ตอนที่ 611 คนที่มีพรสวรรค์ที่สุด

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 611 คนที่มีพรสวรรค์ที่สุด
“อืม…….”เย่ซีมีท่าทีลังเล เธอมองซูฉิงแล้วพูดเนือยๆ”อยู่ที่ร้านบาร์ค่ะ”

และก็เห็นท่าทีของกวนจิ่งสิงเปลี่ยนไปกะทันหัน จากนั้นเขาก็กะพริบตา แล้วทำหน้าที่เดาไม่ออก

ซูฉิงเห็นอย่างนั้นก็กลอกตามองบน:”เตรียมห้องอัดด้วย”

กวนจิ่งสิงยังไม่ยอมแพ้ ยังคงแอบเหล่มองซูฉิง

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ เย่ซีเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”

กวนจิ่งสิงได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าแปลกใจ:”ที่สุดเลยหรอ ? คุณถึงกับพูดคำนี้ออกมาเลย……….หาได้ยากจริงๆ มานี่”

เขาพูดพร้อมกับกวักมือเรียกเย่ซีเดินตามเขาไป

เย่ซีงงงวย แล้วก็หันไปหาซูฉิง ซูฉิงตบไหล่เธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ

“ลองร้องเสียงเปล่าก็ได เธอร้องเพลงที่เธอแต่งก็ได้”

“เอ่อ…..ที่จริงแล้วในโทรศัพท์ของหนูมีทำนองอยู่ค่ะ หนูเคยอัดไว้”เย่ซีคิดอยู่สักครู่แล้วพูดออกมา

“งั้นก็ยิ่งดี ” เย่ซีเงยหน้าขึ้นมอง”กวนจิ่งสิง นายรีบเอาทำนองดนตรีของเธอใส่เข้าไป”

กวนจิ่งหรานพยักหน้า เขานั่งอยู่หน้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เย่ซีเห็นอย่างนั้นก็รีบหยิบเอาโทรศัพท์ของตนออกมาแล้วส่งทำนองไปให้เขา

“เคยอัดเสียงมั้ย”กวนจิ่งสิงเงยหน้าถามเธอ

เย่ซีส่ายหน้าอย่างสัตย์จริง แล้วก็กระซิบถามเสียงเบา:”ใช้หูฟังอัดเพลงในโทรศัพท์นับมั้ยคะ”

กวนจิ่งสิงหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปพูดเสียงเรียบ:”เข้าไปในนั้นแล้วใส่หัวฟัง หันหน้ามาจ่อตรงไมค์ พอฉันว่าร้องเธอก็ร้องได้เลย”

เย่สิงพยักหน้าเบาๆ อย่างงงๆ แต่ก็เดินเข้าไปในห้องอัดเสียง ยืนอยู่หน้าไมโครโฟนอด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงกวนจิ่งสิงดังขึ้น:”ได้ยินเสียงของฉันมั้ย”

เย่ซีจับที่หูฟังแล้วพยักหน้า

“เตรียมตัวนะ ใกล้จะเริ่มแล้ว”กวนจิ่งสิงพูดพร้อมกับกดเปิดทำนองที่เย่ซีส่งมาให้ตน

จากนั้นเสียงทำนองก็ดังขึ้น กวนจิ่งสิงคิ้วกระตุก นิ้วเลื่อนเดสก์ท็อปเบา ๆ ตามจังหวะเพลง

ทว่าตอนที่เขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเย่ซีที่อยู่ในห้องอัดเสียงกลายเป็นคนละคน แววตาที่อ่อนโยนเริ่มอ้าปากส่งเสียง

พอส่งเสียง เธอก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ต่างจากหญิงสาวที่ขี้อายเมื่อกี้อย่างลิบลับ

แต่กวนจิ่งสิงก็ยังกดปุ่มหยุดแล้วพูดแทรกเย่ซี

“หยุดก่อน ร้องใหม่อีกรอบ เธอร้องผิดคีย์รึเปล่า”

กวนจิ่งสิงไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปมาก และไม่เหมือนกับครั้งแรกที่ซูฉิงเจอแล้วยังจนตกใจ

“ทำนองเมื่อกี้ของเธอน่าจะเป็นเสียงC นะ แต่เหมือนเธอจะร้องผิดแล้ว”

เย่ซีอึ้งเล็กน้อย เมื่อกี้ตอนที่เธอส่งเสียงออกมากวนจิ่งสิงก็ฟังออกแล้ว

และนี่ก็เป็นทำนองของเธอ และกวนจิ่งสิงก็ได้ฟังเป็นครั้งแรก

และตอนที่เย่ซีกำลังอึ้งตะลึงอยู่นั้น เสียงของกวนจิ่งสิงก็ดังเข้ามา:”มัวอึ้งอะไรอยู่”

“ทำไมคุณถึงรู้ว่าเมื่อกี้ฉันร้องผิดคีย์คะ”เย่ซีอดที่จะถามไม่ได้

“เดาเอา”กวนจิ่งสิงตอบไปส่งๆ “ตามทำนองเพลงนี้ 90%ของทำนองเพลงล้วนเป็นเสียง C ร้องต่อเถอะ”

กวนจิ่งสิงก็ไม่ได้สนใจว่าเย่ซีจะมีปฏิกิริยายังไง เขาก็เริ่มทำนองต่อ และเป็นผลให้ เย่ซีร้องช้ากว่าคีย์หนึ่งจนทำให้กวนจิ่งสิงก็สั่งให้หยุดร้องอีกครั้ง

“เธออยากเข้าสังกัดสตาร์เอนเออร์เทนเมนท์มั้ย”

กวนจิ่งสิงเอาหูฟังออกมาคล้องไว้ที่คอ แล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้ เอ่ยถามออกมา

