงความรู้สึกของเขากลับมา

 

 

           “อีอี ขอโทษซะ!” ผ่านไปสักพัก เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยพร้อมหันหน้าไปมองฉู่อีอี

 

 

           ตอนนี้เขาจำเป็นต้องให้ฉู่อีอีขอโทษและสงบอารมณ์ของฉู่เจียเสวียนก่อนถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เจียเสวียนพูดถูก สถานะของเธอในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา

 

 

           อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นความผิดของฉู่อีอีตั้งแต่แรก ในใจไม่อยากช่วยเธอเลย แต่ว่าถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงที่เขาเคยรัก ฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถละเลยได้