ตอนที่ 209 คนเฮงซวย 

 

 

 

 

 

“ก็เพราะเจ้าสมควรโดนน่ะสิ!” อวี้อาเหราถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง เจ้าหมอนี่ทำให้เด็กผู้หญิงเสียใจแต่กลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกล้ามาย้อนถามว่าทำร้ายเขาทำไมอีก? นี่เขาก็ไม่สมควรจะโดนตีหรืออย่างไร 

 

 

“เจ้าก็บ้าไปแล้วหรือ” ปากของฟู่เส่าชิงพึมพำเป็นคำด่าออกมาเบาๆ 

 

 

“ถ้าข้าบ้าข้าก็เตะเจ้าได้อีกสินะ” อวี้อาเหราไม่สนใจอะไรอีก วาดเท้าขึ้นเตะอีกฝ่ายในทันที เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว สายตาเริ่มจะเห็นเค้าลางแก่งความโกรธเคือง “แม่หนูนี่นะ หากเจ้ายังกล้าทำร้ายข้าอีก เชื่อหรือไม่ว่าแม้จะเป็นเจ้าข้าก็จะตี” 

 

 

ตี? กล่าวกันว่าผู้ชายดีๆ จะไม่ตีผู้หญิง ผู้ชายที่กล้าตีผู้หญิงแล้วจะเป็นคนดีได้อย่างไร! อวี้อาเหราตำหนิในใจ เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ “หากเจ้าสามารถก็ตีข้าเลยสิ” 

 

 

“เจ้า…” ฟู่เส่าชิงถูกนางคุกคามเช่นนี้ก็ต้องถอยหลังไป หมุนกายแล้วเดินออกไป “ข้าคร้านที่จะลงไม้ลงมือกับเจ้าแล้ว” 

 

 

ขณะที่พูดนั้นก็จัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองไปด้วย 

 

 

“ชิงอวิ๋น ต้าเว่ย ขวางเขาเอาไว้!” อวี้อาเหราร้องสั่งออกไปด้านนอก  

 

 

ชิงอวิ๋นที่ยืนคุมอยู่นอกประตูและต้าเว่ยที่ลอยค้างอยู่ในอากาศพลันชักดาบออกมาแล้วขวางที่ด้านหน้าฟู่เส่าชิงเอาไว้ทันที 

 

 

สีหน้าของเขาตกตะลึงเล็กน้อย อารมณ์ความโกรธค่อยๆ เลือนหายไป มีรอยยิ้มเข้ามาแทนที่ “แม่หนู ข้าเพียงแต่บอกว่าจะตีเจ้าเพราะโกรธเคืองเท่านั้น เจ้าก็ช่างใจแคบเสียเหมือนกับใจมด ต่อไปหากแต่งงานแล้วสามีของเจ้าจะกล้าออกไปหาสาวงามข้างนอกได้หรือ” 

 

 

“จับตัวเขามา” อวี้อาเหราไม่สนใจ ตะคอกขึ้นเสียงดัง 

 

 

ชิงอวิ๋นและต้าเว่ยขยับกาย ฟู่เส่าชิงจึงหมุนกายน้อยๆ เพียงชั่วพริบตา ร่างของเขาก็เคลื่อนย้ายออกจากวงล้อมเสียแล้ว 

 

 

พวกของอวี้อาเหราพากันตื่นตกใจ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีวรยุทธ์เก่งกาจถึงเพียงนี้ ใช้กระบวนท่าเพียงพริบตาก็สามารถหลบหนีออกไปแล้ว ช่างน่าตกใจเสียยิ่งนัก ชิงอวิ๋นและต้าเว่ยเองก็ไม่สามารถสกัดกั้นเขาเอาไว้ได้ สีหน้าจึงเผยความกังวลออกมาบ้าง 

 

 

ครั้งนี้หากไม่ให้บทเรียนเขาเสียบ้าง ครั้งหน้าหากพบกันจะไม่บ้าคลั่งไปมากกว่านี้หรือ? 

