บทที่ 375 เหรียญรางวัล
“‘ชะตาลี้ลับ’ เช่นนั้นหรือขอรับ” ลูเซียนทวนชื่อนั้นด้วยเสียงแผ่วเบาและพบว่าตนเองค่อนข้างชอบใจ อย่างไรเสีย ความบิดเบือนเล็กน้อยในการทำนายก็จะนำไปสู่ความแตกต่างใหญ่หลวงได้อย่างง่ายดาย

ลูเซียนไม่รู้ว่าใครบ้างที่มีคุณสมบัติพอจะเป็น ‘ชะตาลี้ลับ’ ที่เขาได้เป็นนั้นเพราะว่าองค์ความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับหลุมดำ หรือว่าการกลับมาเกิดใหม่กันแน่นะ

ลูเซียนรู้ว่า ณ เวลานี้เขายังไม่อาจหาคำตอบได้ ทว่า สิ่งที่เขารู้ในตอนนี้คือ หากเขาสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับหลุมดำในการทำนายทางโหราศาสตร์ เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาอาจสังเกตการณ์ร่องรอยแห่งโชคชะตาของเหล่าผู้มีชะตาลี้ลับได้! และ หากว่าทฤษฎีเลนส์ความโน้มถ่วง[1] จะนำมาประยุกต์ใช้ได้ ความบิดเบือนในการทำนายเกี่ยวกับตัวเขาก็อาจแก้ไขได้ไม่มากก็น้อย

องค์ความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป และหนังสือที่มีเนื้อหาสอดคล้องกันภายในห้องสมุดห้วงจิตของลูเซียนนั้นยังถูกปิดหนึกเอาไว้ ลูเซียนไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใดถึงจะหาคำตอบให้กับสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตนเองโดยไร้ซึ่งความช่วยเหลือของหนังสือ

เฟอร์นันโดเหลือบมองลูเซียนพลางกล่าว “แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะปลอดภัยกว่าเดิมเพราะเลื่อนขั้นเป็นระดับสูงแล้ว แต่เจ้าก็ยังต้องระวังตัวให้ดีตลอดเวลา เข้าใจหรือไม่”

“ขอรับ อาจารย์ ข้าจะระวังตัวให้ดี” ลูเซียนแย้มยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของเฟอร์นันโดในน้ำเสียงเข้มงวดนั้น

เฟอร์นันโดกระตุกมุมปากขึ้นก่อนจะนำเหรียญตราออกมา “นี่ของเจ้า”

“นี่มัน… เหรียญน้ำแข็งและหิมะนี่ขอรับ”

เหรียญรูปทรงดาวหกแฉกนี้สร้างจากโลหะขาวออกเงิน ฝังด้วยคริสตัลน้ำแข็งมากมาย มันดูเหมือนกับเกล็ดน้ำแข็งที่ขนาดใหญ่กว่ามาก ระหว่างช่องว่างของเหรียญเกล็ดหิมะที่นูนขึ้นมานั้นมีตัวอักษรเล็กๆ เขียนว่า ‘ฮีเลียม’ ด้วยคริสตัลน้ำแข็งที่ประณีตยิ่งกว่า และข้างๆ กันนั้นคือหมายเลขหนึ่ง

อัลเฟอร์ริสถึงกับน้ำลายไหลย้อย สมองของมันไม่อาจคิดอะไรได้ในเวลานี้

เฟอร์นันโดมองไปทางทอมป์สันเพื่อขอให้เขาออกไปจากห้องเป็นการชั่วคราว หลังจากที่ทอมป์สันจากไปพร้อมกับปิดประตูตามหลังแล้ว เฟอร์นันโดก็อธิบายสั้นๆ “เฮลเลนทำตามรายงานของเจ้าจนเพิ่มแรงกดอากาศและเปลี่ยนฮีเลียมเหลวให้กลายเป็นของแข็งได้ ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เราไปถึงความเย็นที่อยู่เหนือศูนย์สัมบูรณ์เพียงองศาเดียว ซึ่งเป็นความก้าวหน้ายิ่งใหญ่ในวงการเวทมนตร์หิมะและน้ำแข็ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสามารถชนะเหรียญรางวัลนี้ได้”

“แต่… แต่อาจารย์ขอรับ ข้านึกว่ารายงานฉบับนั้นจะยังปิดเป็นความลับในตอนนี้เสียอีก” ลูเซียนมึนงง

