ตอนที่ 166 กุญแจสำคัญดอกใหม่ / ตอนที่ 167 แฟนเก่าผู้ยิ่งใหญ่

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 166 กุญแจสำคัญดอกใหม่

 

 

           ซังจิ่งถอนหายใจ “ใครจะรู้ล่ะ เขาคงจะเบื่อไม่มีอะไรทำมั้ง”

 

 

           “แต่ว่า ถ้าเป็นเขาทำจริงๆ เกรงว่าเรื่องนี้พวกเจียงมู่เฉิน ต่อให้จะสืบจะตรวจสอบยังไง ก็หาอะไรออกมาไม่ได้หรอก”

 

 

           เหมือนซังจิ่งจู่ๆ ก็คิดถึงอะไรขึ้นมาได้ เขาเอ่ยปากขึ้น “ช่วยฉันนัดเขาหน่อย ฉันจำเป็นต้องเจอเขา”

 

 

           “นายแน่ใจ”

 

 

           “แน่ใจ”

 

 

           เซวียยางเห็นเขาพูดแบบนี้ก็พยักหน้ารับ “ได้ ฉันจะลองช่วยนายนัดดู เพียงแต่ว่าเขาคนนี้นิสัยใจคอแปลกพิลึกคน ไม่แน่นอนว่าเขาจะมาเจอนายได้”

 

 

           “ลองนัดดูเถอะ”

 

 

           ……

 

 

           กว่าเจียงมู่เฉินจะกลับมาบ้านตระเจียง ซือเหยี่ยนก็กลับมาแล้ว เขาขึ้นชั้นบนไปก็เห็นซือเหยี่ยนนั่งอยู่หน้าโต๊ะ เจียงมู่เฉินเหวี่ยงตัวเองลงเตียง หลับตาพักกายพักใจ

 

 

           “เป็นไรไป เกิดเรื่องอะไรเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”

 

 

           ซือเหยี่ยนปิดเอกสารในมือลง แล้วเดินเข้าไป เขานั่งลงข้างเตียง มองเจียงมู่เฉินที่นอนหลับตาอยู่ “โดนครอบครัวของผู้เสียชีวิตปฏิเสธมาใช่หรือเปล่า”

 

 

           “อืม ฉันไปมาแล้วรอบหนึ่ง แต่อารมณ์พวกเขาเดือดดาลเกินไป ไม่ยอมรับวิธีชดเชยที่ฉันบอกเลยสักนิด”

 

 

           ระหว่างทางที่เขากลับมา ก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ว่าจะทำอย่างไรถึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ถึงอย่างไรเหตุสุดวิสัยครั้งนี้ที่ถานโจว มีคนให้ความสนใจไม่น้อย ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้จัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม ต้องเป็นที่โพนทะนาไปทั่วเป็นธรรดา

 

 

           “ผมมีคำแนะนำอันหนึ่ง นายอยากฟังไหม” ซือเหยี่ยนลองถามหยั่งเชิง

 

 

           เจียงมู่เฉินลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะยันตัวขึ้นมานั่ง “คำแนะนำอะไร”

 

 

           “คุณไปตรวจดูครอบครัวของผู้เสียชีวิต ระยะนี้มีอะไรผิดปกติไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเบิกตากว้าง “หมายความว่าไง”

 

 

           “คุณไปตรวจดูก็จะรู้เอง” ซือเหยี่ยนไม่ยอมจะบอกไปมากกว่า ถึงแม้ว่าเจียงมู่เฉินกับเขาจะเป็นคนรักกัน แต่เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็เกี่ยวโยงไปถึงกรุ๊ปของสองตระกูล เขาพูดออกไปตรงๆ ไม่ค่อยได้ มันชัดเจนเกินไป

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินซือเหยี่ยนพูดมาแบบนี้ รู้สึกว่าลงมือสืบจากฝั่งนี้ดูอาจจะเป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่งก็ได้ อีกอย่างยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกเขามองข้ามตลอด

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะซือเหยี่ยนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา บางทีเขาก็ยังคงคิดไม่ออก

 

 

           เมื่อตอนบ่าย อารมณ์คุณแม่เจียงเดือดดาลขนาดนั้น เป็นแม่ที่เสียลูกสาวคนหนึ่งไปจริงๆ แต่ท่าทีของคุณพ่อหวังไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนหนึ่งจะไม่ค่อยเผยสีหน้าอารมณ์ออกมา แต่ไม่ถึงขนาดว่าจะว่างเปล่าขนาดนั้น

 

 

           เขายังจำได้ตอนที่เขาบอกว่าตัวเองมาจากโครงการหลินไห่ ความเกลียดชังในแววตาของคุณพ่อหวังที่ควรมีก็ไม่มีเลยสักนิด

 

 

           นี่มันไม่ควรเป็นปฏิกิริยาของคนเป็นพ่อคนหนึ่ง

 

 

           “คิดถึงอะไรอยู่” ซือเหยี่ยนเอนกายพิงด้านข้างมองดูเจียงมู่เฉินที่เปลี่ยนสีหน้ากลับไปกลับมา

