เล่มที่ 14 เล่มที่ 14 ตอนที่ 400 แม่จิ่นซี หนูอึดอัดใจ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“โฮก… โฮก… โฮก… ”

สัตว์เทพกิเลนโถมตัวกอดรัดร่างกายของซูจิ่นซีราวกับปลาหมึก มันถูไถใบหน้าของตนกับซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่องด้วยความขุ่นเคือง

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว พลางดึงสัตว์เทพกิเลนออกจากตัวอย่างไร้ความปราณี นางรู้สึกโกรธยิ่งกว่าสัตว์เทพกิเลนเสียอีก

“บัดซบ เจ้าคิดทรยศหรือ! ทำให้ข้ากลัวแทบตาย ไปให้พ้น! ”

ซูจิ่นซีพูดพลางโยนสัตว์เทพกิเลนลงบนพื้น

ทว่าร่างของสัตว์เทพกิเลนที่เพิ่งตกลงบนพื้น พลันเด้งกลับมาเหมือนลูกบอล มันชนเข้ากับซูจิ่นซีอีกครั้ง

“โฮก… โฮก… ” สัตว์เทพกิเลนร้องลั่น

“ร้องทำบ้าอะไร? ข้าไม่ได้ติดค้างสิ่งใดเจ้า หากร้องอีกครั้ง ข้าจะไล่ตะเพิดเจ้าออกไป”

สัตว์เทพกิเลนหยุดร้องทันที แม้มันไม่ได้ส่งเสียงร้องอีก ทว่าดวงตาเปล่งประกายคู่นั้นกลับจ้องมองซูจิ่นซีด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็อดใจไม่ไหว นางกอดสัตว์เทพกิเลนไว้ในอ้อมอก และใช้มือลูบไปบนหัวสัตว์เทพกิเลนด้วยความอ่อนโยน

“พอได้แล้ว เชื่อฟัง อย่าวุ่นวาย ข้าจะเริ่มฝึกฝนระบบถอนพิษ เจ้าต้องทำตัวดีๆ อีกสักครู่ข้าจะเลือกสมุนไพรชั้นเลิศให้เจ้ากิน”

เมื่อได้ยินว่าซูจิ่นซีจะให้กินสมุนไพร สัตว์เทพกิเลนควรมีท่าทีตื่นเต้น ทว่ามันยังคงทำหน้าเศร้า ไม่สนใจแม้แต่น้อย

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมองสัตว์เทพกิเลน

“หึๆ เก่งแล้วใช่หรือไม่ กระทั่งสมุนไพรก็ไม่สนใจแล้ว เลือกกินแล้วหรือ? ว่ามา เจ้าต้องการสิ่งใด? ”

“โฮก… ”

สัตว์เทพกิเลนส่งเสียงต่ำ เต็มไปด้วยความคับข้องใจและน้อยเนื้อต่ำใจ มันใช้ศีรษะถูหน้าอกซูจิ่นซีอย่างแรง

ซูจิ่นซีคันจนทนไม่ไหวและรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที นางจับสัตว์เทพกิเลนโยนออกไป

“บัดซบ แม้แต่เจ้ายังคิดลวนลามข้า เจ้าสัตว์เทพบ้า! ”

ครั้งนี้สัตว์เทพกิเลนไม่เด้งตัวกลับมาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากตกลงบนพื้น มันก็หันมามองซูจิ่นซีด้วยสายตาไม่พอใจ

“โฮก… ”

“ไม่ต้องตามมา ข้ารำคาญและยุ่งมาก! ” ซูจิ่นซีเอ่ยเสียงต่ำ พลางชี้สัตว์เทพกิเลนด้วยท่าทีดุดัน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

“โฮก… ”

“โฮก… ”

“โฮก… ”

เสียงของสัตว์เทพกิเลนที่อยู่ข้างหลังมีความขุ่นเคืองและน้อยใจมากกว่าเดิม สุดท้ายสัตว์เทพกิเลนก็ร้องครวญครางด้วยความเสียใจ มันร้องเรียกซูจิ่นซีเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่รังแก

สัตว์เทพกิเลนอยู่ข้างกายซูจิ่นซีมาระยะเวลาหนึ่ง ทั้งมันยังร่วมต่อสู้กับซูจิ่นซีหลายครั้ง จึงเกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้านาย ซูจิ่นซีไม่อาจทำใจทิ้งขว้างสัตว์เทพกิเลนได้ จึงเดินกลับมาอุ้มสัตว์เทพกิเลนไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

“เด็กดี ข้าอุ้มเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องเชื่อฟังข้า ห้ามรบกวน”

สัตว์เทพกิเลนยังคงมีท่าทีไม่พอใจ

วันนี้ดูเหมือนสัตว์เทพกิเลนจะผิดปกติอยู่บ้าง แต่ซูจิ่นซีไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น

สัตว์เทพกิเลนที่น่าสงสารแทบจะร่ำไห้

มันใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ทว่าซูจิ่นซี สตรีผู้นี้ไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อย ไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย!

นึกไม่ถึงว่านางจะลืมไปแล้ว ลืมไปแล้วจริงๆ !

แม่จิ่นซี อวิ๋นกุ้ยกับดอกโบตั๋นแดงเล่า สมุนไพรสองชนิดที่ท่านรับปากหนูไว้?

เราตกลงกันว่า หลังจากที่มันทำร้ายกูสือซานแล้ว ซูจิ่นซีจะให้สมุนไพรอวิ๋นกุ้ยกับดอกโบตั๋นแดงเป็นรางวัล แม้สุดท้ายมันจะไม่ได้ทำร้ายเขา ทว่าแม่จิ่นซี ท่านได้เอ่ยปากพูดกับทุกคนแล้ว!

ท่านไม่อาจไม่ทำตามคำพูด มันเสียแรงไปไม่น้อยเพื่อช่วยรับมือศัตรู!

“ฮือ… ฮือ… ”

สัตว์เทพกิเลนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกน้อยใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเจ็บปวด หลังเปลี่ยนเสียงร้องคำรามให้คล้ายเสียงร้องไห้ น้ำตาก็ไหลออกมาจริงๆ

ซูจิ่นซีก้มมองสัตว์เทพกิเลนที่น้ำตาไหลเหมือนสายน้ำ นางตกใจไปชั่วขณะ ก่อนจะหยุดฝีเท้าด้วยใบหน้างงงวย

ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า

“จะว่าไป เจ้ารู้สึกน้อยใจที่อยู่ข้างกายข้าหรือ? รู้สึกว่าข้าดูแลเจ้าไม่ดีใช่หรือไม่? หากรู้สึกเช่นนั้นจริง เอาอย่างนี้… ข้าให้คนส่งเจ้ากลับไปที่แดนต้องห้ามสกุลจงดีหรือไม่? อย่างไรเสีย เจ้าก็อยู่ที่นั่นมาหลายปี เมื่อต้องจากมาอย่างกะทันหัน ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการคิดถึงบ้านได้”

อ๋า…

ซูจิ่นซี เจ้าเป็นสตรีบ้า!

สตรีโง่!

เดิมทีจิตใจของสัตว์เทพกิเลนก็ไม่ราบรื่นเท่าไรนัก ซูจิ่นซียิ่งทำให้มันร้องไห้น้ำตาไหลพราก

“เฮ้ เจ้าอย่าร้องไห้! ”

ซูจิ่นซีกังวลใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ายังคงไร้ผล สุดท้ายนางจึงนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหินพลางถอนหายใจยาว “มนุษย์กับสัตว์เทพไม่สามารถสื่อสารกันได้ตามปกติ ไม่อาจเข้าใจระหว่างกันเหมือนสีซอให้ควายฟังอย่างไรอย่างนั้น นับเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเสียจริง เมื่อก่อนเคยได้ยินตำนานเรื่องโฉมงามกับอสูร วันนี้นับว่าข้าได้ประสบด้วยตนเองแล้ว ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของคนแปลกหน้าไม่อาจปักใจเชื่อโดยง่าย และโฉมงามกับอสูรก็เข้ากันไม่ได้แม้แต่น้อย ”

เจ้านั่นแหละวัว เจ้านั่นแหละสัตว์เทพ!!!

สัตว์เทพกิเลนก็มีหัวใจ มันกัดซูจิ่นซีไปคำหนึ่ง

อวิ๋นกุ้ยเอ๋ยอวิ๋นกุ้ย ดอกโบตั๋นแดงเอ๋ยดอกโบตั๋นแดง!!!

ซูจิ่นซี เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าใจ!

ใช่ ซูจิ่นซียังคงไม่เข้าใจอันใดเลยจริงๆ

นางนั่งลงที่ขั้นบันไดหินเย็นเฉียบและกอดสัตว์เทพกิเลนไว้ ท่าทางนั้นดูเศร้าโศกอย่างมาก จากนั้นจึงทอดสายตามองไปบนท้องฟ้าด้วยความเศร้า

“เรียนวิชาพิษ เรียนวิชาแพทย์! รู้เช่นนี้ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ข้าควรจะเรียนเพิ่มอีกสักวิชาหนึ่ง หากรู้ว่าจะได้พบกับเจ้า ข้าควรเรียนวิชาภาษาสัตว์เทพ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของซูจิ่นซี สัตว์เทพกิเลนที่ร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพลันเงียบเสียงลง แววตาที่เศร้าโศก โกรธเคือง น้อยใจ และลำบากใจ ล้วนหายไปจนหมดสิ้น หยาดน้ำตาวาวใสราวกับไข่มุกคลออยู่รอบดวงตา มันมองซูจิ่นซีด้วยความประทับใจอย่างถึงที่สุด

แม่จิ่นซี ท่านดีกับหนูจริงๆ !

