ส่วนที่ 2 ภาคถนนสายนี้ไม่มีผู้มาก่อน ตอนที่ 5 มือของเขาที่ทะลุผ่านผมสีดำของนาง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

น่าเสียดายที่ถึงตอนท้ายสุด รูปภาพบนถาดดาวโชคชะตายังคงพร่ามัว ก็เหมือนสวนโจวในสายตาของนางในตอนนี้

นางมองไม่เห็นโชคชะตาของตัวเอง แม้ขนาดหนทางอันน้อยนิดก็ยังไม่มี แต่ในจุดหนึ่งของรูปภาพรูปนั้น นางมองเห็นร่องรอยสีเทาบางอย่าง

มองเห็นโชคชะตาของคนอื่น ง่ายกว่ามองเห็นโชคชะตาของตัวเองอยู่เสมอ

นางมองไปยังเฉินฉางเซิงที่สลบอยู่ คิดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมระหว่างคนนี้และตัวเองถึงมีความเชื่อมโยงกัน? เป็นแค่เพราะว่าตัวเองช่วยเขาไว้หรือ? เพียงแต่ร่องรอยของคนนี้มืดหม่นเช่นนี้ มองไม่เห็นโอกาสการมีชีวิตใดๆ ก็เหมือนที่ยืนยันไว้ก่อนหน้านี้ที่ในดงต้นอ้อ ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ คนนี้ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

‘ขอเพียงเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะพยายามให้เจ้ามีชีวิตอยู่ แต่ว่า…ถ้าเจ้าถูกกำหนดไว้ว่าต้องตาย ขอให้เจ้าตายเร็วกว่านี้ได้ไหม ตัวเองตายไป ก็อย่าดึงข้าไปตายด้วย’

นางมองเฉินฉางเซิงพลางคิด

ทางถอยหนีในถ้ำภูเขา กลับไม่มีทางออกด้านหลัง ปราณแท้ของนางแทบจะแห้งแล้ง วิญญาณของหงส์สวรรค์หลับสนิทอีกครั้ง ธนูถงเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งทนทานไม่แตกหักตลอดกาล

บนต้นอู๋ถงที่เขียวมรกต จุดด่างดำที่ปรากฏออกมายิ่งมายิ่งเยอะ เหล่านั้นล้วนเป็นร่องรอยของพิษ

นางก้มหัว นิ้วชี้ของสองมือแตะกันเบาๆ พูดกับตัวเอง “ไม่เป็นไร…มันไม่เป็นไร หรงเอ๋อร์ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

นางในตอนนี้เหมือนกับเด็กผู้หญิงธรรมดา มีความน้อยใจเสียใจบ้าง ในใจลนลานเล็กน้อย

อ่อนแอเพียงแค่ชั่วขณะ น้อยใจก็แค่ชั่วขณะ

จากนั้นสักพัก นางก็สงบลง

นางไม่เคยเป็นเด็กผู้หญิงที่ธรรมดา

นางคือสวีโหย่วหรง

นางเงยศีรษะขึ้นมา นัยน์ตาสว่างไสว

นางตัดสินใจเสี่ยง สังหารคนผู้นี้

เวลายังเคลื่อนคล้อยไหลผ่านอยู่ ไม่ได้เดินห่างไกลไปมาก ธนูถงกลายเป็นต้นไม้เขียว น่าจะยังทนได้นานกว่านี้ แต่จู่ๆ ต้นไม้เขียวก็สลายกลายเป็นจุดแสง หายไปอย่างไร้ร่องรอยที่ปากถ้ำ

นางออกไปยังนอกถ้ำ สองมือวาดกระแสไฟสองสายกลางอากาศ โจมตีไป๋ไห่

ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ลบล้างอุปสรรคสุดท้ายด้วยตนเอง ชิงลงมือโจมตีก่อน นี่เป็นการเลือกที่กล้าหาญและเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง แน่นอนว่ากะทันหันมาก ทว่าตั้งแต่หลังทำการตัดสินใจช่วงชิงเลือดหงส์สวรรค์ที่เกือบจะบ้าคลั่งเมื่อคืนนี้ ไป๋ไห่ก็กระตุ้นพลังจนถึงขีดสุด…ใช่ แม้แต่เขาที่ถูกให้ความเห็นว่าเย็นชากระหายเลือด ก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้บ้าคลั่งมาก นี่ทำให้เขาดีใจและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลับทำให้ตั้งแต่ต้นจนจบเขาควบคุมพลังยุทธ์ให้อยู่ในขั้นสูงสุด เช่นนั้นจึงหาร่องรอยของสวีโหย่วหรงเจอ รวมถึงรับการโต้ตอบของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนี้

ต้นอู๋ถงหายไป พิษที่ยังคงอยู่ด้านบน สลายกลายเป็นฝุ่นละอองเต็มท้องฟ้าปลิวกระจายไปทั่วปากถ้ำ

ฝ่ามือที่สมดุลและแข็งแกร่งของไป๋ไห่ ทะลุฝุ่นละอองเข้าไปปะทะกับกระแสไฟที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์สองสายโดยตรง

เสียงตู้มดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฝุ่นละอองด้านนอกด้านในถ้ำหน้าผายิ่งมากขึ้น จากนั้นเสียงโหยหวนและแตกหักก็ดังขึ้นกลางอากาศ หลงเหลือเพียงเงาสองสายลากยาวเป็นดาวตกหมุนอย่างไม่หยุดหย่อน อุณหภูมิในสนามจู่ๆ ก็สูงขึ้น

กระแสไฟถูกเก็บกลับกะทันหัน สายลมบนฝ่ามือกรรโชกอย่างรุนแรง เงาร่างสายหนึ่งถอยกลับไปในส่วนลึกของถ้ำหน้าผาอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถยืนหยัดได้ กระแทกกำแพงหน้าผาอย่างหนักหน่วง เกิดเป็นเสียงทึบตัน

คนที่ถูกบังคับให้เข้าไปในถ้ำหน้าผาคือสวีโหย่วหรง นางไม่ทันสนใจความเจ็บปวดที่เกิดจากการกระแทก เอามือยื่นไปที่ด้านข้าง

ไป๋ไห่มีหรือจะให้โอกาสนางปรับลมหายใจแล้วทำการป้องกันอีกครั้ง พลันสลายกลายเป็นเงาสีเทาสายหนึ่ง พุ่งมาถึงข้างหน้านาง ศาสตราในมือจู่ๆ ก็ขยายใหญ่สว่างไสว โจมตีธนูถงที่นางเพิ่งถือในมือใหม่จนปลิดปลิว ขณะเดียวกันพลันขยับร่างไปเบื้องหน้า ฝ่ามือที่ผอมแห้งยื่นออกมาราวกับฟ้าแลบ บีบลำคอของสวีโหย่วหรงแน่นขนัด

การต่อสู้สนามนี้จบลงอย่างรวดเร็ว

สวีโหย่วหรงไม่ทำการคัดค้านที่ไร้ความหมายอีก เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้กระอักเลือด สีหน้ากลับขาวซีดกว่าก่อนหน้านี้ อ่อนแออย่างยิ่ง

แม้ในเวลาปกติ ไป๋ไห่ที่บำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบากสองร้อยกว่าปีจนอยู่ในระดับทะลวงอเวจีขั้นปลาย แม้พบเจอนางก็มีพลังในการต่อสู้เพียงพอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ร่างกายของนางบาดเจ็บสาหัส ปราณแท้แห้งแล้งแล้ว

จุดจบสุดท้าย ไม่มีความเหนือคาดใดๆ

ไป๋ไห่กลับยากที่จะเชื่อความจริงนี้เองเล็กน้อย

“เจ้าแพ้แล้ว” เขามองสวีโหย่วหรงพลางพูดด้วยเสียงสั่นนิดหนึ่ง ใบหน้าที่แก่ชราปรากฏสีแดงกระอักกระอ่วนที่ผิดปกติ

นั่นเป็นสาเหตุของความตื่นเต้นดีใจ และก็มีความกลัวกังวลไม่สบายใจเล็กน้อย

หงส์สวรรค์กลับชาติมาเกิด ถูกตัวเองโจมตีพ่ายแพ้อย่างนี้หรือ? ตนเองชนะได้สบายขนาดนี้หรือ?

เขาพูดด้วยความเหลือเชื่อเล็กน้อยว่า “เมื่อคืนเป็นใครกันแน่ ถึงโจมตีเจ้าได้สาหัสเพียงนี้?”

แน่นอนว่าสวีโหย่วหรงไม่ตอบคำถามของเขา สีหน้ายังคงสงบ ราวกับฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บีบคั้นลำคอและชีวิตของตัวเอง

ความไม่สนใจเช่นนี้ทำให้ไป๋ไห่โมโหขึ้นมาอีกครั้ง ตะคอกว่า “ตอนนี้เพียงแค่ข้าขยับนิ้วมือเล็กน้อย เจ้าก็จะตาย ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่สนที่จะพูดคุยกับข้าหรือ?”

สวีโหย่วหรงมองเขาปราดหนึ่งอย่างเงียบๆ ยังคงไม่พูดจา ใช้ความเงียบขรึมในการแสดงความหมายของตัวเอง

ไป๋ไห่โมโหอย่างยิ่งกลับหัวเราะ เสียงประหลาดพิลึก “อย่าคิดว่าเช่นนี้ก็จะกระตุ้นให้ข้าสังหารเจ้า วางใจได้ ข้าให้เจ้ามีชีวิตอยู่แน่ๆ มองเลือดของตัวเองถูกข้าดูดจนหมด”

ในสายตาของสวีโหย่วหรงในที่สุดก็ปรากฏสีหน้าความรังเกียจออกมา

ไม่ใช่หวาดผวา ไม่ใช่กลัว เพียงแค่ขยะแขยง

ร่างกายของไป๋ไห่ขยับไปข้างหน้า มองหน้านาง เสียงสั่นเล็กน้อย พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ใบหน้าของเจ้า…เหตุใดต้องทำเช่นนั้น? ช่างจริงแท้ถึงเพียงนี้”

สวีโหย่วหรงมองใบหน้าใบนี้ที่เร้นเล่ห์และแก่ชรา จู่ๆ รู้สึกสำนึกเสียดายภายหลังเล็กน้อย

“ข้าไม่เคยคิด จะมีสักวันที่ได้ใกล้กับเจ้าระยะประชิด”

ไป๋ไห่มองนัยน์ตาของนางที่สว่างไสวราวน้ำฤดูใบไม้ร่วง หัวเราะด้วยเสียงที่ทำให้คนปวดฟันออกมา “ฮ่าๆ นี่ถือเป็นเกียรติของข้าจริงๆ”

พูดประโยคนี้เสร็จ ร่างกายของเขาขยับไปข้างหน้าอีกครั้ง ใกล้กับนางมากกว่าเดิม

สวีโหย่วหรงมองเขาอย่างเงียบๆ แม้ไม่ได้พูดจา กลับให้ความรู้สึกว่าศักดิ์สิทธิ์ห้ามล่วงเกิน

ไม่รู้ทำไม มองตาของนาง จู่ๆ ความสนุกในการเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามของไป๋ไห่ก็ปลาสนาการสิ้น กระทั่งรู้สึกกังวลอยู่บ้าง พูดด้วยเสียงเจื่อนเล็กน้อยว่า “ท่านวางใจ ข้าจะให้ท่านตายไปอย่างมีศักดิ์ศรี…ฉะนั้นถึงแม้ท่านจะมีลูกไม้สุดท้ายอะไร หวังว่าท่านจะไม่ใช้ มิฉะนั้นข้าไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากความหวังเป็นศูนย์ไป ข้าจะทำเรื่องอะไรที่มนุษย์เทพเซียนรังเกียจเดียดฉันท์ออกมา”

สวีโหย่วหรงหันหน้าไปอีกทางด้วยความยากลำบากเล็กน้อย ไม่มองเขาอีก จากนั้นปิดตาลง

ไป๋ไห่ชะงัก ก้มหัวเขยื้อนไปที่บริเวณลำคอ

เขาไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงมีความตื่นเต้นเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นหงส์สวรรค์กลับชาติมาเกิดที่แม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจล่วงเกินได้ เป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง เขายิ่งตื่นเต้น ท่าทีการกระทำมีความงุ่มง่ามเล็กน้อย

เวลาต่อมา หัวคิ้วของสวีโหย่วหรงขมวดมุ่นอีกครั้ง เหมือนจะเจ็บปวดเล็กน้อย

นัยน์ตาของไป๋ไห่หดตัวอย่างรวดเร็ว

เขารู้สึก นั่นเป็นของเหลวหยกน้ำแกงเซียนที่หอมอร่อยสุดในชีวิตนี้ที่ตัวเองเคยลิ้มลองมา

เพียงแต่…ทำไมถึงน้อยเพียงนี้?

เวลาต่อมา เขาลืมความสงสัยนี้ ของเหลวที่ไหลเข้าไปในปากของเขาสายนั้นราวกับแฝงเร้นเปลวไฟที่ไม่มีสิ้นสุด ราวกับเป็นสิ่งสุดยอดของดวงตะวันที่แท้จริง บริสุทธิ์กว่าเพลิงปฐพีในพรรคตะวันตกหลายเท่า เทียบกับมันแล้ว ผลึกแห่งเพลิงปฐพีในตำนานจะมีค่าอะไรให้คิดถึงอีก?

เพียงแต่ในชั่วขณะ เขาก็รู้สึกว่ามีพลังจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปในร่างกายของเขา

เพียงแค่คำเดียว เขาก็เมามายแล้ว ขนคิ้วที่ขาวโพลนเลิกขึ้นและขมวดปมไม่หยุดหย่อน มองดูแล้วประหลาดอย่างยิ่ง สวีโหย่วหรงมองไม่เห็นหน้าของเขา เขาก็มองไม่เห็นหน้าของสวีโหย่วหรง ฉะนั้นเขาไม่ได้สังเกตเห็น สวีโหย่วหรงลืมตาขึ้น

นางมองกำแพงหินในถ้ำหน้าผาอย่างเงียบๆ

ไม่รู้ด้วยเหตุใด มาถึงหน้าเหวลึกแห่งความตาย กำลังเผชิญแบกรับความโหดร้ายและการทำให้อับอายเช่นนี้ สีหน้าของนางยังคงสงบมาก ราวกับยังมีเหลือให้คิดเรื่องอื่น

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป กลับยังคงแน่วแน่เช่นนั้น ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว

จู่ๆ คิ้วของสวีโหย่วหรงขมวดปมอีกครั้ง เพราะนางสังเกตได้ว่าตนเองคำนวณผิด

แม้ตนเองจะสังหารโจรชราที่น่ารังเกียจผู้นี้ได้ แต่เลือดในร่างกายของตัวเองก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามดูดจนหมด

ครั้งนี้ สายตาของนางปรากฏความสำนึกเสียใจภายหลังที่แท้จริง แม้จะจืดจางมาก แต่อย่างไรก็มีความเสียดายเล็กน้อย

นางไม่อยากตายไปเช่นนี้ ยิ่งไม่อยากให้เวลาตายมีศพของโจรชราคนนี้ทับอยู่บนร่างกายของตัวเอง

แต่แล้วก็เหมือนกับร่องรอยโชคชะตาในท้องฟ้าดวงดาว เมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ก็จะไม่อาจหยุดยั้ง

นี่เป็นการตัดสินใจของนาง เป็นแผนของนาง เมื่อเริ่มดำเนินการจริง นางก็จะกลายเป็นตัวหมากหนึ่งในแผนการนี้ ไม่อาจยุติจุดจบที่จะมาถึงได้อีก

หรือนี่ก็คือโชคชะตาของนางเอง?

นางคิดอย่างเงียบๆ

โชคชะตา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ไม่ว่าจะเป็นสองพรรคนิกายเหนือใต้ ล้วนคิดเช่นนี้

แต่มีบางคนไม่คิดเช่นนี้

อย่างเช่นหวังจือเช่อ อย่างเช่นบางคนที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง

สวีโหย่วหรงคิดว่าโชคชะตาของตัวเองเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทำได้เพียงตายไปพร้อมกับโจรชราผู้นี้ สุดท้ายกลายเป็นศพคู่หนึ่งในถ้ำหน้าผาที่ไม่มีใครสังเกตเห็น กลับลืมไปว่าในถ้ำหน้าผานี้ยังมีคนอีกคนหนึ่ง

มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาผ่านหน้านางไป สายตาของนางเหลือบมองตาม มือนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปที่ลำคอนาง

มือข้างนี้ไม่ใหญ่ เล็บตัดอย่างสะอาด นิ้วมือเรียวยาว ปกติอบอุ่นมาก เวลานี้กลับเยือกเย็นอย่างมาก ซอกนิ้วมือยังมีเกล็ดน้ำแข็ง

มือข้างนี้มองดูแล้วมีความเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง กลับช่างแน่วแน่อย่างยิ่ง ผ่านทะลุผมสีดำขลับของนาง เคลื่อนสัมผัสผ่านติ่งหูของนาง ตกลงไปที่บริเวณลำคอของนาง…

มือข้างนี้แปะอยู่ที่ใบหน้าของไป๋ไห่อย่างช้าๆ แต่แน่วแน่ จากนั้นก็ดันออกไป