“เรื่องนี้……ข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกัน……”

“เจ้าสารเลว พวกเจ้าทำอะไรกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าเผ่าละก็ เช่นนั้นข้าจะจัดการกับพวกเจ้าเลยคอยดู” รองหัวหน้าเผ่าซือคงบ่นพึมพำและรีบสั่งให้คนไปช่วยชีวิตหัวหน้าเผ่า

ศิษย์ที่เข้ามารายงานกล่าวอย่างสั่นเครือ “ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน เขา……ก่อนที่เขาจะมายังตำหนักเฉินหยู เขาได้บุกเข้าไปยังเขตหวงห้าม และ……และยังทำร้ายหัวหน้าเผ่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนทำให้หัวหน้าเผ่าบำเพ็ญเพียรฝึกฝนวิทยายุทธจนถูกครอบงำและสูญเสียสติ”

ซ่งหยวนและเหวินเส่าอี๋และคนอื่นๆ เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหัวหน้าเผ่าก็ต่างพากันวิ่งออกไป

ยังวิ่งออกไปได้ไม่เท่าไรก็ได้ยินเสียงของผู้ที่ออกคำสั่ง ซ่งหยวนอดไม่ได้ที่จะตบหน้าของเขา

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะว่าข้าแอบบุกรุกเข้าไปยังเขตหวงห้าม นั่นเป็นเพราะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับนายน้อยเส่าอี๋ แต่หัวหน้าเผ่ากลับยังคงเพิกเฉยและไม่สนใจ จึงต้องการเข้าไปจัดการนำตัวเขาออกมา”

“ผู้……ผู้อาวุโสสูงสุด ท่าน……ท่านพูดอะไรก็เป็นเช่นนั้น ศิษย์และ……และศิษย์คนอื่นอาจจะเห็นผิดไป หัวหน้าเผ่าไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพราะท่าน”

คำพูดนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างปฏิเสธไม่ได้

ซ่งหยวนเป็นคนตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะไม่รู้สึกอะไร

แต่เหวินเส่าอี๋ ซ่งอวี้และกู้ชูหน่วนกลับรู้สึกได้ถึงสัญญาณความอันตราย

เหวินเส่าอี๋กล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน ในเผ่าเพลิงฟ้านี้ นอกจากท่านพ่อแล้ว ท่านเป็นผู้ที่มีฝีมือวิทยายุทธแข็งแกร่งมากที่สุดและท่านก็พอรู้วิชาการรักษา ท่านสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่านพ่อของข้าก่อนได้หรือไม่”

ซ่งอวี้ก็กล่าวสมทบอีกว่า “นายน้อยพูดถูก ในเผ่าเพลิงฟ้านี้ เกรงว่าคงจะมีท่านเพียงคนเดียวที่สามารถรักษาหัวหน้าเผ่าให้หายได้ ข้าจะไปดูหัวหน้าเผ่าพร้อมกันกับท่าน”

สองคนนี้ คนหนึ่งพยายามคิดหาวิธีที่จะให้ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนออกไปและปกป้องเขา

คนหนึ่งต้องการที่จะรักษาพละกำลังเอาไว้ ร่วมมือกับหัวหน้าเผ่าและพยายามคิดหาวิธีช่วยเหวินเส่าอี๋อีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกลับเป็นคนซื่อสัตย์และไม่คิดเข้าข้างฝั่งใด แต่ยังกล่าวออกมาว่า

“หากข้าสามารถช่วยได้ เช่นนั้นข้าก็จะพยายามด้วยชีวิตของข้า ไปกันเถอะ เจ้ารีบไปดูหัวหน้าเผ่าด้วยกันกับข้าเถอะ”

“ข้าไม่ไปหรอก”

เหวินเส่าอี๋ดึงมือของตัวเองกลับและพยายามรักษาระยะห่างกับผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน

“ไม่ไป? หรือเป็นเพราะคำพูดของตาเฒ่าเฉินหลิงเมื่อสักครู่อย่างนั้นหรือ? ในสมองของเด็กอย่างเจ้ามีอะไรอยู่กันนะ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นลูกชายแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่าหรือไม่ เช่นนั้นแล้วความสัมพันธ์อันดีตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่ลบเลือนหายไปหรอก ข้าเชื่อว่าหัวหน้าเผ่าก็มีความรักใคร่ชอบพอในตัวของเจ้าเช่นกัน”

“ส่งคนมาที่นี่ จับตัวเหวินเส่าอี๋และผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนเอาไว้เดี๋ยวนี้”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงออกคำสั่ง ศิษย์ในตำหนักเฉินหยูต่างพากันเข้ามาปิดล้อมเหวินเส่าอี๋

หนึ่งในนั้นมีนักธนู อาวุธลับและค่ายกลสังหารอีกจำนวนมาก รวมไปถึงศิษย์ของยอดฝีมือต่างถูกส่งออกมา

ชิ่ว……

รัศมีอาฆาตดูเหมือนจะจุดประกายในทันที

หรือเจตนาสังหารอาจก่อตัวขึ้นเป็นเวลานานและยังไม่ปะทุจนถึงขณะนี้

ซ่งอวี้กล่าวว่า “รองหัวหน้าเผ่า ท่านกำลังทำอะไรหรือ?”