เฟอร์นันโดตวาดกร้าว “เจ้าโง่ เจ้ากำลังจะไปจากอัลลินและเจ้าก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร จะเก็บรายงานฉบับนี้เป็นความลับไปเพื่ออะไรเล่า ถึงแม้ว่าสาธารชนจะเข้าถึงรายงานได้ในตอนนี้ แล้วมันจะส่งอย่างไรกับเจ้าได้รึ อย่างไรเจ้าก็กำลังจะไปจากอัลลินเร็วๆ นี้ และเพราะเหตุนั้น การได้รับอุปกรณ์เวทมนตร์ดีๆ อีกสักชิ้นก็เป็นประโยชน์กว่าการเก็บมันเป็นความลับโดยไม่ได้อะไรเลย”

ลูเซียนอับอายเล็กน้อย เขาถูมือไปมา รู้ดีว่าสิ่งที่เฟอร์นันโดพูดมานั้นถูกต้อง

หลังจากนั้น เฟอร์นันโดก็เอ่ยเสียงอ่อนลง “เฮลเลนเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับรายงานฉบับนี้ นางเห็นด้วยที่ว่างานของเจ้าสามารถชนะรางวัลได้ ดังนั้นนางจึงสร้างเหรียญนี้ขึ้นมาล่วงหน้า เมื่อเจ้าเปิดเผยผลงานต่อสาธารชน พิธีมอบรางวัลก็จะจัดขึ้นในภายหลัง ตอนนี้เจ้าคือผู้ที่ชนะรางวัลสูงสุดของสามแขนงที่แตกต่างกัน ซึ่งควรค่าแก่การบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสภาเวทมนตร์ รวมเจ้าแล้ว มีเพียงนักเวทห้าคนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ หากว่า ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ ไม่ทำเป็นมองไม่เห็นการค้นพบอิเล็กตรอนแล้วล่ะก็ เจ้าคงจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติมากพอจะรับรางวัลสูงสุดทั้งสี่แขนงก่อนจะเลื่อนขึ้นเป็นระดับสูง… แต่แน่นอนว่า เจ้าน่ะไม่ได้ครึ่งของข้าเลยด้วยซ้ำ”

เป็นนิสัยของเฟอร์นันโดไปเสียแล้วที่จะชื่นชมลูกศิษย์แบบสงวนท่าทีเช่นนี้

“อาจารย์ได้รับกี่รางวัลก่อนจะเลื่อนขึ้นระดับสูงหรือขอรับ” ลูเซียนถามด้วยความใคร่รู้ เขาซาบซึ้งใจอย่างยิ่งกับข้อเท็จจริงที่ว่าเฟอร์นันโดเป็นฝ่ายไปพูดคุยกับเฮลเลน ไพรซ์ เพื่อให้เขาได้รับอุปกรณ์เวทมนตร์อีกชิ้นหนึ่ง

“ไม่ได้เลยสักอย่าง!” เฟอร์นันโดถลึงตาโต “ก่อนที่ข้าจะเลื่อนขึ้นระดับตำนาน มันหาได้มีรางวัลพรรค์นี้เลยสักนิด มิเช่นนั้นข้าย่อมชนะสี่รางวัลเป็นแน่แท้! แต่ทางสภาก็ชดเชยให้ข้าด้วยแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม เหรียญน้ำแข็งและหิมะ เหรียญจันทราสีเงิน คฑาอาร์คานา และมาลัยเกียรติยศแห่งนักเวท ส่วนเรื่องอันดับ ข้าคือที่หนึ่งในหมู่มหาจอมเวทและผู้วิเศษระดับจำนาน เจ้าอยากจะเอาชนะข้าเช่นนั้นรึ เช่นนั้นก็เอาชนะทั้งหมดนั้นให้ได้เสียก่อนเถิด”

เฟอร์นันโดภาคภูมิใจในตัวเองมากเพราะเขาเก่งในหลายๆ ด้าน แม้แต่ศาสตร์ทางด้านมายา พลังของเฟอร์นันโดก็หาได้ด้อยกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านมายาศาสตร์ระดับตำนานอย่าง ‘ราชาแห่งฝันร้าย’ และ ‘เนตรแห่งคำสาป’

ก่อนที่ลูเซียนจะทันได้ตอบ เฟอร์นันโดก็โยนเหรียญมาให้เขา “ข้าหาได้อยากจะตามใจบรรดาลูกศิษย์จนเสียคนด้วยการมอบอุปกรณ์เวทมนตร์ทรงพลังมากมายให้เวลาที่พวกเขาออกจากอัลลินเพื่อไปผจญภัย เพราะมันไม่มีทางช่วยให้พวกเขาใช้เวทมนตร์ได้อย่างเก่งกาจคล่องแคล่ว ทว่า เจ้าสมควรได้รับเหรียญรางวัลนี้ รับไปเสีย เฮลเลนต้องใช้เวลาถึงหกวันในการสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา และมันก็ทรงพลังเกินกว่าที่คนหนุ่มอย่างมอร์ริสจะสร้างขึ้นได้ ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะไปพูดคุยกับมอร์ริสเรื่องแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มวงที่สี่ของเจ้า อีกอย่าง เพราะแฮททาเวย์กับเดวี่ไม่อยู่ในอัลลินในตอนนี้ การยื่นคำขอย่อมไม่ได้รับการรับรอง”

