ตอนที่ 1585 จุติร่างใหม่

Monster Paradise

“นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยใช่ไหม?”

 

หลินฮวงชี้ไปทางป่าต้นนิพพาน หันหัวไปมองเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน

 

“จากที่ดู เก้าเถาวัลย์นั้นยังไม่ตายสนิท หรือมีบางอย่างปกป้องพื้นที่นี้อยู่”สีหน้าของจิ่วเจี้ยนทรยศต่อความรู้สึก ขณะที่เวอชุโอโซกับหลินฮวงนั้นคาดไว้แล้ว การได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของผนึกเจ้าปราสาทนั้นคงไม่ง่าย

 

“อืม ในเมื่อมันยังไม่ตายสนิท งั้นก็มาฆ่ามันอีก!ถ้ามีคนปกป้องพื้นที่นี้ เราก็จะกำจัดผู้พิทักษ์ให้หมด!”น้ำเสียงของเวอชุโอโซฟังดูสงบ แต่หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนสามารถได้ยินความเย็นชาที่แฝงในน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่าเวอชุโอโซนั้นมุ่งมั่นที่จะได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของผนึกเจ้าปราสาทมาก

 

หลินฮวงกับเจี้ยนไม่คัดค้านต่อคำกล่าวของเวอชุโอโซ

 

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร พวกเขาก็ต้องสู้ ไม่งั้นความพยายามที่ผ่านมาจะสูญเปล่า

 

ในชั่วพริบตา แสงสีฟ้าหมอกในป่าต้นนิพพานก็กระจายออกไป

 

เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์แท้จริงคืออะไร ทั้งสามจึงไม่กระโดดเข้าไปโดยประมาท

 

หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนพยายามโจมตีหลายครั้ง ไม่ว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่หรือคลื่นดาบ การโจมตีต่างอ่อนลงและสลายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ส่งเขาพื้นที่หมอกฟ้า

 

หลังทดสอบไปแบบเปล่าประโยชน์สองสามรอบ ทั้งสามก็ตัดสินใจรออย่างอดทน

 

ภายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ หมอกสีฟ้าหนาก็บดดบังการมองเห็นและจิตเทวะพวกเขาไว้สนิท

 

ไม่ช้า หมอกฟ้าก็เริ่มลดลง ราวกับมีบางสิ่งใจกลางป่าต้นนิพพานที่กำลังดูดมันด้วยความเร็วสูง

 

ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที หมอกที่ปกคลุมแต่แรกก็หดตัวลงอย่างมากและทั้งป่าต้นนิพพานก็เผยออกมา

 

หลินฮวงกับอีกสองสามารถเห็นได้ชัดว่ามีพื้นที่ใจกลางไม่ถึงสิบเมตรที่ยังปกคลุมด้วยหมอกฟ้า

 

พอเห็นอย่างนั้น จิ่วเจี้ยนก็อดลงมืออีกครั้งไม่ได้ เขาส่งคลื่นกระบี่นับร้อยใส่หมอกฟ้า

 

แต่ทว่า ทันทีที่คลื่นเข้าหมอก พวกมันก็หายไป

 

พอหลินฮวงกับเวอชุโอโซเห็นสิ่งที่เกิด พวกเขาก็ไม่คิดพยายามอีก

 

ทั้งสามต่างมั่นใจแล้วว่าสิ่งมีชีวิตภายในหมอกคือศัตรูตัวสุดท้ายของพวกเขา

 

หลังผ่านไปประมาณสองถึงสามนาที หมอกฟ้าก็เริ่มลดลงอีกครั้ง ตอนมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตร มันก็หยุดลดลงและควบแน่นเป็นร่างมนุษย์

 

ในขณะนั้น หลินฮวงกับอีกสองก็ตื่นตัวเต็มที่ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

 

แต่ทว่า พวกเขาอดรู้สึกสับสนกับรูปร่างของหมอกฟ้าไม่ได้

 

นี่เพราะตัดสินจากรูปร่าง ศัตรูพวกเขาคราวนี้ไม่น่าจะใช้เก้าเถาวัลย์

 

ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นใครกันที่เป็นศัตรูพวกเขา?

 

ทั้งสามถูกจับด้วยความสงสัยเดียวกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดร่างมนุษย์ก็ขยับ มันก้าวไปข้างหน้าและชั้นหมอกสุดท้ายที่ห่อหุ้มตัวมันก็เริ่มสลาย

 

ยิ่งมันก้าวเดิน ร่างของมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

 

ตอนหลินฮวงกับอีกสองเห็นหน้าตาศัตรู ใบหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ

 

“เกราะเงิน?!’

 

แม้เขาจะดูแตกต่างไปจากที่อธิบายไว้ในข้อมูลที่พวกเขามีเล็กน้อย ทั้งสามก็ระบุได้ทันทีว่านี่คือเกราะเงิน หนึ่งในราชาของโลกภายในนี้

 

ทั้งสามเกิดความรู้สึกสงสัยแบบเดียวกันผุดขึ้นในหัว เก้าเถาวัลย์ไม่ได้ฆ่าชายคนนี้ไปแล้วหรือ?!