 

 

           เจียงมู่เฉินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายให้ซือเหยี่ยนฟังรอบหนึ่งโดยละเอียดครบถ้วน รวมถึงการคาดคะเนของตัวเองด้วย “ดังนั้นตอนที่นายพูดมาเมื่อกี้ ให้ฉันตรวจดูว่าครอบครัวของเขาช่วงนี้มีสถานการณ์อะไรพิเศษหรือเปล่า จู่ๆ ฉันก็มีความคิดทำนองนี้ขึ้นมา”

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลง เขาคิดทบทวนดูสักพัก “งั้นคุณก็เน้นตรวจสอบพ่อของเธอดู”

 

 

           ซือเหยี่ยนจุดประกายให้เจียงมู่เฉินขนาดนี้ ในใจเขาผ่อนคลายลงทันที เขาเงยหน้าไปทางซือเหยี่ยน ใช้นิ้วกวักเรียกเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนเข้าไปใกล้ เจียงมู่เฉินเข้าถึงตัวแล้วกัดเขาไปคำหนึ่ง “ให้รางวัลนาย”

 

 

           ยื่นมือมาลูบมุมปากที่ถูกกัด ซือเหยี่ยนรวบตัวเจียงมู่เฉินมาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง เขาเชยคางเจียงมู่เฉินขึ้น แล้วเข้าไปมอบจุมพิตแสนลึกล้ำให้เขา สักพักหนึ่งถึงได้คลายมือออก

 

 

           “นี่สิ ถึงจะเป็นรางวัล”

 

 

           เจียงมู่เฉินหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาค้นพบแล้วว่าเรื่องแบบนี้ เขาไม่มีทางเทียบเท่าซือเหยี่ยนในเรื่องความหน้าไม่อายได้ตลอดไป

 

 

           เขายกมือเกี่ยวคอซือเหยี่ยนไว้ หรี่ตาลง เอ่ยถาม “สรุปแล้วนายเคยติดผู้ชายมากี่คน”

 

 

           “คุณอยากรู้จริงๆ เหรอ”

 

 

           “นายวางใจได้ คุณชายใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนายหรอก”

 

 

           ซือเหยี่ยนคิดอย่างจริงจัง “เพิ่มคุณอีกคน น่าจะนับไม่ได้ชัดเจนแล้วมั้ง ถึงยังไงคนที่ชอบผมก็มีมากมาย”

 

 

           เจียงมู่เฉินกัดเขาคำหนึ่งโดยไม่ลังเลสักนิด “ฉันถามจริงจังนะ”

 

 

           “คุณคนเดียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินเบ้ปากหยิ่งๆ ไม่คิดเชื่อคำพูดไอ้หมอนี่เลยสักนิด เขายกเท้าถีบคนตรงหน้า “แล้วคนก่อนคนนั้น ที่อยู่อเมริกาคนนั้นล่ะ”

 

 

 

 

ตอนที่ 167 แฟนเก่าผู้ยิ่งใหญ่

 

 

           เขายังไม่ลืมคนรักคนนั้นที่ซือเหยี่ยนเอ่ยถึง พอคิดถึงใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขของซือเหยี่ยนเวลาที่เอ่ยถึงคนนั้น เจียงมู่เฉินก็มีวิกฤตแล้ว

 

 

           ตอนนี้ซือเหยี่ยนคบอยู่กับเขา แต่ถ้าหากว่ามีวันหนึ่งวันนั้น แฟนเก่าที่เขายังลืมไม่ลงคนนี้กลับมา ซือเหยี่ยนไอ้หมอนั่นจะบังคับตัวเองให้ยอมสละตำแหน่งเปิดทางให้หรือเปล่า

 

 

           ถึงแม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ว่าเกราะป้องกันทางใจก็ยังต้องมีอยู่

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกไปมา “อ่อ คุณหมายถึงคนนั้นเหรอ”

 

 

           “นายสารภาพมาตรงๆ อย่าคิดจะพูดอ้อมค้อมกับฉัน” เจียงมู่เฉินหรี่ตาใช้สายตาข่มขู่เขา

 

 

           “ก็ได้ สารภาพ” ซือเหยี่ยนสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับกลัวการสารภาพเพียงนิดเดียวเท่านั้น “พูดมาเถอะ คุณอยากรู้อะไร”

 

 

           “พวกนายคบกันมานานเท่าไหร่”

 

 

           “รู้จักกันมายี่สิบกว่าปี คบกันสี่ปี” รู้จักกันตั้งแต่เด็ก จนอายุยี่สิบปีไปเจอกันที่อเมริกา ต่อมาสองคนได้คบกัน จนจบการศึกษาปีนั้น ภารกิจของเจียงมู่เฉินล้มเหลวจนเกือบตาย

 

 

           เมื่อเจียงมู่เฉินได้ยิน ก็รู้สึกอิจฉาไม่เบา เขาเพิ่งจะคบกับซือเหยี่ยนแค่ครึ่งปีเอง แต่กับแฟนเก่าคนนั้นคบกันมาตั้งสี่ปีเต็มๆ

 

 

           ถึงเขามีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง ก็ไม่มีทางจะว่าครึ่งปีของตัวเองจะล้มเวลาสี่ปีของพวกเขาได้

 

 

           ข้อนี้เขารู้ตัวเองดี เจียงมู่เฉินยังมีความรู้ตัวเองอยู่

 

 

           “ก่อนหน้านี้นายบอกฉันว่า เขาเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตแล้วหรือว่า?”