ลูเซียนรับเหรียญที่ลอยข้ามอากาศมาอย่างว่องไว

เฟอร์นันโดหันหลังแล้วส่ายศีรษะ “จงอยู่ที่นี่อีกสักหลายๆ วันจนกว่าเจ้าจะใช้ ‘เวทบินระดับสูง’ ได้คล่อง”

‘เวทบินระดับสูง’ กับ ‘เวทบิน’ มีโครงสร้างพื้นฐานแบบเดียวกัน ดังนั้น การวิเคราะห์ย่อมไม่ยากเย็นอะไร

หลังจากเฝ้ามองเฟอร์นันโดเดินจากไป ลูเซียนก็ส่งพลังจิตของตนเข้าไปผสานกับเหรียญน้ำแข็งและหิมะ และทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่โถมเข้าใส่ ซึ่งมันทรงพลังมากเสียจนอาจทำให้ดวงจิตของคนคนหนึ่งเสียหายได้เลยทีเดียว!

ลูเซียนตัวสั่นเทาขณะประทับตราแห่งดวงจิตไว้ในเหรียญอย่างระมัดระวังเพื่อเป็นเจ้าของมัน ความหนาวเหน็บนั้นแทนที่จะทำให้สติสัมปชัญญะของลูเซียนหยุดนิ่ง ก็เริ่มนำความความรู้สึกสดชื่นมาให้เขา

‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ ฮีเลียม อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเจ็ดขั้นสมบูรณ์แบบ’ ความหนาวเหน็บทำให้ผู้คนตื่นตัวและมีสติ มันสามารถป้องกันผู้คนจากการถูกความปรารถนาของตนเองหลอกลวง เมื่อสวมเหรียญรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ผู้สวมจะพัฒนาความต้านทานต่อเวทมายาและเวทมนตร์ที่ส่งผลต่อดวงจิตขึ้นเทียบเท่าแม่มดแห่งน้ำแข็งและหิมะระดับเจ็ด

‘เพราะเกียรติยศก็คือวงรัศมีเหนือศีรษะ ‘อาณาเขตน้ำแข็งและหิมะ’ จึงเป็นตัวแทนวงรัศมีแห่งพลัง เมื่อเรียกใช้ ผู้สวมจะนำโลกแห่งน้ำแข็งและหิมะมาเยือนในรัศมีห้าร้อยเมตร สิ่งมีชีวิตใดในระดับกลางหรือต่ำกว่านั้น หากไม่มีภูมิต้านทานต่อความหนาวเย็น จะถูกแช่แข็งจนเสียชีวิตในทันที สิ่งมีชีวิตใดที่มีระดับสูงจะบาดเจ็บสาหัสเพราะน้ำแข็งและหิมะ และการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะเชื่องช้าลงมาก สิ่งมีชีวิตใดที่อยู่เหนือระดับสูง หากไร้ซึ่งเครื่องป้องกันจากเวทมนตร์ที่สอดคล้องหรือพลังโลหิต จะได้รับบาดเจ็บในทุกๆ วินาที และการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะช้าลงเล็กน้อย แต่ฤทธิ์ในการชะลอความเร็วจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป’

‘“อาณาเขตน้ำแข็งและหิมะ” เรียกอีกอย่างว่า “รัศมีน้ำแข็ง” เป็นเวทมนตร์ระดับเจ็ด อยู่ได้นานสามนาทีเมื่อเรียกใช้เต็มวงกว้าง หากใช้เพียงรัศมีเล็กๆ จะอยู่ได้นานถึงสิบห้านาที ผู้สวมสามารถใช้ได้สามครั้งต่อวัน’