 

ก่อนหน้านี้ตอนพวกเขาสังเกตเก้าเถาวัลย์เก็บเขตแดนเทพ พวกเขาก็รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างเหล่าราชาได้จบลงแล้วและเก้าเถาวัลย์ก็คือผู้ชนะ

 

นั่นทำให้พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นเกราะเงินตรงหน้า

 

ตอนพวกเขาเห็นเกราะเงินปรากฏตัว หัวใจของพวกเขาก็ดำดิ่งเล็กน้อย

 

ไม่เหมือนเก้าเถาวัลย์ เกราะเงินคือศัตรูที่พวกเขาไม่อยากเผชิญหน้าเป็นพิเศษ

 

 

นี่เพราะชายคนนี้มีความสามารถป้องกันที่น่ากลัวมาก หลินฮวงกับอีกสองจะต้องใช้เวลานานกว่าจะฝ่าการป้องกันได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตัดสินจากกลิ่นอายปัจจุบันที่แผ่จากเกราะเงิน เขาดูเหมือนจะฟื้นตัวและอยู่ในสภาพสูงสุด แตกต่างจากสภาพของเก้าเถาวัลย์ที่พวกหลินฮวงต่อสู้ด้วย

 

หลินฮวงมั่นใจว่าเกราะเงินที่ยืนตรงหน้าพวกเขาตอนนี้สามารถเอาชนะเก้าเถาวัลย์ได้แน่

 

ดวงตาของทั้งสามสบกัน เห็นความไม่เต็มใจที่ส่งกลับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาเริ่มลุกโชน

 

ไม่ว่าการต่อสู้จะยากลำบากแค่ไหน ทั้งสามก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรถอยไปทั้งอย่างนั้น

 

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาใกล้สำเร็จแล้ว ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำคือฆ่าเกราะเงินที่ยืนตรงหน้าพวกเขาและจุดประสงค์ของพวกเขาในการเข้าหุบเหวครั้งนี้ก็จะบรรลุ

 

ด้วยการโน้มน้าวนี้ในหัว ทั้งสามจึงโจมตีเกราะเงินโดยไม่ลังเล

 

หลินฮวงไม่เก็บรั้งไว้เลยในการโจมตีนี้ เหมือนกับก่อนหน้า ดาบของเขาผสานกับห่วงโซ่ลำดับเทพระดับลึกซึ้งทั้งสิบสองร่วมกับกฏสวรรค์เต๋าดาบ

 

คลื่นดาบสีแดงเลือดเหมือนแม่น้ำเลือด ซาดซัดใส่เกราะเงินด้วยพลังสะเทือนปฐพี

 

อีกด้าน จิ่วเจี้ยนเองก็ไม่คิดปกปิดอะไรเช่นกัน

 

เขาปลดปล่อยค่ายกลกระบี่ทั้งเก้าพร้อมกัน คลื่นกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนรวมกันเป็นกระบี่ยักษ์หนึ่งเดียวที่แทงใส่เกราะเงิน

 

ไม่ไกลนัก เวอชุโอโซทำการประสานมือสองข้างในลักษณะซับซ้อน

 

ทีละหนึ่ง โซ่ดำก่อตัวในอากาศ เปลี่ยนเป็นงูดำยักษ์ที่พุ่งใส่เกราะเงิน

 

ในชั่วพริบตา งูขนาดมหึมาก็ขดตัวรอบแขนขาของเกราะเงิน ป้องกันเขาจากการขยับ

 

วินาทีต่อมา ดาบคล้ายแม่น้ำเลือดกับกระบี่ยักษ์ก็ไปถึงตัวเกราะเงิน

 

เพียงเมื่อทั้งสามคิดว่าการโจมตีของพวกเขาต้องกำจัดศัตรูได้แน่ บางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!

 

หมอกฟ้าแผ่ซ่านไปทั่วดวงตาของเกราะเงิน แขนทั้งสองของเขาออกแรง และพลังเทวะสีฟ้าก็อาบไปทั่วตัวเขาเหมือนคลื่น บดขยี้โซ่ดำที่หนาเท่าแขนคน

 

ชั่วพริบตาต่อมา เกราะเงินที่หลุดพ้นจากพันธนาการกลับไม่ขยับหลบเลบ เขาแค่ยกแขนสองข้างขึ้นอย่างสงบและเถาวัลย์สีฟ้าน้ำแข็งนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกจากฝ่ามือเขา เถาวัลย์จากหนึ่งฝ่ามือกลายเป็นคลื่นสึนามิ ในขณะที่อีกฝ่ามือเปลี่ยนเป็นดาบขนาดมหึมา พวกมันพุ่งใส่การโจมตีของหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนตามลำดับ

 

ตอนพวกเขาเห็น หลินฮวงกับอีกสองก็ตะลึงงัน

 

ก่อนจะได้สติกลับ การโจมตีของทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันแล้ว

 

คลื่นดาบแดงของหลินฮวงโดนคลื่นเถาวัลย์สีฟ้ากลิ่นกินภายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

 

กระบี่ยักษ์ของจิ่วเจี้ยนปะทะกับดาบเถาวัลย์และแตกเป็นเสี่ยง ๆ

 

การโจมตีทั้งสองที่หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนภาคภูมิใจโดนทำลายอย่างง่ายดายด้วยเกราะเงิน ไม่สิ นั่นน่าจะเป็นเก้าเถาวัลย์!

 

วินาทีที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายปล่อยเถาวัลย์ หลินฮวงกับคนอื่นก็ตระหนักทันทีว่าศัตรูที่ดูเหมือนเกราะเงินแท้จริงแล้วคือเก้าเถาวัลย์!

 

แม้ทั้งสามจะไม่รู้ว่าเก้าเถาวัลย์อะไรกับเกราะเงิน แต่เก้าเถาวัลย์ก็ดูเหมือนจะไม่ปกปิดอะไร หลังบังคับทั้งสามให้ถอย เขากลับไม่รีบไล่ล่า เขายืนนิ่งและพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนเขากำลังแบ่งปันบางสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขกับเพื่อนสนิท

 

“ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าทั้งสาม ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้ากลัวว่าข้าอาจตัดสินใจไม่ทันที่จะใช้ร่างของเกราะเงินเพื่อจุติใหม่ ข้าไม่คิดเลยว่าคราวนี้ การจุติจะราบรื่นกว่าที่ข้าคิดไว้!’