 

 

“คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ เมื่อวานท่านอ๋องสั่งให้คุณหนูเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงของอนุรอง ตอนนี้ควรไปตรวจสอบว่าอาหารเป็นอย่างไรบ้างแล้วนะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาไกล่เกลี่ยในทันที เพื่อช่วยให้อวี้อาเหราคลายความอึดอัดใจลง ทว่านางกลับโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้มีเรื่องที่ต้องจัดการ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เอาเรื่องเจ้า ชิงอวิ๋น พวกเจ้าถอย” 

 

 

“ขอรับ” ชิงอวิ๋นและพวกของต้าเว่ยเก็บดาบทันที  

 

 

ฟู่เส่าชิงปรายตามองนาง แล้วถึงจะก้าวยาวๆ จากไป 

 

 

รอจนกระทั่งเขาจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็ทุบลงบนโต๊ะเสียงลั่น “ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก คนเฮงซวย!” 

 

 

“อะไรคือคนเฮงซวยหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์มองนางอย่างตกตะลึง 

 

 

“…”อวี้อาเหราไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับมองไปข้างนอก แล้วออกคำสั่งว่า “ชิงอวิ๋น ออกไปสั่งคนเฝ้าประตูว่าต่อไปนี้อย่าปล่อยให้องค์ชายแห่งเป่ยเจียงเข้ามาอีก ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งนั้น!” 

 

 

“…ขอรับ” ชิงอวิ๋นรู้สึกได้ถึงความโกรธเคืองในน้ำเสียงของนาง 

 

 

“ครั้งนี้โชคดีที่ได้เจ้าช่วยแก้สถานการณ์” อวี้อาเหรามองไปทางเจาเอ๋อร์ 

 

 

“เป็นสิ่งที่บ่าวสมควรทำเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ยิ้ม ก่อนจะชะงักไป “เพียงแต่ว่าบ่าวก็คาดไม่ถึงยิ่งนัก เมื่อก่อนได้ยินมาว่าองค์ชายแห่งเป่ยเจียงนั้นลุ่มหลงในนารี จนถูกราชินีเป่ยเจียงขับออกจากแคว้น แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีวรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนี้ แม้แต่พวกชิงอวิ๋นก็ไม่อาจเอาชนะได้” 

 

 

“ก็จริง” อวี้อาเหราพยักหน้า 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 210 สร้างความวุ่นวาย 

 

 

 

 

 

เรื่องนี้ไหนเลยนางจะมองไม่ออก ทว่าครั้งก่อนตั้งแต่ที่เขาใช้มือเพียงข้างเดียวกดตัวนางจนไม่อาจขยับตัวได้นางก็สัมผัสได้แล้ว ครั้งนี้หลังจากที่เขาได้ออกพลังเช่นนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก 

 

 

“คุณหนูโปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปนำขนมดอกเบญจมาศมาให้ เมื่อทานเสร็จก็จวนจะถึงเวลางานเลี้ยงพอดี เมื่อถึงตอนนั้นคุณหนูคงถูกอนุรองทำให้ทานอะไรก็ไม่อร่อย บ่าวขอไปสั่งห้องครัวไว้ก่อน ให้พวกนางเตรียมมื้อดึกเอาไว้ให้” 

 

 

“เจ้าไปเถิด” อวี้อาเหราพูดจบก็ก้มลงดื่มน้ำชา 

 

 

สู้รบปรบมือกับฟู่เส่าชิงและเริ่นหว่านเอ๋อร์มาเป็นเวลาครึ่งวัน คอของนางก็แทบจะแห้งเป็นผุยผง เรื่องอื่นนั้นนางก็ยังพอจะจัดการได้ แต่เรื่องความรักความรู้สึกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ง่ายๆ เมื่อนึกถึงเริ่นหว่านเอ๋อร์ที่วิ่งออกไปทั้งที่น้ำตานองหน้าแล้ว นางก็ยังไม่วางใจอยู่บ้าง เช่นนั้นจึงสั่งการให้ต้าเว่ยตามไปดู 

 

 

เวลาช่วงบ่ายผ่านพ้นไป งานเลี้ยงยามค่ำใกล้เข้ามาแล้ว 

 

 

อวี้อาเหราไม่ได้รู้สึกสนใจงานเลี้ยงตอนค่ำอะไรนี้เลยแม้เพียงน้อย นางเพียงนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนตั่งตัวยาว และให้เจาเอ๋อร์จัดเตรียมเสื้อผ้าแทนนาง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของจวน 

 

 

เดิมทีนั้นจวนหลิงอ๋องจะเงียบเหงาไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนัก น้อยครั้งมากที่จะมีช่วงเวลาที่คึกครื้นเช่นนี้ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงรีบเดินทางมาก่อน 