“ฉันอยากค่ะ “เย่ซีพยักหน้า ตอบอย่างไม่ลังเล

สำหรับเธอแล้ว การได้เข้ามาสังกัดสตาร์เอนเตอร์เทนเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ของเธอ เธอจะพลาดไม่ได้

ทว่าคำพูดต่อมาของกวนจิ่งสิงเหมือนจะทำให้เย่ซีรู้สึกเหมือนกับโดนน้ำสาดใส่หน้า :”แต่ว่าฉันฟังดูแล้ว ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดว่ากำลังร้องเพลงอยู่ในร้านKTV ซะอีก”

เย่ซีหน้าเสีย เธอกัดริมฝีปาก ไม่รู้จะทำยังไง

“เอาใหม่”กวนจิ่งสิพูดขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ แววตาของเย่ซีเต็มไปด้วยความตั้งใจ ตั้งใจร้องไห้ตรงทำนอง

ซูฉิงที่ไม่พูดอะไร เอาแต่มองเย่ซีที่อยู่ในสตูดิโอบันทึกเสียง

กวนจิ่งสิงเงยหน้ามองซูฉิง แล้วพูดเสียงเบา:”เป็นยังไงบ้างเจ้านาย เมื่อกี้ผมทำหน้าจริงจังมั้ย”

ซูฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย: “ทำไมหรอ นายอยากจะเข้าวงการนักแสดงแล้วหรอ”

“ผมนึกว่าคุณจะไม่ยอมให้ผมเคร่งครัดกับเย่ซีซะอีก”

กวนจิ่งสิงยกมือลูบใต้คาง แล้วพูดช้าๆ :”เธอยังใหม่อยู่ จะต้องให้กำลังใจเธอมากๆ นะ”

“นายรู้จักให้กำลังใจด้วยหรอ ทั้งที่บอกปัญหาออกไปตรงๆ อย่างไม่ปรานี “ซูฉิงพูดเสียงเรียบ

เพียงแต่ว่าซูฉิงไม่คิดว่าสิ่งที่หวนจิ่งสิงทำจะมีปัญหาอะไร เพราะเธอหวังอยากให้เย่ซีพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่ใช่ว่าจะต้องใช้วิธีให้กำลังใจทำให้ความสามารถของเย่ซีจะมาจนถึงตอนนี้

“ผมก็นึกว่าคุณจะใจดีกับทุกคนเสียอีก”กวนจิ่งสิงพูดเยาะ

“นายกำลังหมายถึงตัวเองหรอ”ซูฉิงเหลือบมองกวนจิ่งสิง และเขาก็ทำเพียงแต่ยักไหล่ไม่พูดอะไรอีก

เพราะถ้าพูดมากเดี๋ยวจะถูกหักเงินโบนัสอีก

ซูฉิงตาไหวระริก นอกจากการที่ได้เซ็นสัญญากับสตาร์เอ็นเอตร์เทนเมนท์แล้ว ทุกวันนี้กวนจิ่งสิงทำตัวเหมือนกับว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ไม่ปาน

ซูฉิงไม่เคยใช้กฎของบริษัทเพื่อควบคุมกวนจิ่งสิง เพราะว่าเธอกับกวนจิ่งสิงรู้จักกันมานานหลายปีแล้ว และก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง

เพราะเขาเป็นคนที่ไม่รักษากฎระเบียบเลย

และกวนจิ่งสิงเขาก็มีความคิดของเขา

แต่ว่าซูฉิงก็ไม่ได้คิดมาก สายตาของซูฉิงมองไปที่เย่ซี เพราะว่าคำพูดเมื่อกี้ของกวนจิ่งสิง ทำให้เย่ซีรวบรวมสติได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

จนดูออกว่าร้องออกมาได้ดีว่าตอนที่ร้องอยู่ร้านบาร์อีก

พอเสียงสุดท้ายเปล่งออกมา เย่ซีก็ค่อยๆ ปล่อยเสียงเอื้อนออกมาช้าๆ ถึงได้หลุดออกจากห้วงอารมณ์เมื่อครู่นี้

เธอชอบดนตรี ดังนั้นตอนที่ร้องเพลง ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของเธอ เธอเอาตัวเองทั้งหมดเข้าไปอยู่ในดนตรี

พอเอาหูฟังลง เย่ซีก็หันไปมองกวนจิ่งสิงกับซูฉิงที่อยู่ด้านนอก ด้วยท่าทางที่มองอย่างระวัง

ก็เห็นว่ากวนจิ่งสิงยืดเท้ายืดตัวอยู่บนเก้าอี้อย่างขี้เกียจ เย่ซีมองไปก็รู้สึกว่ากวนจิ่งสิงเหมือนกับแมว

“ร้องเสร็จแล้วหรอ”กวนจิ่งสิงถาม

เย่ซีพยักหน้าอย่างตื่นเต้น เม้มริมฝีปาก:”ฉันร้องไม่ค่อยดีใช่มั้ยคะ”

กวนจิ่งสิ่งก็ยกแขนขึ้นมากอดอก แล้วพูดอย่างจริงจัง:”ใช่ เธอร้องได้แย่มาก”

เย่ซีที่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำวิจารณ์อย่างนี้ก็ถึงกับหน้าเสีย

“เธอมีพรสวรรค์ แต่ยังขาดเรื่องเทคนิค เนื้อเพลงก็ไม่ต่อเนื่อง ท่าทางก็ไม่ค่อยดี “กวนจิ่งสิงยืดแขนออกมาแล้วบอกจุดด้อยของเย่ซีมาทีละข้อ

เย่ซีที่มีสีหน้าเฝ้ารอคำชมก็เปลี่ยนเป็นประหม่าทันที เธอดึงชายเสื้อพร้อมกับก้มหน้าลง