‘ความหนาวเหน็บเหนือธรรมชาติจาก “นรกอันเงียบงัน” สามารถแช่แข็งดวงวิญญาณของคนผู้หนึ่ง เช่นเดียวกับเวทมนตร์ระดับเจ็ด “โลงอันเงียบงัน” ซึ่งกำเนิดจากความหนาวเหน็บนี้ ลำแสงแช่แข็งที่สามารถทำร้ายดวงวิญญาณของคนผู้หนึ่งนั้นผู้สวมเรียกใช้ได้สามครั้งต่อวัน แต่จงจำไว้ว่า เพราะอุณหภูมิของลำแสงนั้นไม่ได้ต่ำมาก มันจึงสร้างความเสียหายต่อร่างกายคนได้จำกัด และเมื่ออัศวินอาภาเตรียมตัวพร้อม ลำแสงนี้ก็จะไม่อาจแทรกผ่านร่างของอัศวินเข้าไปแช่แข็งดวงวิญญาณของคนผู้นั้น ในขณะเดียวกัน เนื่องจากความพิเศษของมัน เวทบทนี้จะไม่สนใจผลจากเวทป้องกันส่วนใหญ่’

‘การไปให้ถึงศูนย์สัมบูรณ์คือเป้าหมายแห่งชีวิตของนักเวทผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวทมนตร์น้ำแข็งและหิมะ แม้ว่าเวทมนตร์ระดับตำนานหลายๆ บทจะแสดงให้เราเห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงถึงศูนย์สัมบูรณ์แล้ว แต่เราก็ยังไม่อาจเข้าใจในทฤษฎีเบื้องหลังนั้นได้ และนั่นคือสิ่งที่กีดกันไม่ให้เราก้าวไปข้างหน้าได้’

‘ต้องขอขอบคุณท่านลูเซียน อีวานส์ สำหรับการค้นพบฮีเลียมและเวทมนตร์น้ำแข็งและหิมะบทใหม่ที่เขาสร้างขึ้น ตอนนี้เราสามารถเข้าสู่ระยะที่อยู่ห่างจากศูนย์สัมบูรณ์เพียงหนึ่งองศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าที่สะเทือนทั้งวงการเวทมนตร์น้ำแข็งและหิมะ ท่านลูเซียน อีวานส์ ได้นำเรามาสู่ยุคสมัยใหม่ในประวัติศาสตร์เวทมนตร์น้ำแข็งและหิมะ!’

‘ปี 819 เดือนแห่งทองคำ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อท่านลูเซียน อีวานส์ สำหรับคุณความดีที่มีต่อสำนักอุณหพลศาสตร์ในด้านเวทมนตร์น้ำแข็งและหิมะ’

‘ความฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่นักเวทน้ำแข็งและหิมะก็คือ ศูนย์สัมบูรณ์’

‘จากเฮลเลน ไพรซ์’

“มันดีกว่าแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มเยอะเลย…” ลูเซียนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเพราะความตื่นเต้น แม้ว่าเหรียญรางวัลนี้จะมีเวทมนตร์บทเดียวผนึกเอาไว้ แต่เวทมนตร์ระดับเจ็ดก็ดึงดูดใจมากพอแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มูลค่าของเหรียญรางวัลนี้จะเหนือกว่าของแหวน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อคลุมเวทมนตร์ของบัลลังก์นิรันดรเลย มีเพียงเครื่องรางมงกุฎสุริยันที่ลูเซียนสวมอยู่เท่านั้น ซึ่งผนึกขั้นที่สามกำลังจะได้รับการปลดปล่อย ที่พอจะเทียบมูลค่าได้

ในตอนนั้นเองที่ลูเซียนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอีกครั้ง ทีแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงจากตัวเขาเอง แต่เมื่อหันศีรษะไป เขาก็เห็นดวงตากลมโตของอัลเฟอร์ริสที่จดจ้องเขาอยู่อย่างเป็นประกาย

“อัลเฟอร์ริส เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ต้องทำอะไรนี่” ลูเซียนแย้มยิ้ม

อัลเฟอร์ริสที่หอบเสื้อคลุมเวทมนตร์และอุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งหลายของลูเซียนพลันก้าวถอยห่างจากลูเซียนหนึ่งก้าวพลางส่ายหน้าด้วยความเศร้าโศก แต่หลังจากต่อสู้กับตัวเองในใจอย่างหนักหน่วง ในที่สุดอัลเฟอร์ริสก็ยอมคืนให้เขา

ขณะที่ลูเซียนสวมอุปกรณ์เวทมนตร์ต่างๆ อยู่นั้น ก็พลันบังเกิดความคิดดีๆ ขึ้น ลูเซียนหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะถามว่า “เจ้าอยากได้แหวนหรือไม่ อัลเฟอร์ริส”