 

 

           ซือเหยี่ยนหลับตาลง “เกือบจะเสียชีวิต แต่ช่วยกลับมาได้แล้ว”

 

 

           “งั้นทำไมนายถึงยังต้องเลิกกับเขาล่ะ” เจียงมู่เฉินไม่เข้าใจ ซือเหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ใช่คนประเภทที่ว่าตอนคนเขากำลังบาดเจ็บอยู่ แล้วจะขอเลิกไม่รับผิดชอบอะไรแบบนั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนเบือนหน้าหนี แสดงออกว่าไม่ยอมให้คำถามนี้ไปต่อชัดเจน เจียงมู่เฉินมองดูมุมหน้าด้านข้างของเขา ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม “นายยังรักเขาอยู่ไหม”

 

 

           สายตาซือเหยี่ยนจอจ่ออยู่ที่เจียงมู่เฉิน เขาแทบจะไม่มีความลังเลอะไร ก่อนจะพยักหน้า “ชอบ”

 

 

           เจียงมู่เฉินกำหมัดแน่น เขายังชอบแฟนเก่าคนนั้นอยู่ แล้วตัวเองล่ะ เป็นอะไรสำหรับเขา       

 

 

           “ถ้ามีวันหนึ่ง เขาอยากจะกลับมาสานต่อความสัมพันธ์กับนาย นายจะตกลงปลงใจกับเขาไหม”

 

 

           ยามที่เอ่ยถามประโยคนี้ไป หัวใจของเจียงมู่เฉินราวกับมีคนมากำเอาไว้แน่น แทบจะหยุดหายใจ เป็นครั้งแรกที่คุณชายน้อยตระกูลเจียงผู้เย่อหยิ่งเสียความมั่นใจขนาดนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนมองใบหน้าของเขา แล้วถอนหายใจเบาๆ “ผมชอบเขา ลืมเขาไม่ลง แต่ว่าครั้งนี้ผมเลือกคุณ”

 

 

           อีกอย่าง แฟนคนก่อนกับแฟนคนปัจจุบันก็คือเจียงมู่เฉินแค่คนเดียว เพียงแต่ว่าเจียงมู่เฉินไม่รู้ก็เท่านั้นเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะพูดอะไร

 

 

           เขาลุกขึ้นยืน “นอนแต่หัวค่ำเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”

 

 

           ‘ชอบแฟนเก่าไปด้วย เลือกเขาไปด้วย เขาควรจะรู้สึกมีความสุขเหรอ’

 

 

           สำหรับแฟนเก่าผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เจียงมู่เฉินรู้สึกสั่นคลอน

 

 

           ……

 

 

           ตามคำแนะนำของซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินเริ่มลงสืบเรื่องราวจากคุณพ่อหวัง เขาฟุบบนโซฟามองมั่วไป๋เอานั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ขตลอด ไม่รู้กำลังหาข้อมูลอะไรอยู่

 

 

           เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ จู่ๆ มั่วไป๋ก็ส่งเสียงร้องเรียกเขา เจียงมู่เฉินเข้าไปใกล้ มั่วไป๋ให้เขาดูใบโอนเงินใบหนึ่ง

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “นี่คือ?”

 

 

           “ในนามของเขามีบัตรธนาคารใบหนึ่ง ที่ไม่นานมานี้มีเงินก้อนใหญ่โอนเข้ามา แต่วันนั้นก็ถูกโอนย้ายไปเข้าบัตรธนาคารอีกใบ”

 

 

           “คิดไม่ถึงว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ” เจียงมู่เฉินถอนหายใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าพ่อคนหนึ่งจะทำเรื่องแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองได้

 

 

           “ฉันตามตรวจสอบบัญชีที่โอนเข้ามานี้ แต่ไม่มีข่าวอะไรเลย” มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ซ่อนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองไว้มิดชิด ถ้าต้องการจะสืบเรื่องนี้ต่อจริงๆ ค่อนข้างยากเอาเรื่องเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับ ชักจะปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว เดิมทีคิดว่าถ้าตามทางนี้ได้จะหาอะไรเจอบ้าง แต่ตอนนี้เห็นเบาะแสถึงแค่ตรงนี้ก็โดนตัดทางอีกแล้ว

 

 

           “โอเค แค่นี้ก่อนเถอะ สุดแล้วแต่จะเป็นไปดีกว่า”

 

 

           มั่วไป๋พยักหน้า “ได้ ทางนี้ฉันมีข่าวอะไร จะรีบบอกนายทันที”

 

 

           “ใช่สิ คืนนี้วันเกิดซือเหยี่ยน ไปกินข้าวด้วยกันสิ”