ตอนที่ 554 - แผนการของบรรดาลูกรักพระเจ้า

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.554 – แผนการของบรรดาลูกรักพระเจ้า

ฉินเฟิงมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในใจเขา

ชายคนนั้นถูกจับโยนออกไปอย่างแรง แหวกผ่านพลังงานมวลน้ำอันหนาแน่นจนกระอักเลือดออกมา แม้ต้องการแหวกว่ายหลบเลี่ยง แต่ก็ไม่อาจทำ เพราะเมื่อเข้าไปใกล้ ราวกับถูกดึงดูดโดยอะไรบางอย่าง ดิ่งลึกเข้าถึงระยะของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์

จากนั้น ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์คล้ายตอบสนองต่อการมาเยือนของชายดังกล่าว มันเริ่มเกิดการหลอมละลาย ตัวเกราะกลายเป็นของเหลวสีเงินขาว แหวกว่ายไปตามกระแส เข้าห่อหุ้มร่างของผู้มาเยือนทันที

ไม่ถึงลมหายใจ เกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อหุ้มก็เริ่มเปล่งแสงสว่าง

“อ๊ากกกกก”

ชายคนนั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ฟังจากเสียงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทรมานมากแค่ไหน

และฉินเฟิงเองก็ทราบเช่นกัน ว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร

เพราะในตอนที่เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรองลงบนมือ ตนก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน นี่เรียกว่ากระบวนการอาบพลังงาน และแม้ว่าลูกรักของพระเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เซลล์ในร่างกายยังคงมีขัดจำกัด

กระบวนการนี้ ถ้าจะให้อธิบายก็เหมือนกับการเติมน้ำลงไปในลูกโป่ง ตอนแรกก็ไม่เป็นไร แต่หากเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ จนลูกโป่งรับไม่ไหว สุดท้ายก็แตก

แล้วก็เป็นอย่างที่ฉินเฟิงว่าไว้จริงๆ ลูกรักของพระเจ้าคนนั้น ฝืนทนได้เพียง 5 วินาที สุดท้ายก็โผล๊ะ! ตัวแตกระเบิดกระจุย!

รอบเกราะศักดิ์สิทธิ์ บังเกิดหมอกเลือดลอยฟุ้ง แต่ไม่นาน หมอกเลือดก็ถูกกลืนไปกับมวลพลังงาน จางหายมิอาจมองเห็นได้อีกเลย เหลือทิ้งไว้เพียงชุดเกราะและอุปกรณ์รูนมิติ ลอยกองอยู่รอบๆเกราะศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเสริมประกายทางช้างเผือกให้ดูระยิบระยับยิ่งกว่าเดิม

กลุ่มลูกรักของพระเจ้าที่มุงอยู่รอบๆ พากันสูดหายใจลึก

พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้

พลังงานที่อัดแน่นอยู่ภายในเกราะศักดิ์สิทธิ์ มหาศาลจริงๆ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งแรกจบลง ฉินเฟิงคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกไปอีก แต่เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงประเมินมันสมองของลูกรักพระเจ้าคนอื่นๆต่ำไป

“เหล่าหุ่นเชิดเอ๋ย ถึงเวลาแล้ว จงเสียสละชีพ ช่วยลดทอนพลังงานของเกราะศักดิ์สิทธิ์ ให้มันตกเป็นของฉัน!”

สิ้นเสียง ร่างที่ดวงตากลายเป็นว่างเปล่า พลันกระโจนเข้าไปในรัศมีของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทันที

ฉินเฟิงหันหัวตาม มองไปยังเจ้าของเสียง

ปรากฏว่าเป็นปีศาจเสพวิญญาณ ทั้งยังมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C4

และ ‘กุ่ย’ คือชื่อของปีศาจเสพวิญญาณตนนั้น

ช่วงเวลานี้ รอบกายปีศาจเสพวิญญาณ มีลูกรักของพระเจ้ามารวมตัวกันมากถึง 300 คน คนเหล่านี้ ตอนแรกก็ปกติดีอยู่หรอก แต่ปัจจุบัน ดวงตาของพวกเขากลับเลื่อนลอย ทั้งยังกลายเป็นสีดำสนิท

เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดถูกครอบงำโดยปีศาจเสพวิญญาณ และการครอบงำนี้ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับปีศาจเสพวิญญาณตัวที่ฉินเฟิงเคยพบเจอในครั้งก่อนๆ เบื้องหน้าเขา คือปีศาจเสพวิญญาณระดับสูง มันสามารถแบ่งแยกจิตวิญญาณของตัวเอง ให้เข้าไปสิงในร่างกายของเป้าหมายหลายๆคนพร้อมกันได้

และปีศาจตนนี้ สามารถครอบงำคนได้มากกว่า 300 คนในหนึ่งลมหายใจ นี่ถือว่าน่าตกใจมากจริงๆ

–ต้องยอมรับเลยว่ามันคือหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาลูกรักของพระเจ้าอย่างแท้จริง!

กุ่ยควบคุมตัวแทนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ บังคับให้คนแล้วคนเล่ากระโจนเข้าหาเกราะศักดิ์สิทธิ์ พวกที่ถูกครอบงำไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด แต่ค่อนข้างชัดเจนว่ามิได้แข็งแกร่งเช่นกัน

เมื่อเกราะศักดิ์สิทธิ์หลอมละลาย และสัมผัสกับร่างที่ตรงเข้าหา พวกเขาฝืนได้เพียง 3 วินาทีเท่านั้น ร่างกายมิอาจทานทน ตัวแตกระเบิดตาย และคราวนี้กลายเป็นขี้เถ้า ไม่หลงเหลือแม้อุปกรณ์รูนที่สวมใส่!

อย่างไรก็ตาม จู่ๆกุ่ยก็หยุดมือ มันส่งเสียงหัวเราะเย็นชาผ่านพลังสมาธิกระจายออกมา

“ยังไงกัน? นี่ทุกคนคิดจะตั้งใจดูกันอย่างเดียวรึไง? ถ้าให้ฉันลงมือคนเดียว แล้วถูกคนอื่นเอาเปรียบ ช่วงชิงผลประโยชน์ไปล่ะก็ ฉันไม่ทำหรอกนะ”

สองคิ้วของฉินเฟิงขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์นี้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขา ดูเหมือนว่าปีศาจเสพวิญญาณมีการตกลงร่วมมืออะไรบางอย่างกับคนอื่นๆไว้ก่อนแล้ว แต่ฉินเฟิงยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

ในเวลานั้นเอง อีกเสียงหนึ่งถูกส่งผ่านออกมา

“งั้นต่อไปตาฉันแล้วกัน”

ชายในชุดคลุมดำเหยียดแขนออก ชี้ไปทางใครบางคน ทันใดนั้นสายตาของคนที่ถูกชี้ พลันสูญสิ้นประกาย กระโจนเข้าหาเกราะศักดิ์สิทธิ์ทันที

ฉินเฟิงจ้องค้าง เพราะแขนและมือที่อีกฝ่ายยกขึ้นมันเลิกชายเสื้อออกมา ปรากฏว่าจริงๆแล้วทั้งหมดเป็นเพียงกระดูก

นอกจากนี้ อีกฝ่ายเองก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืดเช่นกัน

‘มันคือเผ่ากระดูกวิญญาณ’

เผ่าพันธุ์พิเศษนี้ เป็นการดำรงอยู่ที่เชี่ยวชาญในด้านอบิลิตี้

เผ่ากระดูกวิญญาณตนนี้ ทำการยึดครองร่างของคนๆหนึ่ง สั่งการให้ตรงเข้าหาเกราะศักดิ์สิทธิ์ แต่อีกฝ่ายทนได้แค่ 6 วินาที ก็ระเบิดตัวแตก ตายไปโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ราวกับเป็นเรื่องปกติไม่ผิดแผกใดๆ ผู้แข็งแกร่งย่อมมีอำนาจควบคุมชีวิตของผู้อ่อนแอ ลูกรักของพระเจ้าคนอื่นๆ ก็เริ่มใช้วิธีเดียวกัน เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่า 4 – 5 คนกระโจนเข้าหาเกราะศักดิ์สิทธิ์ และทั้งหมดถูกควบคุมโดยคนอื่นๆ

แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงเซอร์ไพรส์ที่สุดก็คือ กระทั่งไป่หยู ยังฉีกยิ้มหวานกะทันหัน ปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป

“พวกคุณ เต็มใจที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อฉันไหม?”

สหายร่วมทีมที่ติดตามเธอมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ จากแต่เดิมมีท่าทีรู้สึกหวาดกลัวกับฉากตรงหน้า บัดนี้ เมื่อได้ยินเสียงของไป่หยู แววตาของคนเหล่านั้น ทั้งหมดกลายเป็นบ้าคลั่ง ไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อยว่า ตอบตกลงทันที

“แน่นอน!”

“เพื่อผลประโยชน์ของเธอ ฉันยอมถวายชีวิต!”

“ชีวิตของฉัน ได้เธอช่วยเอาไว้ ดังนั้นถ้าเธออยากได้ ฉันขอมอบมันคืน!”

ไป่หยูหัวเราะฮี่ๆ ขณะนี้เธอไม่จำเป็นต้องปลอมพลังสมาธิให้ดูอ่อนโยนอีกต่อไป ชี้ไปทางชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์โดยตรง

“งั้นก็รีบไปตายซะสิ!”