 

 

ในยามที่นางมาถึงนั้น อนุสามและอนุสี่ก็กำลังยืนคุยกันอยู่ในสวน อนุสามยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่สาวตั้งครรภ์ครั้งนี้ ก็ช่างสร้างความยินดีให้กับท่านอ๋องของพวกเรายิ่งนัก ได้ยินมาว่ายังรับตัวนายน้อยสามกลับมาจากค่ายทหารด้วย หากให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมาอีก นี่ก็จะเป็นอันตรายต่อฐานะของคุณหนูรองหรือไม่” 

 

 

“คุณหนูรองเป็นธิดาเอกของจวนอ๋อง เหตุใดจึงจะต้องเป็นอันตรายด้วย” อนุสี่ส่ายศีรษะ 

 

 

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้” อนุสามแค่นเสียงหัวเราะหยัน “คุณหนูรองนั้นแม้จะบอกว่าเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของพระชายา มีสถานะที่น่าเคารพและเป็นดั่งไข่มุกในหัตถ์ของท่านอ๋อง แต่ใครใช้ให้นางเกิดเป็นหญิงเล่า จวนอ๋องแห่งนี้อย่างไรเสียก็ต้องตกเป็นของนายน้อยสาม อีกอย่างหากวันใดท่านอ๋องไม่อยู่แล้ว การแต่งงานของคุณหนูรองก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องให้นายน้อยสามเป็นคนจัดการก็ได้…” 

 

 

“เจ้านี่ช่างไม่รู้จักที่ตายนัก เรื่องเช่นนี้ยังกล้าพูดมั่วๆ ไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นได้ยินเข้าหรืออย่างไร” สายตาของอนุสี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ 

 

 

“อ๊ะ ข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท” สีหน้าของอนุสามเปลี่ยนไปเป็นไม่สู้ดีในทันใด ก่อนจะรีบเก็บปากเก็บคำไม่กล่าววาจา 

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางก็ถูกอวี้อาเหราสั่งสอนอย่างโหดร้าย แม้ใบหน้าจะไม่แสดงความรู้สึกอะไร แต่ในใจนั้นยังคงเจ็บแค้น ยามนี้เมื่อได้ยินว่าอนุรองตั้งครรภ์ จึงคิดจะใช้โอกาสนี้เอาคืนอวี้อาเหราให้เจ็บแสบ แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าเช้าวันนี้เมื่อเรื่องบัวกีบม้าและน้ำแกงตะพาบน้ำกระจายออกไป เรื่องทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่นางนึก ในใจก็จึงเป็นกังวลมากขึ้น 

 

 

อวี้อาเหราเมื่อได้ยินดังนั้น มุมปากของนางก็ค่อยๆ แย้มยิ้มออกมา  

 

 

อนุสามผู้นี้ก็ไม่รู้จักจำเลยแม้แต่น้อย ยังกล้าที่จะกวนน้ำให้ขุ่นเช่นนี้อีก ครั้งที่แล้วที่ส่งฟืนไปให้ยังไม่พอหรอกหรือ 

 

 

เจาเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็โกรธแทนคุณหนูของตน “อนุสามผู้นี้จิตใจชั่วร้ายนัก ก่อนหน้านี้บ่าวยังคิดว่านางทำดีต่อคุณหนูไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าจะเป็นอย่างที่ท่านว่ามาไม่มีผิด จิตใจของนางโหดร้ายไม่เหมือนหน้าตา ช่างน่ารังเกียจจริงๆ รู้อย่างนี้น่าจะส่งฟืนไปให้นางเสียสักตะกร้าหนึ่งนะเจ้าคะ!” 

 

 

“วันหลังพวกเราค่อยคิดหาทางจัดการนาง ไม่ต้องรีบร้อน” 

 

 

อวี้อาเหราแค่นเสียงหยันออกมา ก่อนจะจัดระเบียบชุดกระโปรงแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไป น้ำเสียงเรียบเย็นดังเข้ามาในโสตประสาทของอนุทั้งสอง “เมื่อครู่นี้ ข้าก็เหมือนได้ยินอนุสามกล่าวว่าหากหลิงอ๋องเป็นอะไรไปก็จะให้นายน้อยสามสืบทอดต่อเช่นนั้นหรือ…”