ตอนที่ 1937

 

มันสายเกินไปซะแล้ว..

 

เมื่อลูน่าค้นพบตัวตนของสายพันธุ์โบราณทั้งสอง มือขนาดเล็กของเธอก็ได้ตบออกไป พลังอำนาจของฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกไปอย่างกะทันหัน เหมือนว่าจะฉีกพื้นที่แห่งนี้ออกจากกัน

 

การที่มีทาสจำนวนกว่าร้อยล้านคนที่ช่วยเหลือในการบ่มเพาะของเธอนั้น พลังอำนาของลูน่าจึงพัฒนาขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ในแต่ละวัน ราวกับเป็นการก้าวขึ้นขั้นบันได แม้แต่เซี่ยปิงเองก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ลูน่าพัฒนาไปถึงไหน

 

ยิ่งไปกว่านั้นเดิมที่ลูน่าก็เป็นอสูรซากศพซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายและคลุ้มคลั่งที่สุดเป็นปีศาจที่แท้จริง พลังอำนาจของเธอในตอนนี้เป็นเพียงพลังอำนาจส่วนหนึ่งที่ฟื้นคืนกลับมาเท่านั้น ยังห่างไกลกับจุดสูงสุด

 

ตึบ! ตึบ!

 

ฝ่ามือนี้ฝ่ามือเดียว เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬทั้งสองก็ถูกตบจนกระเด็นออกไป พลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกระแทกเข้ากับร่างของพวกมันอย่างรุนแรง ราวกับถูกพุ่งชนด้วยลูกอุกกาบาต

 

ทันใดนั้นพวกมันก็กระเด็นปลิวไปไกลกว่าหนึ่งร้อยล้านกิโลเมตรและในที่สุดก็กระแทกเข้ากับภูเขาลูกหนึ่ง

 

“ฟู้ ง่วงนอนเหลือเกิน”

 

เมื่อได้ออกแรงและยืดเส้นยืดสายแล้วนั้น ลูน่าก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา จากนั้นก็กลับเข้า ไปในห้องของตนเองและนอนหลับปุ๋ยไป

 

สำหรับเธอ การกระทำเมื่อครู่นี้ไม่ได้แตกต่างไปจากการตบแมลงวันเพียงไม่กี่ตัว ไม่ว่าพวกมันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอก็ไม่ได้สนใจ

“อั่ก!”

 

ณ ภูเขาที่ห่างออกไปกว่าหนึ่งร้อยล้านกิโลเมตร เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬทั้งสองต่างก็กระอักเลือดออกมา ส่วนลึกของม่านตาเผยให้เห็นถึงความแตกตื่น ความตกตะลึงและความไม่อยากเชื่อ อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ฝ่ามือเมื่อครู่นี้เป็นฝ่ามือที่อันตรายโดยแท้ โชคดีที่ว่าพวกมันมีเนื้อหนังที่เหนียวแน่นทนทานมีสายเลือดของอสูรโบราณอยู่ ไม่อย่างนั้นฝ่ามือเมื่อครู่นี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกมันจนกลายเป็นผุยผงได้

 

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้พวกมันก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกทั่วทั้งร่างกายแตกหักทำได้เพียงแค่ฟื้นฟูพลังอำนาจขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น

 

“แม่เจ้า อันที่จริงเจ้าเด็กสาวตัวน้อยนั่นมีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน? เหตุใดจึงน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ นั่นคือลูกน้องระดับสูงของเจ้าอู่ที่หรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าอู่ที่จะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่พวกเราคิดไว้”

 

เฝยอี๋ก็หวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทิ้ม

 

“จากที่ข้าเห็น ออร่าความมืดมิดและออร่าแห่งบาปที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น เจ้าเด็กสาวตัวน้อยนั่นจะต้องเป็นอสูรซากศพในตำนานอย่างแน่นอน” นกอสูรทมิฬก็ตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน มันรับรู้ได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของลูน่า

 

“อสูรซากศพ?! มันคือสิ่งมีชีวิตอะไรกัน?”

 

เฝยอี๋ ก็ไม่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้

 

“ข้าได้รู้ข้อมูลบางอย่างของเจ้าอู่ที่มา ว่ากันว่าก่อนหน้านี้เขาได้เข้าไปในดาวไม้มังกร ซึ่งที่นั่นเป็นสถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดชั่วร้ายและเป็นอมตะถูกกักขังไว้โดยเซนต์จำนวนมากในทางตะวันตกของจักรวาล สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็คืออสูรซากศพนั่นเอง”

 

ร่างกายของนกอสูรทมิฬก็สั่นเทาเช่นกัน “ทว่าเจ้าเด็กนั่นช่วยอสูรซากศพออกมาจากผนึก ดังนั้นจึงส่งผลให้กลุ่มอิทธิพลจำนวนมากรวมถึงเซนต์เดือดระอุขึ้นมา ทำการไล่ล่าสังหารเขาอย่างบ้าคลัง”

 

“ทว่าข้าก็ไม่คาดคิดว่าอสูรซากศพจะอยู่กับเขาจริงๆ กลายเป็นลูกน้องระดับสูงของเขาอีก ทั้งตอนนี้ก็ยังมีสติสัมปชัญญะเป็นของตนเอง อันที่จริงเจ้าอู่ที่ผู้นี้มีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน?!”

