เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ในโพรงน้ำแข็ง เตากลืนดินที่อยู่ตรงหน้ายังคงกลืนกินไอเย็นของแกนน้ำแข็งใยดินอยู่ตลอดเวลา
เขารองเครื่องหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ในมือ
บัดนี้เครื่องหยกที่อยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ส่องแสงออกมาอีกครั้ง ภายในนั้นยังส่องประกายแสงสีฟ้าน้ำแข็งวับวาบอีกด้วย
ชายหนุ่มถือเครื่องหยกเอาไว้ แล้วกรอกปราณจิตราของตนเองเข้าไปภายในทีละน้อย
แกนน้ำแข็งใยดินที่ได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานาน ขณะนี้ก็กำลังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างยิ่งต่อไปเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยปานนี้ เหมือนเช่นการเปลี่ยนเส้นทางน้ำไหลก็ไม่ปาน ทว่ากลับกำลังก่อเกิดความรู้สึกหนักอึ้งอันเต็มเปี่ยมไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากธรรมชาติโดยแท้จริง
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพฉากนี้เงียบๆ คิดอยากจะเปลี่ยนเส้นทางไหลของพลังปราณไปอีกที่หนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ยากแสนเข็ญอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังวางแผนที่จะย้ายผ่านจากแกนน้ำแข็งใยดินของสุดขอบแดนเหนือ ไปส่งผลกับแกนไฟใยดินของแดนใต้
ขอเพียงแค่สามารถแตะต้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะมีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
ชายหนุ่มตั้งใจสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของแกนน้ำแข็งใยดิน ขณะเดียวกันก็ไตร่ตรองในใจว่า ‘อีกเพียงนิดเดียวก็สามารถเกิดผลได้แล้ว’
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เส้นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ย้ายมาบนเตากลืนดินอีกครั้ง ของวิเศษชิ้นนี้ที่ได้มาหลังจากสังหารจ้าวฮ่าวในตอนนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย
เตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กมีประสิทธิผลเหมือนกับกลืนผืนฟ้ากลืนแผ่นดินเข้าไปจริงๆ แม้จะดูดกลืนแกนน้ำแข็งใยดินเข้าไปมากมายขนาดนั้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังสามารถรับไหว
อีกทั้ง หลังจากดูดกลืนไอเย็นไปจำนวนมากแล้ว เตากลืนดินใบก็เหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ครุ่นคิดดูแล้วก็มีบางส่วนไม่ถูกต้อง ทว่าถ้าหากเตากลืนดินมีชีวิตล่ะก็ เยี่ยนจ้าวเกอสามารถรู้สึกได้ถึงความคิดประเภทไม่สะทกสะท้าน และทำเรื่องหนักเหมือนเรื่องเบามาจากมัน
ตอนนี้มันเป็นเพียงฝ่ายดูดรับ หากแต่หาใช่โคจรเองไม่
ถ้าหากเตากลืนดินโคจรเองล่ะก็ จะสำแดงพลังดูดกลืนอันแปลกประหลาดชนิดนี้ออกมาจนถึงขีดสุด เช่นนั้นแล้วจะเป็นปรากฏการณ์เช่นไร?
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางตนเอง ‘น่าสนใจอยู่บ้าง…’
ทันใดนั้น ด้านบนพลันมีเสียงพยัคฆ์คำรามดังมา
เขาจำได้ว่านั่นเป็นเสียงของอาหู่ อีกฝ่ายรีบส่งเสียงเตือนออกมา โดยที่ไม่ทันรีบวิ่งลงมาเช่นนี้ ชายหนุ่มพลันรับรู้ได้ว่าศัตรูมาด้วยท่าทีดุดัน และมีพลังความสามารถแกร่งกล้า
“มาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง นำกระสวยเบิกดินแดนออกมา จากนั้นก็ยืนอยู่กลางค่ายกล ออกแรงกระทืบเท้าครั้งหนึ่ง
ค่ายกลในโพรงน้ำแข็งที่ส่องแสงสีแดงเพลิงพลันสั่นไหว
วิถีการดูดรับแกนน้ำแข็งใยดินของเตากลืนดินก็หยุดชะงักลงตาม ระหว่างที่เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ ปราณจิตราก็ดูดรับม้วนเอาเตากลืนดินเก็บกลับมาโดยพลัน