“คนหนึ่งเป็นนายน้อย อีกคนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุด แต่คนหนึ่งกลับสมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอก อีกคนหนึ่งพยายามลอบทำร้ายหัวหน้าเผ่า ความผิดของพวกเจ้าทั้งสองไม่อาจให้อภัยได้ ส่งคนมาที่นี่และจัดการพวกเขาเสีย เป็นหรือตายก็ไม่สำคัญ”

คำว่าเป็นหรือตายก็ไม่สำคัญ เท่ากับเป็นการประกาศโทษประหารชีวิตของพวกเขา

ผู้อาวุโสในเผ่าต่างพูดออกมาด้วยความเป็นกังวล “รองหัวหน้าเผ่า เช่นนี้คงไม่เป็นการดีกระมัง?”

“เจ้าพูดขอร้องแทนพวกเขาอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเจ้าก็สมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาด้วย ร่วมมือกับคนภายนอกเพื่อต้องการลอบทำร้ายผู้คนนับพันนับหมื่นในเผ่าเพลิงฟ้าอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่……ข้าน้อยไม่ได้คิดเช่นนั้น”

“ใครกล้าอ้าปากขอร้องแทนพวกเขา คนนั้นคือฝ่ายเดียวกับพวกเขา”

ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนหัวเราะอย่างเย็นชาต่อเนื่อง “ก็ดี ที่แท้ท่านไม่เพียงต้องการกำจัดตำแหน่งนายน้อยของนายน้อยเส่าอี๋เท่านั้น แต่ท่านยังต้องการชีวิตของพวกเราอีกด้วย ฮึ ข้าก็อายุปูนนี้แล้วและต่างก็ผ่านเรื่องต่างๆ มาเยอะแยะมากมาย ในเมื่อท่านไม่มีความเมตตาและจงรักภักดี เช่นนั้นก็อย่าโทษข้า ข้ายังคงยืนยันคำเดิม วันนี้หากใครกล้าแตะต้องนายน้อย เช่นนั้นข้าจะจัดการคนนั้นเสีย”

“เช่นนั้นเจ้าก็ควรมีโอกาสนี้นั้น อ่าก……”

ซ่งหยวนรวบรวมกำลังภายในและต้องการจัดการกับรองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงให้ได้เสียก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขารวบรวมกำลังภายในแล้ว ร่างกายของเขาก็เหมือนกับมดนับหมื่นตัวที่คอยกัด เขาเจ็บปวดจนถอนหายใจออกมา

ทันทีทันใด พละกำลังของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนราวกับวัวโคลนจมทะเลที่หายเข้ากลีบเมฆอย่างรวดเร็ว

เขาตกใจและมองไปยังรองหัวหน้าเผ่าซือคงตามสัญชาตญาณ “เจ้าวางยาพิษอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าเป็นยอดฝีมือสูงสุดระดับหก เพียงแค่พิษธรรมดาไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเจ้าหรอก ข้าเพียงแค่ใส่ยากระดูกแตกสลายเข้าไปเล็กน้อย เพื่อให้เจ้าสูญเสียกำลังการต่อสู้ไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น”

กระดูกแตกสลาย?

ยากระดูกแตกสลายไม่มีรสและไม่มีกลิ่น

ผู้ที่ถูกพิษเข้าไปจะทำให้ร่างกายไร้สิ้นเรี่ยวแรงและไม่มีร่างกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงเท่านั้น อีกทั้ง……ยังทำให้พละกำลังหายไปหมดสิ้น ซึ่งต้องใช้เวลากว่าห้าถึงหกวันถึงจะฟื้นฟูกลับคืนสภาพเดิมได้

เหวินเส่าอี่และซ่งอวี้และคนอื่นๆ ต่างพากันจะยืนปกป้องผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนอยู่ข้างหน้า

จนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายแทบฉีกหน้าและมองหน้ากันไม่ติดแล้ว สงครามการต่อสู้ก็ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

“เจ้าวางยาพิษตั้งแต่เมื่อไร?”

“เมื่อสักครู่นี้เอง พูดไปแล้ว ข้าต้องขอบคุณกู้ชูหน่วนนังเด็กคนนั้นที่นางเชี่ยวชาญด้านการใช้ยาพิษและวางยาพิษข้าอยู่หลายครั้ง ข้าจึงนำยาพิษของนางมาปรับใช้และศึกษาเพื่อให้ได้ยากระดูกแตกสลายชนิดใหม่ขึ้นมา วันนี้ยากระดูกแตกสลายนี้ไม่มีผลใดๆ ต่อคนอื่น แต่กับยอดฝีมือสูงสุดระดับหกที่เยือกเย็นอย่างเจ้าแล้วนั้น กลับเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้า”

ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนพยายามรวบรวมกำลังภายใน แต่กลับไม่สามารถรวบรวมกำลังภายในได้ทุกครั้งไป แต่กลับกลายเป็นเมื่อขยับร่างกายก็รู้สึกเจ็บปวดจนเหงื่อไหลไปทั่วทั้งตัว

“นำยาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้”

“ยาถอนพิษ? เฮอะ ยาถอนพิษของยากระดูกแตกสลายยังไม่ทำออกมาเลย”

ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นมีคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคง และมีคนของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะเผชิญหน้ากัน

เหวินเส่าอี๋กวาดสายตาไปยังจำนวนผู้คนของทั้งสองฝ่าย

ไม่ต้องพูดถึงคนที่เป็นกลาง คนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงนั้นมีจำนวนมากกว่าพวกเขาอยู่หลายเท่า

อีกทั้งจำนวนของผู้อาวุโสที่เป็นยอดฝีมือก็มีมากเช่นกัน ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกลับมาสูญเสียพละกำลังการต่อสู้ไป อีกทั้งพละกำลังของเขายังถูกทำลายและผู้ที่มีพละกำลังการต่อสู้จริงมีเพียงแค่ซ่งอวี้และผู้อาวุโสเฉินเท่านั้น

หากต้องทำสงครามการต่อสู้ในครั้งนี้จริง พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แผ่นหลังของเหวินเส่าอี๋ยืดเหยียดตรงโดยไม่สนใจรองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่นๆ จากนั้นกล่าวอย่างใจเย็น

“คนที่เจ้าต้องการคือข้า ข้าจะไปที่เรือนกฎหมายกับเจ้า”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกำลังคิดจะพูด แต่เหวินเส่าอี๋กลับพูดขัดจังหวะขึ้นอย่างเย็นชาและกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสสูงสุดมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งในเผ่าไม่น้อยไปกว่าหัวหน้าเผ่า เขาไม่มีแรงจูงใจใดๆ ที่จะทำร้ายหัวหน้าเผ่า หวังว่ารองหัวหน้าจะตรวจสอบให้แน่ชัดและอย่าได้ใส่ร้ายและเย็นชาต่อความรู้สึกของศิษย์ในเผ่าเพลิงฟ้าเลย เพื่อไม่ให้ศิษย์ของเผ่าเพลิงฟ้ารู้สึกไม่ดีต่อสิ่งที่รองหัวหน้าเผ่ากระทำ”

เขาพูดอย่างมีชั้นเชิง แต่ทุกคำมีคำเตือน

ด้วยสถานะตำแหน่งของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน หากเขามีความคิดขัดแย้งต่อหัวหน้าเผ่าและร่วมมือกับผู้อาวุโสคนอื่น ก็อาจเป็นไปได้ที่จะกำจัดหัวหน้าเผ่าไปได้โดยไม่จำเป็นต้องลอบทำร้ายด้วยซ้ำ?

อีกทั้งความหมายในคำพูดของเขานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการตักเตือนเขาว่าหากเขากล้าทำอะไรต่อผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนละก็ เช่นนั้นแล้วคนของพวกเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยเป็นอันขาด ถึงตอนนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายจะต้องสูญเสียด้วยกันทั้งคู่

หากเป็นเมื่อก่อน รองหัวหน้าเผ่าซือคงจะต้องเกรงกลัวและไม่กล้าทำอะไร

แต่ตอนนี้……

ลูกธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยว

เขาจึงจำต้องยิงออกไป

หากพลาดโอกาสในครั้งนี้ ต่อไปหากต้องการคิดจะจัดการกับพวกเขาคงไม่เป็นเรื่องง่ายเช่นนี้แล้ว

สูญเสียและได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายจะเป็นอย่างไร? ขอเพียงแค่พวกเขาชนะ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของคนในเผ่าเพลิงฟ้าทุกคนก็ไม่เป็นไร อย่างมากพวกเขาก็แค่รับคนจากภายนอกเข้ามาและจัดการกับเผ่าเพลิงฟ้าเสียใหม่

“ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนถูกต้องสงสัยว่าเป็นผู้ลอบทำร้ายหัวหน้าเผ่า จัดการเสียให้หมด”

“ฉับๆๆ……”

ศิษย์ทุกคนต่างพากันชักอาวุธออกมา

ซ่งอวี้กล่าวกับผู้อาวุโสเฉินว่า “รองหัวหน้าเผ่า เจ้าต้องการคิดจะเป็นกบฏอย่างนั้นหรือ?”

“คิดกบฏ? ข้าคิดกบฏตั้งแต่เมื่อไร? ข้าเพียงแค่ช่วยหัวหน้าเผ่าจัดการกับจำนวนประชากรในเผ่าเท่านั้นเจ้าเป็นหลานชายแท้ๆ ของผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวน เรื่องที่ผู้อาวุโสสูงสุดคิดร้ายต่อหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วยใช่หรือไม่ ส่งคนมาที่นี่ จัดการซ่งอวี้ด้วยอีกคน”