ตอนที่ 231 คนเมา 

 

 

 

 

 

เพราะดื่มเหล้าไป คืนนี้เฉินยางนอนอย่างสงบ เฝิงเยี่ยไป๋เฝ้านางทั้งคืน ยังดีที่ไม่มีท่าทางจะอ้วก เพียงแต่ฟังนางพูดละเมออยู่ทั้งคืน ตอนแรกยังพอฟังเข้าใจอยู่ ตอนหลังที่พูดออกมา ก็เหมือนกัดมะเขือร้อนอยู่ในปากเช่นนั้น บ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์ เพียงแต่ฟังแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคำพูดดีๆ ที่สื่อความในใจ 

 

 

วันรุ่งขึ้นพอตื่นขึ้นมา นางก็เริ่มได้รับบทเรียนแล้ว ในหัวหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินวางอยู่ แถมยังรู้สึกคลื่นไส้ ลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกเวียนหัว หัวไม่ได้ปวด เพียงแต่เป็นเช่นนี้แล้วสู้ปวดหัวไปเลยเสียยังจะดีกว่า นางฝืนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองท้องฟ้าที่อยู่ข้างนอก โอย ดูพระอาทิตย์นั่น ใกล้จะเที่ยงแล้วกระมัง ป่านนี้แล้วนางยังไม่ได้เข้าวังอีก กลับไปแล้วไทเฮาจะไม่ฆ่านางหรือ 

 

 

นางไหนเลยจะยังกล้าชักช้า ต่อให้ไม่สบายเพียงไรก็ต้องฝืนทนเอาไว้ ยังไม่ทันได้วิ่งออกไป เฝิงเยี่ยไป๋ก็กลับมาแล้ว มองนางด้วยสายตาแปลกๆ แล้วลากนางกลับไป พูดว่า “เช้าขนาดนี้เจ้าจะไปไหนกัน” 

 

 

แต่เดิมเฉินยางก็เวียนหัวอยู่ พอถูกเขาลากกลับมาก็หมุนตัวไปรอบหนึ่ง ก้าวเท้าไม่มั่นคง เกือบจะชนเข้ากับมุมโต๊ะ ยังดีที่เฝิงเยี่ยไป๋คว้านางเอาไว้ทัน แล้วออกแรงดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก้มศีรษะดมที่ตัวนาง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยท่าทางรังเกียจว่า “เจ้าดมตัวเองดู เจ้ามีกลิ่นอะไรอยู่บนตัว เหม็นจริงๆ” 

 

 

นางก็ก้มศีรษะลงไปดมจริงๆ กลิ่นเหม็นที่บ่มมาทั้งคืนจะมีกลิ่นที่ดีได้อย่างไร ตัวเองดมแล้วยังรู้สึกรังเกียจเลยด้วยซ้ำ จึงรีบดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา ยืนเหม่อลอยอยู่นานถึงได้พูดว่า “ท่านบอกว่าพอฟ้าสว่างก็จะพาข้ากลับวัง ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว” 

 

 

ความหมายคือนางโทษที่เขาไม่ได้ปลุกนางหรือ เฝิงเยี่ยไป๋เดินทอดน่องไปที่หน้าต่าง แล้วบิดผ้าเปียกส่งให้นาง “เจ้ายังมีหน้ามาบ่นข้าอีกหรือ เมื่อคืนเป็นใครกันที่กอดไหเหล้าไว้แล้วบอกว่าอร่อย กล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ดื่มเสร็จแล้วยังก่อเรื่องไปทั่วอีก เมาจนเละไม่เป็นท่า ตอนเช้าข้าเรียกเจ้าไปแปดร้อยรอบ นอนอุตุเหมือนหมู เจ้าไม่ตื่นเอง ตอนนี้เลยเวลากลับวังแล้วจะมาโทษข้าหรือไร” 

 

 

นางอ้าปากค้าง ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “ข้าเมาแล้ว แถมยังก่อเรื่องอีกอย่างนั้นหรือ” พูดจบนางก็ทุบศีรษะตัวเอง ถอนหายใจทั้งโกรธทั้งเสียใจว่า “อา…ข้าลืมไปว่าวันนี้ต้องกลับวัง กลับไปตอนนี้คงยังไม่สายกระมัง พวกเรารีบไปเถิด กลับไปขออภัยโทษกับไทเฮาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้ว” 

 

 

ลำพังพูดถึงแค่เรื่องที่เมาจนก่อเรื่องนางก็ร้อนรนแล้ว นางจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ และไม่รู้ด้วยว่าได้หลุดพูดอะไรออกไปหรือไม่ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางแตะเหล้า จะรู้ได้อย่างไรว่านางเมาแล้วจะพูดจาเพ้อเจ้อหรือไม่ หากเผลอพูดเรื่องที่ถูกทางไทเฮาตีนั้นออกมาโดยไม่ตั้งใจ เช่นนั้นแล้วความยากลำบากที่ตัวเองฝืนทนมาก่อนหน้านี้จะมีประโยชน์อะไร ไม่เสียเปล่าหมดเลยหรือ 

 

 

นางสังเกตสีหน้าของเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยความระมัดระวัง โต๊ะที่อยู่ข้างหน้าต่างนั้นมีกิ่งหลิววางอยู่ ยังมียาที่ผสมฝูหลิง[1]อยู่ไหหนึ่ง นางหยิบกิ่งหลิวจุ่มยาฝูหลิงแปรงฟันอย่างละเอียด แปรงเสร็จแล้วก็ล้างหน้า ยืนตัวสะอาดอยู่หน้าเขา แล้วฉีกยิ้มยิงฟัน เผยฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวอย่างสวยงาม 

 

 

เพียงแต่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่หลงกลนาง ตั้งแต่เช้าก็มีคนใช้มาส่งอาหารเช้า เพียงแต่นางตื่นสาย เขาจึงได้ออกไปเรียกคนนำชุดใหม่มาให้ เขาตักข้าวต้มไปพลางยิ้มอย่างเย็นชาไปพลางว่า “ยังจะกลับไปที่นั่นทำไมอีก กลับไปให้พวกเขาตีต่อหรือ ตัวเจ้าเล็กขนาดนี้ จะมีกี่ชีวิตพอให้พวกเขาทรมานได้” 

 

 

—— 

 

 

[1] ฝูหลิงหรือโป่งรากสน (茯苓) สมุนไพรจีน มีสรรพคุณช่วยขับน้ำ ขับเสมหะ บำรุงม้าม ช่วยในการนอนหลับ รักษาอาการท้องเสียและขับความชื้นได้ดี