ขณะเอ่ยเช่นนั้น ลูเซียนก็ถอดแหวน ‘แหวนอาฆาตเหมันต์’ ออกมา

“อยากได้ๆ!” อัลเฟอร์ริสพยักหน้าหงึกหงัก แม้มันจะรู้ว่าแหวนวงนี้ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร รูปทรงงดงามและหินล้ำค่าที่เปล่งประกายนั้นก็ยังยั่วยวนใจยิ่งนัก

ลูเซียนรู้สึกเหมือนกำลังหลอกเด็กน้อย แย้มยิ้มเหมือนกับหมาป่าที่ปลอมตัวเป็นคุณยาย “ขอเลือดของเจ้าสองหลอด แล้วข้าจะมอบแหวนวงนี้ให้เจ้า”

อัลเฟอร์ริสร่ายเวทมายาได้ดี ดังนั้น หากว่าลูเซียนใช้โลหิตมังกรเป็นสื่อกลางในการร่ายคาถา ผลของเวทมนตร์ย่อมต้องรุนแรงยิ่ง

“เลือดหรือ” อัลเฟอร์ริสประหลาดใจเล็กน้อย มันมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เลือดข้าแพงมากนะ!”

“เช่นนั้น ก็ได้” ลูเซียนกำลังจะเก็บแหวนกลับไป

“เดี๋ยวๆ ตกลง!” อัลเฟอร์ริสรีบร้อนเอ่ยรั้งลูเซียนเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ก่อนจะรีบหยิบหลอดเวทมนตร์ออกมาสองหลอดและเจาะเลือดใส่เข้าไป การเสียเลือดในปริมาณเล็กน้อยย่อมไม่ส่งผลอะไรต่อมังกรอยู่แล้ว

เช้าตรู่ หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ลูเซียนก็ใช้ ‘เวทบินระดับสูง’ ได้อย่างคล่องแคล่ว

หลังจากตรวจดูเพื่อความรอบคอบ ลูเซียนก็ร่ายคาถาแปลงกายใส่ตัวเองและเดินทางไปขึ้นรถไฟเวทมนตร์ที่สถานี

บนน่านฟ้าเหนือเมืองอัลลิน แองวูดส์ กำลังเฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวของลูเซียนด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก ในฐานะปีศาจขั้นสูง มันสามารถมองทะลุผ่านการแปลงกายได้ รวมถึงเวทที่ทำให้ล่องหนอีกด้วย

ในฐานะปีศาจที่ฟิลิปอัญเชิญมา พวกวัตถุดิบอุปกรณ์ที่ฟิลิปหามาเพื่อประกอบพิธีกรรมให้กับลูเซียน แองวูดส์ก็รู้ได้ทันทีว่าลูเซียนกำลังเร่งรัดที่จะเป็นนักเวทระดับสูง แองวูดส์คาดการณ์ว่าลูเซียนกำลังจะเดินทางออกจากเมืองอัลลิน ดังนั้น ในตอนที่ฟิลิปกำลังทุ่มเทจดจ่ออยู่กับการทดลองนั้น แองวูดส์ก็มาที่นี่เพื่อจับตามองลูเซียน

แต่เพราะเกรงว่าจะถูกเครื่องรางมงกุฎแห่งสุริยันสัมผัสได้ แองวูดส์จึงทำได้เพียงติดตามลูเซียนอยู่ห่างๆ

ลูเซียนใช้เวลาครึ่งวันอยู่บนรถไฟจักรเวทมนตร์ก่อนจะมาถึงเมืองใหญ่ทางตอนใต้ของอาณาจักรโฮล์ม จากนั้นเขาก็บินไปยังหุบเขาห่างไกลและหาถ้ำในนั้นจนเจอ ก่อนจะเข้าไป

แองวูดส์ลงมาอยู่หน้าทางเข้าถ้ำด้วยความลังเลเล็กน้อย หากว่ามันติดตามลูเซียนเข้าไป เป็นไปได้มากว่ามันจะสูญเสียเป้าหมายการติดตาม เพราะมันจะเข้าใกล้ลูเซียนไม่ได้

แองวูดส์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจตามลูเซียนเข้าไปในถ้ำ มันสามารถอยู่ห่างจากระยะที่เครื่องรางมงกุฎแห่งสุริยันจะตรวจจับได้ด้วยการใช้เวททำนายเพื่อระบุตำแหน่งของลูเซียน

……………………………………

[1] เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับแสงอันเดินทางมาจากแหล่งกำเนิดส่องสว่างไกลโพ้น แล้วเกิดการบิดโค้งเนื่องจากแรงดึงดูดของวัตถุมวลมากที่อยู่ระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับผู้สังเกต เป็นปรากฏการณ์ที่หนึ่งที่ไอน์สไตน์ทำนายเอาไว้จากทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปของเขา