ตอนที่ 364

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 364: อาณาจักรแสนวุ่นวาย

 

หลังจากอี้เทียนหยุนจากมา เขาก็ได้มาถึงทวีปเทียนหลงอย่างรวดเร็ว ทวีปเทียนหลงนี้อยู่ติดกับทวีปตี้จิ่ง ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้เวลานานมาก ก็มาถึงทวีปเทียนหลงได้อย่างราบรื่น

 

“ไม่รู้ว่าเริ่นจื่อโหรวตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว”

 

เขานึกถึงภารกิจต่อเนื่องเมื่อก่อนหน้า หลังจากที่ได้ลิ้มลองรสหวาน เขาก็รู้ว่าค่าประสบการณ์ที่ได้จากภารกิจชนิดนี้นั้นสูงมาก ถ้าสามารถทำสำเร็จ ก็จะได้รับรางวัลมหาศาลอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็ตรวจดูภารกิจที่ได้มาเมื่อคราวก่อนเล็กน้อย

 

“ภารกิจลับ “ช่วยเหลือองค์หญิงแห่งอาณาจักร” เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 1 ล้าน, ค่าความชอบของเริ่นจื่อโหรวเพิ่มขึ้น 200, ฉายา เทพพิทักษ์อาณาจักร, หมายเหตุ : ไม่ว่าจะเลือกช่วยหรือไม่ ก็จะมีผลต่อความเป็นไปของภารกิจ”

 

นี่เป็นภารกิจที่เขาได้มาเมื่อคราวก่อน แต่ว่าจะไปที่ไหน ทำยังไงนั้น ระบบไม่ได้บอก มีเพียงแต่เขาหาเริ่นจื่อโหรวพบเท่านั้น ถึงจะทำภารกิจนี้ต่อได้

 

แม้ว่าจะไม่มีการบอกทาง แต่แค่รู้ว่าอยู่ในอาณาจักรเทียนหลงก็พอแล้ว หากไปถึงที่นั่น แน่นอนว่าต้องหาพบอย่างแน่นอน

 

ภายใต้การบินของเขา เขาก็ได้มาถึงทวีปเทียนหลงอย่างรวดเร็ว ที่นี่ร่ำรวยกว่าทวีปตี้จิ่ง พลังวิญญาณก็หนาแน่นกว่า พูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับทวีปใต้พิภพเลย พลังวิญญาณที่หนาแน่นนี้ คือหนึ่งในตัวเลือกที่จะก่อตั้งอาณาจักรขึ้น

 

และเมื่อเขาบินมาถึงที่แห่งนี้ เขาก็พบว่าที่นี่นั้นวุ่นวายอย่างมาก ในช่วงที่บินผ่าน เขาสามารถเห็นกองโจรจำนวนมากกำลังปล้นชิงอยู่ หากว่าอยู่ในระยะของเขา เขาก็จะบินลงไปช่วยกำลังจัดโจรพวกนี้ แต่นี่ก็เป็นเพียงความสงบสุขเพียงชั่วคราวของหมู่บ้านเหล่านี้เท่านั้น

 

“ขอบคุณผู้กล้า ขอบคุณผู้กล้า”

 

ชาวบ้านต่างก็พากันคุกเข่าคำนับอี้เทียนหยุน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ทรัพย์สมบัติและผู้คนของหมู่บ้านนี้ เกือบจะถูกปล้นชิงไปแล้ว

 

“ไม่เป็นไร แต่ข้ามีเรื่องอยากจะถาม? คนของอาณาจักรเทียนหลง ไม่มีใครออกมาจัดการเลยเหรอ?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาได้ยินมาก่อนแล้วว่าที่นี่ค่อนข้างวุ่นวาย แต่ไม่คิดว่าจะวุ่นวายขนาดนี้

 

“ตอนนี้อาณาจักรเทียนหลงกำลังเกิดเรื่องใหญ่ พวกเขาจะเอาเวลาที่ไหนมาช่วยพวกเรา? โอ้ นี่แหละความลำบากของคนธรรมดาอย่างพวกเรา”

 

“ใช่ อาณาจักรเทียนหลงตอนนี้กำลังเกิดเรื่องใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็มีการเรียกกองกำลังคุ้มกันที่คอยคุ้มกันรอบๆ กลับ ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยพวกเรา”

 

“พวกเราวางแผนว่าจะอพยพไปยังทวีปตี้จิ่ง เพราะไม่รู้จะดำรงชีวิตต่อไปยังไงในที่แห่งนี้”

