136เข็มพิรุณแพร์ผกา

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 136เข็มพิรุณแพร์ผกา

 

เจาเล่อหยุดยืนอยู่กับที่ เขายกมือขึ้นมาและส่ายมันอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ําเสียงที่กระวนกระวายและท่าที่ที่ดูรีบร้อนว่า

 

“พวกคุณเข้าใจผิดแล้วครับ”

 

“เข้าใจผิด?”

 

กลุ่มตัวแทนบริษัททําเพลงต่างพากันมองหน้าสลับกันไปมาด้วยความสับสนุนงงกับคําตอบที่ได้ยินพวกเขาจึงถามเขากลับ

 

ว่า “พวกเราเข้าใจอะไรผิดไปล่ะ”

 

เจาเล่อได้ตอบว่า “เย่หยู่จะไม่มาที่นี่ในเร็วๆนี้คือเขาจะไม่มาที่นี่ครับ!”

 

ทุกคนในที่นี้ต่างพากันตกตะลึงกับคําตอบที่ได้ยิน ” หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาจะได้มาที่นี่เขารู้หรือปาวว่าพวกเรากําลังรอเขาอยู่”

 

เจาเล่อพยักหน้ารับและพูดว่า “ผมบอกเย่หยู่แล้วครับ”

 

จู่ๆกลุ่มตัวแทนของบริษัททําเพลงหัวเราะออกมาเบาๆ”เขารู้แล้วทําไมเขาถึงไม่มาที่นี่ล่ะ เป็นไปได้ไหมที่เย่หยู่จะไม่พอใจในสัญญานี้”

 

“ใช่แน่ๆ! เธอรีบไปบอกเย่หยู่เลยนะ!บริษัทของพวกเราเป็นถึงบริษัททําเพลงชั้นนําในประเทศจีนเชียวนะ!”

 

“ฮ่า!” นี่เป็นโอกาสสําคัญในชีวิตเชียวนะ!โดยปกติแล้วคนธรรมดาที่ได้รับโอกาสแบบนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่คว้ามันเอาไว้หรอกนะ แต่เย่หยู่เขาจะไม่คว้ามันเอาไว้งั้นหรือ”

 

เจาเล่อรู้สึกเหมือนว่าเขากําลังหายใจไม่ออกเนื่องจากแรงกดดันของพวกเขาเหล่านี้ แต่เมื่อเขาคิดถึงคํา พูดของเย่หยู่ที่ทําให้เขามาที่นี่เขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีและพูดมันออกไป “เย่หยู่บอกว่าการร้องเพลงเป็นแค่งานอดิเรกของเขา! เขาไม่อยากเป็นนักร้องครับ!”

 

เมื่อเขาพูดจบประโยคทุกคนในห้องนี้ต่างพากันตกใจกับคําตอบที่ได้รับพวกเขาถามขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจและสับสนว่า “เธอพูดว่าอะไรนะเหยู่ไม่อยากเป็นนักร้อง เหรอ”

 

“เป็นไปไม่ได้!” ไม่มีใครไม่อยากเป็นคนดังหรอกนะ! “

 

“เราจะทํายังไงดี” ไม่ใช่ว่าสิ่งที่พวกเราทําไปมันไร้ประโยชน์หรอกนะ”

 

ตัวแทนของไมคาห์ อินเตอร์เนชั่นนอลเกรซซี่ เขาส่งยิ้มให้เจาเล่อและพูดกับเขาว่า”เด็กน้อย ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ เธอได้ยินอะไรผิดรึป่าวเย่หยู่จะปฏิเสธข้อเสนอของพวกเราได้ยังไงล่ะ”

 

เจาเล่อกรอกตามองไปยังตัวแทนคนอื่นที่ได้ทําท่าทีที่หยิ่งผยองเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแต่ในตอนนี้เขาเหมือนดอก ไม้ที่กําลังเหี่ยวเฉาเพราะไม่ได้รับการรดน้ําและเอาใจใส่ดูแลเมื่อเขาได้ยินว่าเหยู่จะไม่มาที่นี่

 

เพราะเจาเล่อนั้นได้รวบรวมความกล้าและขจัดความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในก่อนหน้านี้ของเขาออกไปจนหมดสิ้นแล้ว เขาจีงเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบว่า “เย่หยู่บอกว่าเขาจะไม่เซ็นสัญญา อะไรทั้งนั้น!”

 

ตัวแทนจากสตูดิโออัดเพลงต่างมองหน้ากันและกันพวกเขาถอนลมหายใจออกมาอย่างพร้อมเพียงกันด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังเป็นอย่างมาก

 

“เฮ้อ!” ในเมื่อเย่หยู่ไม่ยอมเซ็นสัญญากับพวกเราแบบนี้ก็เท่ากับว่าที่เราแข่งกันเสนอสัญญาไปก่อนหน้านี้มันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี”

 

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเย่หยู่ต่ําไปนะเนี่ย”

 

“ เหอะ ก่อนหน้านี้เราจะเถียงกันทําไมล่ะถ้าเหยู่ไม่ได้มาที่นี้จริงๆล่ะก็ฉันกลับล่ะ!”

 

กลุ่มของตัวแทนบริษัททําเพลงต่างได้มาที่นี่อย่างมาดมั่นและได้จากไปด้วยความเศร้าสร้อย

 

เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านั้นได้เดินจากไปแล้ว หลี่เสี่ยชูนั้นรู้สึกยินดีและพอใจกับการตัดสินใจของเหยู่เป็นอย่างมาก

 

เขาหันไปพูดกับเจ้าเล่อที่ยืนอยู่ข้างๆว่า “นี่แค่เริ่มต้นเธอ ไปบอกเย่หยู่ว่าฉันหยุดพวกเขาเอาไว้เพื่อเขา”

 

มัธยมปลาย ห้องหนึ่ง

 

เย่หยู่กําลังนั่งบนเก้าอี้ที่ประจําของเขา อยู่ๆเขาก็ตะโกนออกมาในความคิดของเขาว่า “ระบบ!”

 

“มนุษย์: เย่หยู่(ลัทธิเต๋ เลเวล 1)”

 

“รูปร่าง: ร่างกายแห่งจิตวิญญาณกระบี่”

 

“การขโมย รวม: 0”

 

“คะแนนเตชั้นสูง: 940/1000”

 

“ความสามารถ: ทักษะการแสดง ทักษะการคํานวณชั้นสูง, ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา 13 เข็มของสํานักปีศาจหน้า กากราชา, ออร่าการป้องกัน, ไอคําสาป, ผู้เชี่ยวชาญดานกา รทําอาหาร, เทคนิคการต่อสู้ด้วยปืน, เงาเคลื่อน, การขับ ยานพาหนะ , ปรมาจารย์ด้านอักษรศาสตร์,ความโศกเศร้าของผีสาว”

 

” ความสามารถ: 36 กระบวนท่าออกกําลังกาย, ดาบมังกรพลังปราณสายฟ้า, ยันต์แห่งความเป็นความตาย”

 

“ไอเท็ม: น้ํายาสัตย์จริง แว่นของโคนัน ประตูมังกรหยกแกะสลัก แหวนเลิฟซิก,วิชาตัวเบาขั้นสูง, เสื้อคลุมเทพเจ้าแห่งการเสี่ยงโชค,ยาเสริมพลังปราณ นวกรรมิกการสร้างอาหารอํามฤต”

 

“ผู้ใต้บังคับบัญชา: เขย่าสวรรค์, เนียเสี่ยวเฉียน”

 

“จับล็อตเตอร์รี่: 1”

 

เมื่อเขามองไปที่จอของระบบในความคิด เย่หยู่ได้พบว่าคะแนนเตชั้นสูงของเขาเกือบจะถึง 1,000 แล้ว และเมื่อเขาได้รับ1,000คะแนน เขาจะสามารถเพิ่มระดับเป็นผู้ฝึก เต่ระดับ 2! และยังเหลือการจับล็อตเตอร์รี่อีกหนึ่งครั้ง!

 

นัยน์ตาของยู่หยู่เป็นประกาย “ระบบเริ่มจับลอตเตอรี่!”

 

พรึบ!

 

วงล้อแห่งลอตเตอรีในความคิดของเขาก็เริ่มหมุนในทันที

 

“หยุด!”

 

“ปั๊บ” ขอแสดงความยินดีด้วย คุณจับได้ ชิ้นส่วนของอาวุธนั่นคือ เข็มฝนดอกท้อ! ”

 

จู่ๆมือของเหยู่ก็หนักขึ้นในทันทีกล่องไม้รูปลักษณ์โบราณใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา

 

กล่องไม้ใบนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีสีดําสนิทและมีพื้นผิวที่ ราบเรียบ

 

“เข็มพิรุณแพร์ผกา” เป็นอาวุทลับรีปาว”เหยู่มองดูกล่องไม้ที่สวยงามในมือของเขาและถามคําถามกับระบบ

 

“เข็มฝนดอกท้อ: สํานักถึงได้สูญเสียสุดยอดอาวุทลับ มีเพียงเทพขั้นเจ็ดเท่านั้นที่สามารถเอาชนะมันได้!

 

ซัด!

 

เย่หยูสูดลมหายใจรับอากาศเย็นๆเข้าปอดพรางมองไปยังกล่องไม้ที่ดูเผินๆแล้วเหมือนกล่องไม้ธรรมดาๆในมือเขาแอบคิดกับตัวเองว่าช่างเป็นอาวุทลับที่โหดเหี้ยม!

 

เป็นที่รู้จักกันดีว่านักรบขั้นที่เจ็ดนั้นนับว่าเป็นสุดยอดของสุดยอดหากพูดตามตรงแล้ว ตราบใดที่ศิษย์ของนักรบขั้นที่เจ็ดนั้นยังไม่อยากตายก็ไม่มีอะไรที่จะปลิดชีพของนักรบขั้น ที่เจ็ดได้และกล่องไม้ที่อยู่ตรงหน้าเย่หยู่นั้นไม่สามารถเอาชนะได้เว้นแต่จะเป็นนักรบขั้นเจ็ดมันช่างน่ากลัวมาก! 

 

“เอ๊ะเหยู่นั่นอะไรน่ะสวยจังเลย! ”

 

ฮันเสวี่ยถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อเธอได้เห็นกล่องไม้ที่สวยงามที่เย่หยู่กําลังถือมันเอาไว้ในมือของเขา

 

“ช้าก่อนอย่าจับมันนะ!”

 

เมื่อเขาเห็นท่าทีของฮันเสวี่ยที่กําลังจะเอื้อมมือออกมาจับเข็มพิรุณแพร์ผกา ทันใดนั้นเย่หยู่ก็ได้รีบห้ามปรามเธอเอาไว้ “ของชิ้นนี้มันอันตรายอย่าไปยุ่งกันมันเลย”

ฮันเสี่ยดึงมือของเธอที่กําลังจะแตะโดนกล่องไม้กลับไปในทันทีที่ได้ยินคําพูดของเขา เธอจึงถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “มันน่ากลัวใช่ไหม” เย่หยู่มันไม่ใช่กล่อง ไม้ธรรมดาหรอหรือว่ามันคือระเบิด!”

 

เย่หยู่จัดการเก็บเข็มพิรุณแพร์ผกาด้วยความระมัดระวังเมื่อเขาได้จัดการมันเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาได้หันมาพูดกับฮันเสี่ยว่า “จริงๆแล้วของข้างในกล่องนี้นับว่าร้ายแรงกว่าระเบิดอีก!”