 

มันสงสัยถึงสถานะของเจ้าอู่ต่อย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่ามีภูมิหลังที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

 

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? นั่นคืออสูรซากศพ เป็นตัวตนที่อมตะและไม่มีวันตาย แม้แต่เซนต์ก็สังหารไม่ได้ ทำได้เพียงแค่กักขังและปิดผนึกไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อครู่นี้พวกเราโง่เขลาจนถึงขั้นที่ต้องการจะลักตาตัวเธออย่างนั้นรึ?!”

 

ต่อให้เฝยอี๋จะมีหัวใจที่มีขนาดใหญ่มาก ทว่ามันก็ยังหวาดกลัวจนหัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม นั่นคือตัวตนที่แม้แต่เซนต์ก็ไม่สามารถจัดการได้ เป็นสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวซึ่งแม้แต่เซนต์ก็ยังต้องหวาดหวั่น

 

ไม่คาดคิดว่าพวกมันจะกล้าคิดลักพาตัวสัตว์ประหลาดเช่นนี้ นับได้ว่าพวกมันช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตเหลือเกิน

 

หากบรรพบุรุษเก่าแก่ของกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลอยู่ที่นี่ คงจะต้องเอ่ยชมความกล้าหาญของพวกมันเป็นแน่

 

นกอสูรทมิฬก็มีขนลุกชันขึ้นมา ความไม่รู้ช่างเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ โชคดีที่เจ้าปีศาจนั่นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับตัวตนของพวกมัน ไม่อย่างนั้นหากเพิ่มพลังอำนาจในฝ่ามือนั่นขึ้นมาอีกเพียงเล็กน้อย พวกมันจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“พวกเราไม่ควรที่จะท้าทายสัตว์ประหลาดเช่นนั้น รีบหาที่ซ่อนตัวกันก่อนเถอะ พักฟื้นและสะสมพละกำลังเข้าไว้”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาอย่างอับจนหนทาง

 

“ถ้ำตรงนั้นก็มีทำเลที่ตั้งที่เหมาะทีเดียว สามารถหลบซ่อนได้ชั่วคราว เป็นไปได้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะตามหาพวกเราไม่ได้” เฝยอี๋ก็ชี้ไปที่ถ้ำข้างหน้า

 

ซู่ ซู่!!

 

ทั้งสองก็ไม่ได้ลังเลอีก ประคองร่างกายที่บาดเจ็บของตนเอง มุ่งหน้าไปสู่ถ้ำแห่งนั้น ต้องการที่จะพักผ่อนเป็นการชั่วคราว ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง

 

“หม? เหตุใดที่นี่ถึงได้มีไข่ขนาดยักษ์ได้ อันที่จริงนี่มันคือสิ่งใดกัน?”

 

ทว่าเมื่อเข้ามาในถ้ำ เฝยอี๋ก็สังเกตเห็นไข่ขนาดใหญ่ใบหนึ่งทันที มันกะพริบตาอย่างงุนงง คิดว่าไข่นี้ดูแปลกประหลาดอย่างมาก มีออร่าที่ยิ่งใหญ่และลึกลับแผ่ออกมา

 

“ล่าถอย..ล่าถอยโดยเร็ว!”

 

เมื่อนกอสูรทมิฬที่มากไปด้วยความรู้และประสบการณ์เห็นไข่ใบนี้ มันก็หวาดกลัวจนฉี่ราดทันที กรีดร้องออกมาอย่างแตกตื่น “เวรเอ๊ย นั่นมันไกอา เป็นหนึ่งในสมาชิกของเผ่าพันธุ์ไกอา เธอกำลังอยู่ในช่วงหลับใหล เจ้างูโง่ อย่าปลุกเธอขึ้นมาเด็ดขาด นี่คือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน อย่านำพาความตายมาสู่พวกเรา นี่ไม่ใช่ตัวตนที่พวกเราจะท้าทายได้!”

 

วิซ!

 

มันก็หวาดกลัวจนขวัญกระเจิง กระพือปีกอย่างรวดเร็ว รีบบินออกไปข้างนอกถ้ำ หลบหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ต่อให้จะบาดเจ็บในตอนนี้ ทว่าเพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนเองไว้ มันก็ยังต้องฝืนประคองตนเองออกไปให้โดยเร็วที่สุด

 

เฝยอี๋ ก็รีบหลบหนีราวกับชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

 

การหลบหนีครั้งนี้ พวกมันก็หลบหนีไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร เมื่ออยู่ห่างไกลไปจากถ้ำแห่งนั้นแล้วจริงๆ พวกมันจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้

 

“บัดซบ สุดท้ายแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดสถานที่แห่งนี้ถึงได้มีไกอาอยู่? นี่มันแปลกพิลึกเกินไป”

 

เฝยอี๋ก็มีสีหน้าที่ซีดเผือด ต่อให้มันจะไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรนัก มันก็ยังคงรู้ว่าเผ่าพันธุ์ไกอาน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ฝ่ายตรงข้ามถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ในระดับสูงสุดของจักรวาล เป็นที่ล่วงรู้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจที่สุด หากเติบโตจนเต็มวัยก็จะพัฒนาเป็นเซนต์ได้อย่างแน่นอน มีอายุขัยที่ไร้ที่สิ้นสุด นี่คือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในจักรวาล

 

หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเผ่าพันธุ์ไกอามีอยู่เพียงน้อยนิดและมักที่จะอยู่ในสภาวะหลับใหล บางทีพวกมันก็อาจจะปกครองทั่วทั้งจักรวาลไปแล้ว

 

“ใครกันจะไปรู้ได้กัน อันที่จริงเจ้าอู่ที่นั่นเป็นใครกันแน่ เหตุใดเขาถึงครอบครองไกอามาได้ อย่าบอกนะว่าไกอานี้ก็เป็นลูกน้องระดับสูงของเขา?”

 

นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างมาก แต่ตั้งจุดเริ่มต้นมันคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่สถานที่ทั่วๆไป ทว่าหลังจากที่หลบหนีออกมาจากกรงขัง มันก็ล่วงรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาเลยมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีอันตรายอยู่รอบด้าน

 

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ไกอาเขาก็ยังจับมาได้หรือ?!”

 

เฝยอี๋ก็หวาดกลัวอย่างมาก ทว่าเมื่อลองคิดดูดีๆ การที่เจ้าเด็กนั่นกล้าจับไกอามา ก็ไม่ประหลาดใจว่าทำไมถึงไม่เกรงกลัวว่าตนเองจะท้าทายกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลของพวกมัน จับตัวสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญอย่างพวกมันเป็นว่าเล่น

 

“สรุปสั้นๆก็คือพวกเราไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้เด็ดขาด โชคดีที่ในตอนนี้ไกอากำลังหลับใหลอยู่ ไม่อย่างนั้นหากตื่นขึ้นมาล่ะก็ พวกเราคงจบเห่” นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่ดีใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

“ไม่มีทาง ข้าได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์ไกอาเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักความสงบ จะไม่สังหารสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างง่ายดาย”

 

เฝยอี๋ก็กลืนน้ำลายของตนเอง

 

“อย่าพูดเรื่องตลก ไกอาก็มีหลากหลายประเภท เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไกอาทุกตัวจะรักความสงบ ตัวที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวก็มีอยู่เช่นกัน หากว่าตัวที่พวกเราพบเมื่อครู่นี้เป็นตัวที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวล่ะ พวกเราจะทำอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามก็เป็นลูกน้องระดับสูงของเจ้าอู่ที่ ใครจะไปรู้กันว่าเจ้าบัดซบนั่นจะสั่งสอนอะไรลูกน้องของตนเอง บางทีอาจจะสังหารพวกเราตั้งแต่แวบแรกที่เห็ นก็เป็นได้

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

 

“เจ้าพูดถูก สรุปสั้นๆก็คือตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้ว”

 

เฝยอี๋ก็รู้สึกว่าในที่สุดตนเองก็ผ่อนคลายลงได้

 

“ปลอดภัยอะไรกัน พวกเจ้าทั้งสองเข้ามาในอาณาเขตของข้าทำไม? ต้องการที่จะขโมยอาหารของข้าหรือ?”

 

ทันใดนั้นเสียงที่ชัดเจนเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของเฝยอี๋และนกอสูรทมิฬ

 

เผยอี้และนกอสูรทมิฬก็แข็งที่อไปทันทีและหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเมื่อเห็นว่าข้างหลังของตนเองเป็นใคร ดวงตาของพวกมันก็ขาวโพลน ราวกับว่าจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างหวาดกลัวจนหมดสติไปโดยตรง

 

ก่อนที่พวกมันจะหมดสติไปนั้น พวกมันก็มีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น “เวรเอ๊ย ตาย จะต้องตาย จะต้องถูกกินเป็นแน่ นี่มันคือหนึ่งในสัตว์ร้ายบรรพกาล-เทาเที่ย!”