ครั้นทำทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอไม่มองว่าเส้นลมปราณแกนน้ำแข็งที่เหมือนกับแม่น้ำแสงสีฟ้าจะเป็นเช่นไร ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ร่างกายเหินขึ้นด้านบนอย่างเร็วไว
ด้านบนมีพลังอันน่าครั่นคร้ามผันเป็นคลื่นพลังทอดมาแล้ว
เงาร่างของอาหู่ปรากฏ รีบร้อนจนแทบจะไม่เลือกเส้นทาง ห้อตะบึงไปทางหลุมลึกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
หลังกายเขา มีสายฟ้าอันน่าพรั่นพรึงผสมผสานกับพายุอันดำมืด กลายเป็นปรากฏการณ์ทำลายดับสูญ กวาดโพรงน้ำแข็ง
พายุและสายฟ้าสาดซัดฮึกเหิมทั่วฟ้าดิน ครอบหลุมลึกนี้เอาไว้ ทำให้โลกหิมะน้ำแข็งแต่เดิม กลายเป็นโลกของพายุและสายฟ้าในขณะนี้
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนลงมือพร้อมกัน แม้จะยังไม่เห็นเงาร่างของพวกเขา พลังปราณดั้งเดิมอันบ้าระห่ำแปรเปลี่ยนเป็นพายุสายฟ้าแท้จริง ถล่มโพรงน้ำแข็งลงได้อย่างง่ายดาย
พลังน่าพรั่นพรึงปิดฟ้าพรางอาทิตย์ ยามนี้เยี่ยนจ้าวเกอแหงนหน้าขึ้นมอง ล้วนมองไม่เห็นแสงสว่างทะลุเข้ามาจากปากหลุม
ในความมืดมิด หินดินและก้อนน้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นับไม่ถ้วน กระหน่ำลงมาราวกับห่าฝน
เยี่ยนจ้าวเกอสยายปีกเซียนกระเรียนด้านหลังออก ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ การเคลื่อนไหวปราดเปรียว หลบหลีกน้ำแข็งแตกและหินผาที่ตกลงมาถี่ดุจฝนได้อย่างยอดเยี่ยม
ทว่าน้ำแข็งแตกและหินผาเหล่านี้ แท้จริงแล้วไม่น่ากลัวแต่อย่างใด
ที่น่ากลัวคือพายุและสายฟ้าที่ตามหลังมันมาติดๆ กวาดล้างทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ทำลายโพรงน้ำแข็งจนพังทลาย
ภายในพายุสีดำ มีเสียงผู้เฒ่าคนหนึ่งดังออกมา “ไอ้เด็กกว่างเฉิง เอาชีวิตมา!”
ส่วนในสายฟ้า ก็มีเสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังออกมาด้วย “คุณชายกว่างเฉิง มังกรท่ามกลางมังกร ยินดีที่ได้เจอ”
“ถ้าหากจะสังหารเจ้าไว้ที่นี่ สำนักเขากว่างเฉิงก็คงจะกระโดดดิ้น มาแก้แค้นอย่างเวทนาที่สุดกับสำนักเรากระมัง?”
เงาร่างสูงใหญ่ราวกับเทพยักษ์แสงสายฟ้าคนหนึ่งค่อยๆ ปรากฏตัวให้เห็นในสายฟ้า “แต่เรื่องราวบางส่วนที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ ทำให้ข้าคิดว่าถ้าหากสามารถทิ้งเจ้าเอาไว้ที่นี่ได้ชั่วกัปชั่วกัลป์ สำหรับสำนักข้าแล้ว นับว่าได้มากกว่าเสีย”
ผู้อาวุโสตำหนักอัสนีสวรรค์แซ่เจิน สืบเท้าก้าวใหญ่เข้ามาในโพรงน้ำแข็ง
ข้างกายเขา มีผู้อาวุโสสำนักเขานิมิตทมิฬเจิ้งซั่วอยู่ ใบหน้ายิ่งอึมครึม
ด้านหลังผู้อาวุโสเจินและเจิ้งซั่ว ยังมียอดฝีมือมหาระดับปรมาจารย์ของตำหนักอัสนีสวรรค์คนอื่นๆ ร่วมเดินทางมาด้วย พวกเขาไม่อำพรางพลังปราณอันเกรียงไกรของตนเพิ่มเลยแม้แต่น้อย เหนือศีรษะแต่ละคนกลายกับลอยอยู่ด้วยเมฆสายฟ้าอันหนาหนัก
ขณะที่เสียงฟ้าร้องบ้าระห่ำดังก้องไม่หยุด ท่ามกลางหมู่คน ยังมียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณอีกสองคน
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะต้นทั้งหมดสี่คนเต็มๆ มาถึงยังสถานที่นี้ อุดกั้นเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ไว้ภายในโพรงน้ำแข็ง
ถึงแม้ว่าจะถูกขวางกั้นหนทางไป แต่เยี่ยนจ้าวเกอหาได้ตระหนกตกใจไม่ กลับจะยิ้มเอ่ยด้วยซ้ำไป “ทุกท่านมาได้ไม่ถูกเวลาจริงๆ”
ขณะกล่าว เขายกเครื่องหยกสีฟ้าน้ำแข็งในมือขึ้น “พวกเจ้าก็มาด้วยร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งเช่นกันใช่หรือไม่?”
ครั้นใช้ปราณจิตราของตนกระตุ้น แสงสีฟ้าน้ำแข็งก็เปล่งประกายระยับในเครื่องหยก มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นแว่วๆ
ผู้อาวุโสเจินสัมผัสได้ถึงความผันแปรของพลังปราณที่ส่งออกมาภายในเครื่องหยกนั่น ลูกตาดำพลันหดเล็กลงเล็กน้อยในทันใด “เหมือนเช่นที่ร่องรอยนั่นไม่มีผิด เป็นกุญแจในการเปิดร่องรอยอย่างคิดไว้จริงๆ”
เขาไม่พูดจาให้มากความ ยื่นมือคว้าออกมาทางเยี่ยนจ้าวเกอโดยพลัน
แสงสายฟ้าอันน่าครั่นคร้ามกลายเป็นฝ่ามือยักษ์บดบังฟ้าข้างหนึ่ง เหนือฝ่ามือมีงูสายฟ้าสีม่วงแกมน้ำเงินหลายสายพันเอาไว้รอบ
เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือขว้างเครื่องหยกสีฟ้าน้ำแข็งออกไปร่วงลงยังก้นโพรงน้ำแข็ง
ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็คว้าอาหู่เอาไว้ แล้วเข้าไปในกระสวยเบิกดินแดน ก่อนจะกลายเป็นธารแสงพุงเข้าไปในชั้นน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสเจินหัวร่อหยัน ตนเองยังคงไล่ตามทางเยี่ยนจ้าวเกอและกระสวยเบิกดินแดน ส่วนมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณของตำหนักอัสนีสวรรค์อีกท่านหนึ่ง ก็ลงไปด้านล่าง เพื่อหาเครื่องหยกที่ตกลงไป
เจิ้งซั่วกลับไม่แม้แต่จะมองเครื่องหยกนั่นแม้แต่สักแวบเดียวเช่นกัน สายตาจดจ้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตาอยู่เสมอ
พายุลมงวงสีดำไร้ขอบเขต ราวกับมังกรพิโรธไล่โจมตีเยี่ยนจ้าวเกออย่างไรอย่างนั้น
บริเวณรอบนอก ระหว่างบรรดาจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ ร่างของหลินโจวปรากฎ เขาหยิบมุกวิเศษออกมาเม็ดหนึ่ง ภายในมุกวิเศษขนาดมหึมาที่โปร่งแสง บริเวณใจกลางยังมีมุกวิเศษอีกเม็ดหนึ่งที่เล็กกว่าอยู่ ราวกับน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
หลินโจวบีบมุกจนเละ เศษชิ้นส่วนกลายเป็นลำแสง พลันปิดผนึกชั้นน้ำแข็งโดยรอบเอาไว้ ก่อตัวขึ้นมาเป็นม่านแสงวามวาวผืนใหญ่
กระสวยเบิกดินแดนของเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งเข้าไปภายในลำแสง แม้จะยังสามารถรุดหน้าต่อไปได้ หากแต่เห็นได้ชัดว่าความเร็วถดถอยลง
พวกผู้อาวุโสเจินและเจิ้งซั่วที่อยู่ด้านหลังก็ถลันขึ้นมาในทันใด
เยี่ยนจ้าวเกอบีบหลอดเลือดอสูรที่สร้างขึ้นมาใหม่จนเละ แสงโลหิตอันโหดเหี้ยมทำลายลำแสงที่ขวางทางออกไป
ทว่านี่กลับเป็นม่านพลังน้อยใหญ่อันแปลกประหลาด แสงสว่างไสวชั้นหนึ่งถูกทำลายทิ้งไป อีกชั้นหนึ่งก็พลันปิดผนึกขึ้นมาในบัดดล
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เป็นข่ายอาคมกลุ่มหยินหยางกลับด้านหรือนี่? ของสิ่งนี้ช่างพบได้ยากเหลือ”
หลินโจวมองเยี่ยนจ้าวเกอกับกระสวยเบิกดินแดนอย่างเยือกเย็น “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะสามารถใช้ลูกไม้เดิมได้อยู่อีกรึ?”
ถึงแม้ว่าการบุกโจมตีของมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระดับผู้อาวุโสเจินจะเข้ามาใกล้เบื้องหน้าแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงคุยเล่นสนุกสนาน “ข้าคิดว่าข้าทำได้”
สิ้นเสียงกล่าว ส่วนลึกด้านล่างโพรงน้ำแข็งพลันมีพลังปราณอันแกร่งกล้ากลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมา น่าครั่นคร้ามสุดขีด ทำให้ร่างกายและจิตใจของทุกคนรู้สึกได้ถึงความชา!
…………