 

เมื่อฮันเสวี่ยได้ยินดังนั้น มุมปากกระตุกหนึ่งครั้ง” ซิฉันไม่เชื่อ!”

 

ขอบสนามของโรงเรียนมัธยมเซียงหยูเย่หยู่และฮันเสียกําลังยืนอยู่ข้างๆกันพวกเขากําลังดูเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่กําลังวิ่งเล่นกันอยู่ในสนามโดยไม่มีคําพูดใดออกมาจาก ปากของทั้งสองฝ่ายสําหรับฮันเสวี่ยแล้วทุกวินาทีที่เธอใช้กับมันกับเหยู่นั้นมีค่าเสมอ

 

“เย่หยู่ฉันสงสัยว่าชีวิตแบบนี้จะคงอยู่อีกนานแค่ไหน” ฮันเสวี่ยถอนหายใจออกมาและพูดด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูเศร้าเล็กน้อย

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเย่หยู่นั้นรู้ได้ในทันทีว่าฮันเสี่ยจําได้ว่าเขาจะต้องไปจากประเทศจีนตอนปลายปีนี้และแน่นอนว่า เขาต้องอยู่ห่างไกลจากฮันเสวีย

 

“เสี่ยวเสวี่ยไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะไปหาเธอเสมอ”เย่หยู่หันหน้ามองทางที่ฮันเสวี่ยและพูดออกมาเบาๆ

 

“อื้อ” ฮันเสี่ยพยักหน้ารับกับคําตอบที่ได้ยินเบา ๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามร่องรอยของความกังวลใจยังคงยังฉายแววออกมาให้เห็นผ่านนัยตาของเธอเนื่องจากว่าฮันเสี่ยนั้น กําลังจะกลายเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ของเมืองหิมะไดอาน่าได้เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรและดวงจันทร์ลี กลับของเมืองหิมะเมื่อเธอมาที่ประเทศจีนในครั้งนี้

 

ที่เมืองหิมะดวงจันทร์ลึกลับเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่มาก แม้ว่าตอนนี้พวกมันจะหลบซ่อนอยู่ในความมืด แต่พวกคน ระดับสูงของเมืองหิมะต่างก็รู้ว่า ดวงจันทร์ลึกลับนั้นเป็นอ ย่างไร

 

“เย่หยู่นายรู้ไหมว่าความสามารถของพวกดวงจันทร์ลี กลับนั้นน่าทึ่งมากแค่ไหนคราวนี้ฉันกลัวว่าถ้าเราไปที่ เมืองหิมะแล้วเราจะสามารถ … “

 

“อย่าพูดถึงมันอีก!” เย่หยู่พูดตัดบทฮันเสวี่ยในทันทีด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น “ไม่ว่าเฉินเยี่ยจะทําอะไรก็ตามยังไงเธอก็ไม่มีทางหยุดฉันได้!”

 

“เยี่ยมไปเลย!” ฉันจะรอนายที่เมืองหิมะนะ!”

 

ดวงตาของฮันเสวี่ยสว่างวาบขึ้นมาในขณะที่เธอพูดมันออกมาด้วยความมุ่งมั่น

 

“เฮ้! พี่ชายระวังบาสเก็ตบอล!”

 

บนสนาม ลูกบาสเกตบอลกําลังลอยไปทางเย่หยู่

 

“ระยะทาง 45 เมตรความเร็ว 30 เมตรต่อวินาที กําลังพุ่งมายังจมูกของคุณหลังจาก 1.2 วินาที”

 

เย่หยู่รับรู้ได้ในทันทีว่าทิศทางของลูกบาสนั้นเป็นอย่างไรเพราะสุดยอดทักษะการคํานวณชั้นสูงนั้นได้เปิดใช้งานแล้ว

 

ปัง

 

ทันใดนั้นเย่หยู่ยกมือของเขาขึ้นมาและคว้าไปที่ลูกบาสที่กําลังตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ได้หันไปมองมันเลยสักนิด

 

” พี่ชายสุดยอด!”

 

“เขาคว้าลูกบาสไว้ได้ด้วยล่ะ!”

 

“ว้าว!” นี่มันปฏิกิริยาของพระเจ้าแล้ว!”

 

ในสนามบาสเก็ตบอลเหล่านักเรียนที่กําลังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่ตอนนี้เห็นท่าที่ที่เย่หยู่คว้าลูกบอลไว้ได้จึงพากันตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

 

เย่หยยิ้มบางๆเขาได้โยนลูกบาสเก็ตบอลเล่นบนมือ

 

“พี่ชายอยากจะเล่นกับพวกเราสักแมทไหม”

 

นักเรียนบางคนที่เห็นว่าเหยู่นั้นแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมเขาจึงตะโกนออกไปดังๆเพื่อเชิญชวนให้เย่หยู่มาเล่นด้วยกัน

 

“ไม่ล่ะ เทียบกับการเล่นบาสเก็ตบอลแล้ว ฉันอยากจะอยู่กับคนสวยมากกว่าน่ะ”

 

ขณะที่กําลังพูดอยู่นั้นเย่หยู่หันนิ้วชี้ไปยังฮันเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆเขา เขายิ้มออกมาในขณะที่กําลังพูด

 

ทุกคนที่อยู่ในสนามบาสเก็ตบอลต่างหันหน้าตามการชี้ ของเหยู่พวกเขาต่างงุนงงกับประโยคที่เขาพูดออกมาอยู่ครู่หนึ่งแต่หลังจากนั้นไม่นานทุกคนต่างก็พร้อมใจกันหัว เราะออกมา มีหนึ่งคนพูดขึ้นมาว่า “พี่ชายพี่คิดถูกแล้ว! เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้หญิงนั้นจะต้องสําคัญกว่าอยู่แล้ว!”

 

“ฮ่าฮ่า ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มีใครอยากเล่นบาสเก็ตบอลต่อไหม!”

 

“นี่แหละที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญ!” พี่ชายคนนี้จะสอนให้ฉัน เคลื่อนไหวสองครั้งเมื่อฉันว่าง!”

 

เย่หยู่หัวเราะออกมาเบา ๆ และโยนบาสเก็ตบอลออกไป โดยไม่ได้ตั้งใจ

ฟบ!

 

เย่หยู่โยนลูกบาสเก็ตบอลลงห่วงที่อยู่ตรงกลางสนามโด ยที่เขากําลังยืนอยู่ตรงขอบสนาม

 

“อ๊ะ พี่ชาย เท่โคตรอ่ะ!” พี่โยนลงห่วงในระยะไกลขนาด นั้นได้ด้วย!”

 

“โชคดีที่เขาไม่ได้เล่นกับเราในระยะทางที่ไกลขนาดนี้ขนาดยืนอยู่ข้างหลังเราเขายังโยนลงเลยห่วงเลย มีหวังเราแพ้เขาแน่”

 

“วันนี้ฉันได้พบกับพระเจ้าตัวเป็นๆ!”

 

เย่หยู่หันไปหาฮันเสวี่ยและพบว่าเธอกําลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง

 

เย่เหยู่ถามพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆว่า “เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าโกรธที่ฉันเรียกเธอว่าคนสวย!”

 

ฮันเสวี่ยยู่ปากเล็กน้อย ”หยอกสาวให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ!” ลองให้ฉันขยับสักสองครั้ง! ”

 

“ฮ่าฮ่า”เย่หยู่หัวเราะออกมา“ ถ้าเธอยากลองล่ะก็ทําได้เลยตามสบาย!”

 

ฮั่นเสี่ยชี้นิ้วไปทางด้านหลังเหยู่ ” แล้วหยางเพิ่งหรูล่ะ?”