 

พวกเขาพากันส่ายหัว สิ้นหวังในตัวอาณาจักรเทียนหลง หากพวกเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อ คงได้แต่รอความตายเท่านั้น ที่นี่เกิดการปล้นชิงอยู่บ่อยครั้ง ถูกช่วยไว้ครั้งเดียวไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

 

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะคับขันมากจริงๆ” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็บินจากมา อย่าว่าแต่จะให้อาณาจักรเทียนหลงช่วยเขาเลย แค่อาณาจักรเทียนหลงเอาตัวให้รอดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

 

จากนั้นเขาก็บินผ่านหลายเมือง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมืองเหล่านี้ไม่มีปัญหา เพราะมีผู้ฝึกตนอยู่ ทำให้เมืองเหล่านี้ยังมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนคนธรรมดาที่อยู่ภายนอกนั้นต่างกัน แค่ไม่มีผู้ฝึกตนไปหาเรื่องก็ถือว่าดีมากแล้ว

 

“แม้ว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดี แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าวุ่นวายไปหมดทุกที่” อี้เทียนหยุนในตอนนี้ได้มาถึงยังเมืองหลวงแล้ว ในตอนนี้ที่ต้องทำตอนแรกคือสอบถามสถานการณ์ของอาณาจักรเทียนหลงก่อน ดูว่าพอจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง เพราะข้อมูลของเหล่าชาวบ้านนั่น ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย

 

เมื่อเขาเงยหน้าดู เขาก็พบกับประตูเมืองขนาดใหญ่ บนนั้นมีแผ่นป้ายเขียนไว้ว่า “เมืองหลงเหว่ย!”

 

และในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปในเมือง ก็ได้มีผู้คุ้มกันเข้ามาขวางในทันที พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดขึ้นมาว่า “ค่าเข้าเมือง 10 เศษหินวิญญาณ!”

 

“10 เศษหินวิญญาณ?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว ราคานี้ไม่ใช่ต่ำๆ เลย แม้สำหรับเขาจะไม่ใช่ปัญหา แต่ภายในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้ 10 เศษหินวิญญาณถือว่าแพงมาก

 

“หากไม่จ่ายก็ไสหัวออกไป แค่ 10 เศษหินวิญญาณยังจะลังเลอีก!” เมื่อผู้คุ้มกันเห็นว่าอี้เทียนหยุนนิ่งไปก็รีบพูดออกมาอย่างใจร้อน

 

อี้เทียนหยุนหยิบหินวิญญาณออกมาจ่ายให้กับผู้คุ้มกันคนนั้น หลังจากผู้คุ้มกันได้รับก็พูดอย่างยิ้มเยาะว่า “ตอนนี้ราคาเพิ่มแล้ว ต้องจ่าย 15 เศษหินวิญญาณ ยังขาดอีก 5 เศษหินวิญญาณ!”

 

อยู่ๆ ก็ขึ้นราคา ทำให้ดวงตาของอี้เทียนหยุนมีแสงเย็นชาวาบขึ้นมาทันที เขาไม่พูดอะไร แต่หยิบเศษหินวิญญาณอีก 5 อันส่งให้กับผู้คุ้มกันคนนั้น

 

“ดี ดี เชื่อฟังดี ไปได้!” ผู้คุ้มกันคนนั้นยิ้ม บอกให้เขาเข้าไป

 

อี้เทียนหยุนก้าวเท้าเดินเข้าไป ไม่คิดจะไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้คุ้มกันคนนั้นอีก หลังจากเขาเดินไปแล้ว ผู้คุ้มกันทั้งสองก็พากันหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าๆ เจ้าหนูนั่นกลัวจนต้องยอมจ่าย 15 เศษหินวิญญาณ วันนี้พวกเรามีเงินไว้ดื่มกันแล้ว!”

 

“ใช่แล้ว ข้างนอกวุ่นวายอย่างหนัก พวกมันยังจะกล้าไม่ยอมจ่ายอีกเหรอ? ที่นี่คืออาณาเขตของพวกเรา ถ้าเก่งจริงก็คงไม่เข้ามาหรอก!”

 

พวกเขาพากันหัวเราะ ขณะที่สายตาเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ

 

“เจ้าหนู ดูอะไร จ่ายมา 20!” ผู้คุ้มกันจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่เตรียมจะเข้าเมืองอย่างดุร้าย

 

“อะไรนะ? 20 ไม่ใช่เมื่อก่อนอย่างมากก็แค่ 6 หรอกเหรอ?”

 

“ข้าบอกว่า 20 ก็ 20 สิ ถ้าเก่งจริงก็ไม่ต้องเข้ามา!” ผู้คุ้มกันพวกนั้นหัวเราะ

 

“ข้า ข้า….”

 

เด็กหนุ่มคนนั้นถูกผู้คุ้มกันพวกนั้นทำให้กลัวจนต้องถอยออกมาหนึ่งก้าว แต่สุดท้ายก็ยอมควักเงินออกมาจ่ายแต่โดยดี แต่ในขณะที่เขาเตรียมจะจ่ายเงินอยู่นั้น อยู่ๆ ผู้คุ้มกันทั้งสองก็ “ปัง” ปลิวกระเด็นออกไป พร้อมกับร้องโหยหวนออกมา ก่อนที่จะแน่นิ่ง ไม่สามารถขยับตัวได้

 

ฉากนี้ทำให้ผู้คนรอบๆ พากันตกใจ พร้อมกับเบิกตากว้างมองดูผู้คุ้มกันทั้งสองกระเด็นไป เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก

 

ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ฉวยโอกาสนี้ลอบเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ เนื่องกลัวว่าจะเป็นการนำปัญหามาสู่ตน

 

ขณะเดียวกัน ที่กำแพงเมืองอีกฝั่ง ก็ได้ปรากฏร่างของอี้เทียนหยุนขึ้น

 

“นี่สำหรับเงินที่พวกเจ้าโกงไป!” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มเย็นๆ ออกมา คนที่กล้าหาเรื่องเขาไม่เคยมีจุดจบที่ดี หากมองดูเผินๆ เมืองนี้ถือเป็นเมืองที่มั่งคงเมืองหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น

 

ผู้คุ้มกันพวกนี้จะชั่วร้ายเกินไปแล้ว ตั้งราคาเอาตามใจ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ภายนอกวุ่นวาย ก็พากันขึ้นราคา เห็นว่าใครขัดตาก็เพิ่มราคาอีก หากเก่งจริงคงไม่มีใครอยากเข้ามา สำหรับค่าผ่านประตูนั้น คนภายนอกจะไม่รู้ได้ยังไง

 

หลังจากนั้นเขาก็มองหาร้านอาหาร พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มมากิน ที่นี่เป็นที่ที่เหมาะสำหรับหาข่าวที่สุด เนื่องจากชุมนุมไว้ด้วยผู้ฝึกตนจำนวนมาก สามารถลอบฟังข่าวสารได้อย่างง่ายดาย

 

และเพิ่งจะนั่งลง เขาก็พลันได้ยินเสียงพูดคุยดังมา

 

“เมืองหลวงเดี๋ยวนี้วุ่นวายยิ่ง ได้ยินว่าองค์หญิงกลับมาแล้ว ทำให้เกิดการปะทะกันของสองกองกำลัง”

 

“องค์หญิงกลับมาแล้วเหรอ? เป็นองค์หญิงองค์นั้นจริงๆ? แต่ว่ากลับมาตอนนี้จะได้อะไร พี่ชายของเธอก็ตายไปแล้ว แล้วจะมีขุมอำนาจไหนที่กล้าหนุนหลังเธอ?”

 

“อันนี้ก็ไม่แน่ใจนะ แต่ว่ามีหลายขุมอำนาจที่เลือกจะยืนข้างเธอ ยังไงก็ตาม สถานการณ์นี้ก็ไม่ได้แปลกเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้คนที่มีชื่อเสียงที่สุดคืออัครเสนาบดีหลง การที่องค์หญิงกลับมาเช่นนี้ หมายความว่าเธอจะขึ้นเป็นจักรพรรดินีอย่างงั้นเหรอ?”

 

“เธอกลับมาอย่างนี้ ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือยังไง?”

 

“ใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เป็นโลกของอัครเสนาบดีหลงแล้ว การที่องค์หญิงกลับมาแล้วคิดจะเป็นผู้ควบคุมอาณาจักร ก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับอัครเสนาบดีหลงเสียก่อน ข้าว่าองค์หญิงคงมีชีวิตได้อีกไม่นาน”

 

“อย่าพูดดังไป หากมีคนได้ยินเข้า มันจะเป็นเรื่องเอาได้!”

 

อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว ไม่แปลกที่พี่ชายของเริ่นจื่อโหรวจะไม่กลับไปหาเธอ ที่แท้ก็ตายไปแล้วนี่เอง!