หลากหลายร่างโยนตัวเองตรงเข้าหาเกราะศักดิ์สิทธิ์ทันที

ช่วงเวลานี้ ไป๋หลีใช้ประโยชน์จากจังหวะที่คนอื่นๆไม่ทันสังเกตเห็น กลับมายืนข้างกายฉินเฟิง มองไปยังการแสดงออกที่ค่อนข้างดูตกตะลึงของเขา เธอกล่าว “คนพวกนี้ได้รับการช่วยเหลือโดยรูนแสงของไป่หยู แต่เมื่อรักษาหายแล้ว อักษรรูนกลับยังคงอยู่ในร่างกายของพวกเขา ฝังตัวรอคอยจังหวะปลุกเร้าอารมณ์ให้เกิดความรู้สึกเชื่อมั่นผู้หญิงคนนี้สุดหัวใจ”

“นี่คงจะเป็นอบิลิตี้ที่ทำให้เกิดความสับสน” หน้าผากของฉินเฟิงขมวดจนแน่น

รูนธาตุแสง ไม่คาดคิดเลยว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์แบบนี้ได้ด้วย

“อืม ในมิติอื่นๆ เทคนิคนี้ถูกเรียกว่าวาจาประกาศิต คนที่เป็นศัตรู จะถูกควบคุมโดยวาจาประกาศิต ในขณะที่มิตรสหาย จะได้รัับการรักษาโดยวาจาประกาศิต ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิธีการปลดปล่อยของตัวผู้ใช้อบิลิตี้ แน่นอน ว่าความสามารถนี้ อย่างน้อยก็เป็นอบิลิตี้ระดับ A ”

‘หมายความว่าจริงๆแล้วในบรรดาคนพวกนี้ ยังมีอยู่มากที่เลือกเก็บไพ่ไว้ในมือ ไม่ยอมปล่อยมันออกมาจนวินาทีสุดท้าย’

ระหว่างขบคิด ลูกรักของพระเจ้ารอบตัวฉินเฟิง ทั้งหมดตื่นตัว เริ่มระมัดระวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เห็นได้ชัดว่าลูกรักของพระเจ้าพวกนี้ นัดกันล่วงหน้ามาก่อน

ฉินเฟิงดึงไป๋หลีออกไป ใครจะรู้ว่าคนเหล่านั้น จะหันมาสนใจเขาและเธอเมื่อไหร่ก็ได้

ในจังหวะนั้นเอง พลังสมาธิยังคงแพร่กระจาย ส่งต่อบทสนทนาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ

“สารเลว! ไอ้พวกนี้ดูเหมือนจะวางแผนกันมาก่อนแล้ว”

“เป็นไปได้รึเปล่า ว่าครั้งนี้ เกราะศักดิ์สิทธิ์จะถูกพวกมันคว้าไปได้จริงๆ?”

“ครั้งนี้มีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี บางทีกลยุทธ์ของเจ้าพวกนี้ อาจจะสำเร็จจริงๆก็ได้”

“แบบนั้นฉันไม่ยอม! พวกเราจะปล่อยเกราะศักดิ์สิทธิ์ให้พวกมันไม่ได้ ลงมือกันเลยไหม?”

“อย่าเพิ่ง รอก่อน คอยหาจังหวะดีๆ สุดท้ายผู้ชนะอาจเป็นพวกเราก็ได้!”

พวกลูกรักของพระเจ้าที่คิดเช่นนี้ มีอยู่มากมาย

ฉินเฟิงเองก็รู้ แม้คนเหล่านี้จะใช้วิธีดังกล่าว แต่พลังงานของเกราะศักดิ์สิทธิ์มีมากเกินไป มันได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ไปแล้ว ต่อให้วิธีนี้ได้ผล ผู้คนที่ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งหมดก็จะกระโจนเข้าแก่งแย่งกันทันที

“แม้นี่จะไม่เหมือนกับที่ฉันคิดว่า แต่ผลลัพธ์คงไม่ต่างกัน”

ดวงตาของฉินเฟิง กระพริบไหวแวววาว

เพราะอย่างที่เคยบอกไป ฉินเฟิงแม้ไม่ปรารถนาในเกราะศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาต้องการพลังงานที่อยู่ในตัวมัน

‘ถ้าเข้าไปสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าจะสามารถดูดกลืนพลังงานของมันได้เท่าไหร่ จะมากพอจนใช้ต่อกรกับศัตรูนับหมื่นโดยลำพังได้ไหม?’

แม้ยังขบคิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หัวใจของฉินเฟิงได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว

ว่าแทนที่จะปล่อยให้คนพวกนี้ทำลายพลังงานให้หายไปเรื่อยๆ เหตุใดตนจึงไม่ชิงตัดหน้าก่อนเล่า?

ไฮริชไฮรีเทิร์น อยากร่ำรวยก็ต้องเสี่ยงเป็นธรรมดา ฉินเฟิงทราบดี ว่าหากดูดซับพลังงานภายในเกราะศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของตนคงพุ่งทะยานถึงชั้นฟ้า!

วินาทีต่อมา ฉินเฟิงผละมือจากไป๋หลี พุ่งตรงไปยังทิศทางของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์

ขณะเดียวกัน ภายในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ร่างของลูกรักพระเจ้าที่โดนควบคุมตัวระเบิดแตกแหลกเป็นชิ้นๆพอดี

ฉินเฟิงใช้ประโยชน์จากช่องว่างในตอนที่ยังไม่มีควบคุมคนอื่นๆให้เข้ามา พุ่งตรงเข้าไป

กว่า 7 – 8 ลูกรักของพระเจ้าที่กำลังควบคุมหมากในมือ เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งหมดต่างตะลึงงัน!