ซูจิ่นซีพบว่าสัตว์เทพกิเลนมีท่าทางแปลกไป จึงก้มหน้ามองสัตว์เทพกิเลนที่อยู่ในอ้อมแขน

นางชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ลูบไปที่หน้าผากของสัตว์เทพกิเลน

“ไม่ต้องหลงรักข้ามากจนเกินไป ข้าเป็นเพียงตำนาน! ”

อ้าก…

สัตว์เทพกิเลนกระอักออกมาเป็นเลือด

สตรีโง่เขลา เจ้าคิดอันใดอยู่กันแน่!

สัตว์เทพประทับใจไม่ได้หรือ? มันประทับใจไม่ได้หรือ?

ประทับใจ! ประทับใจ! ประทับใจ!!! ประทับใจ! ประทับใจ! ประทับใจ!!!

ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเคารพนับถือ

สัตว์เทพกิเลนรู้สึกเจ็บปวด มันมองซูจิ่นซีที่มีท่าทีมึนงงสับสน ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดมันก็ตัดสินใจประนีประนอม

ช่างเถิด ก็แค่อวิ๋นกุ้ยกับดอกโบตั๋นแดงเท่านั้นไม่ใช่หรือ?

แม้สมุนไพรทั้งสองชนิดจะล้ำค่ายิ่งนัก ทว่ามันเป็นสัตว์เทพไม่ใช่หรือ! มียาสมุนไพรอันใดที่มันไม่เคยพบบ้าง?

ในเมื่อแม่จิ่นซีลืมไปแล้ว เช่นนั้นก็ช่างมันเถิด!

สัตว์เทพกิเลนคิดพลางกระโดดลงจากอ้อมแขนของซูจิ่นซี เพื่อเปิดทางให้ซูจิ่นซีได้จัดระเบียบระบบถอนพิษ มันม้วนหางและหันหลังกลับอย่างคร่ำครวญ ก่อนจะก้าวจากไปด้วยท่าทางเยือกเย็น

ซูจิ่นซีไม่เข้าใจความคิดของสัตว์เทพกิเลนแม้แต่น้อย จึงไม่ได้ห้ามมันไว้ หากเวลานั้นสัตว์เทพกิเลนหันหลังกลับมา มันจะต้องประทับใจยิ่งกว่ายามที่ได้ยินซูจิ่นซีพูดว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย นางควรลงเรียนวิชาเพิ่มเติมเพื่อมัน

เพราะขณะนี้ เจ้านายของมันกำลังมองมันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดเสียใจ

‘ครืน ครืน… ’

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังราวกับฟ้าร้อง

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่น

สัตว์เทพกิเลนหยุดเดิน ก่อนจะใช้อุ้งเท้าลูบไปที่ท้องของมัน เมื่อหันหน้าไปเห็นท่าทางของซูจิ่นซี มันจึงคิดว่าตนเองทำให้ซูจิ่นซีตกใจ จึงถูอุ้งเท้าทั้งสองข้างแสดงท่าทางขอโทษอย่างจริงจัง

ฮิ ฮิ… คือว่า แม่จิ่นซี ต้องขอโทษจริงๆ !

หนูไม่ได้กินอันใดมานานมากแล้ว เมื่อครู่เป็นเสียงท้องร้อง หนูไม่ได้ปล่อยแก๊สพิษแน่นอน ไม่มีแน่นอน!

สัตว์เทพกิเลนพูดอยู่ตั้งนาน ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ ทันใดนั้นมันก็นึกขึ้นได้ว่าซูจิ่นซีฟังสิ่งที่มันพูดไม่เข้าใจ มันจึงหันหลังกลับและเดินต่อไป

“เจ้าสัตว์เทพ… ”

เสียงสดใสของซูจิ่นซีดังขึ้นจากทางด้านหลัง

สัตว์เทพกิเลนหยุดเดินและหันกลับไป ใบหน้าของมันพลันแปรเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา ราวกับเห็นภูเขาทองคำกำลังส่องแสงประกายระยิบระยับ มันน้ำตาคลอเบ้ามองซูจิ่นซีด้วยความตื้นตันใจ