ตอนที่ 312 น่าสะอิดสะเอียน / ตอนที่ 313 ความเหนื่อยล้ากะทันหัน

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 312 น่าสะอิดสะเอียน 

 

 

           “หรือว่าคุณอยากให้ผมเชิญผู้หญิงคนอื่นเป็นคู่เดทเหรอ คู่เดทของผมตั้งแต่ไหนแต่ไรก็มีแต่คุณ”  

 

 

กงจวิ้นฉือเอ่ยปากอย่างอบอุ่น แววตามีรอยยิ้ม ยื่นมือลูบใบหน้าของฉู่เจียเสวียน 

 

 

           “ก็จริง คุณเห็นคนนั้นหรือเปล่า เขาเป็นเถ้าแก่โจวจากเมือง H ธุรกิจของเขาใหญ่มากนะ เดี๋ยวคุณก็เดินไปทักทายเขาสิ” ฉู่เจียเสวียนชี้ไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลนักพร้อมเอ่ย แววตาที่มองกงจวิ้นฉือมีรอยยิ้ม 

 

 

           มองดูฉู่เจียเสวียนที่ละเอียดรอบคอบ จู่ๆ กงจวิ้นฉือพูดขึ้น “เจียเสวียน ถ้าหากได้แต่งงานกับคุณล่ะก็ มันจะเป็นความสุขชั่วชีวิตของผมเลย” 

 

 

           กงจวิ้นฉือเอ่ยปากกะทันหัน มองฉู่เจียเสวียนด้วยความจริงจัง สายตาที่ไม่ปกปิดความรักลึกซึ้งนั้นทำให้ฉู่เจียเสวียนอึ้งไป จากนั้นก็ก้มหน้าแล้วยิ้ม 

 

 

           ทันใดนั้น เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้อง เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเปิดงานจบแล้ว เมื่อคำกล่าวสิ้นสุดลงเป็นการแสดงให้เห็นว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ที่มุมคนเดียว ส่วนกงจวิ้นฉือก็ไปหาคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่งแล้ว 

 

 

           ถือน้ำผลไม้ในมือ ฉู่เจียเสวียนนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงนั้น และไม่รู้ว่าทำไม ความคิดของเธอก็ล่องลอย จนกระทั่งมีกลุ่มผู้หญิงห้อมล้อมรอบกาย ฉู่เจียเสวียนจึงดึงสติกลับมา 

 

 

           “เธอคือฉู่เจียเสวียน?” ผู้หญิงที่เอ่ยถามมีความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน 

 

 

           เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มคนตรงหน้า ฉู่เจียเสวียนมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักพวกเธอ 

 

 

           “ใช่ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรอคะ” เอ่ยอย่างวางตัว เสียงของฉู่เจียเสวียนสดใส แววตามีความเย็นชา คนพวกนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าจุดประสงค์ไม่ดี แค่ไม่รู้ว่าพวกเธอต้องการจะทำอะไรก็เท่านั้น 

 

 

           “แค่มีคำถามอยากจะถามเธอนิดหน่อยน่ะ” 

 

 

           “คำถาม? ฉันรู้จักพวกคุณ?” ได้ยินน้ำเสียงไร้ความเกรงใจจากอีกฝ่าย น้ำเสียงของฉู่เจียเสวียน 

 

 

เยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดจางลงไปด้วย 

 

 

           “ฉันขอให้เธอรู้จักเจียมตัวหน่อย รักษาสถานะของตัวเองให้ดีๆ อย่าคิดว่าตอนนี้ตัวเองมีชื่อเสียง 

 

 

นิดหน่อยก็แตะต้องไม่ได้นะ” ผู้หญิงไม่กี่คนที่ล้อมตัวฉู่เจียเสวียน มองดูใบหน้าเย็นชาของเธอ อดไม่ได้ที่จะโมโหเล็กน้อย 

 

 

           มุมปากยกยิ้ม ความเย็นชาบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนยิ่งล้ำลึกกว่าเดิม พวกเธอคงจะได้รับคำสั่งมาจากฉู่อีอีสินะ? 

 

 

           เงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉู่อีอีกำลังมองมาทางเธอด้วยจุดประสงค์ร้ายตามคาดพอดี ในเวลานี้มุมปากยกยิ้ม “น้องสาวทุกคนคะ ก่อนที่จะหาเรื่องคนอื่น กรุณาดูด้วยว่าพวกคุณกำลังช่วยใคร และจะทำผิดต่อใคร อย่าส่งเสียงนกเสียงกาโดยไม่มีพลังหรือหลักฐานอะไรแบบนี้” 

 

 

           “กลับไปบอกเขา ถ้าหากเขาคิดจะหาเรื่องฉัน งั้นก็ให้เขาเข้ามาหาฉันเอง อย่ามัวแต่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ เยอะขนาดนั้น มันน่าสะอิดสะเอียน!” แววตาของฉู่เจียเสวียนจ้องอยู่ที่ฉู่อีอีตลอดเวลา แต่กลับพูดให้ผู้หญิงเหล่านั้นที่ห้อมล้อมรอบตัวเธอฟัง 

 

 

           ผู้หญิงเหล่านั้นได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน อารมณ์เสียเล็กน้อย เงยหน้ามองไปตามสายตาของเธอ จึงพบว่าเธอกำลังมองฉู่อีอีอยู่ ทันใดนั้นเองสีหน้าจึงเปลี่ยนไป หันหน้ามองกันเอง จากนั้นก็แยกย้ายเป็นนกกระจอกแตกรัง 

 

 

           ฉู่อีอีที่อยู่ไกลๆ เห็นฉากนี้ ข้อนิ้วของมือที่ถือแก้วทรงสูงอยู่นั้นขาวซีด 

 

 

           หลังจากผู้หญิงพวกนั้นจากไปแล้ว ฉู่อีอีก็เห็นปากของฉู่เจียเสวียนปิดๆ เปิดๆ เธอไม่ได้ยินว่าพูดอะไร แต่ว่าเธออ่านปากออก “ฉู่อีอี เธอยังมีลูกไม้อะไรอีกก็ใส่มาให้หมด” 

 

 

           ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกโมโห ดวงตาของฉู่อีอีแดงก่ำ ฉู่เจียเสวียน! 

 

 

           ก้าวเดินไปหาฉู่เจียเสวียนทันที แต่เนื่องจากช่วงนี้เธอล้มเหลวกับฉู่เจียเสวียนมากเกินไป ฉะนั้นตอนนี้ 

 

 

ฉู่อีอีจึงไม่กล้าวู่วาม 

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน!” 

 

 

 

 

 

       ตอนที่ 313 ความเหนื่อยล้ากะทันหัน 

 

 

           “หืม?” มองฉู่อีอีที่เดินใกล้เข้ามา ฉู่เจียเสวียนพูดว่า ‘หืม’ เบาๆ อย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เม้มริมฝีปากแดง บุคลิกที่สง่างามยิ่งทำให้ฉู่อีอีไม่พอใจ 

 

 

           “แกมันคนชั่ว!” ฉู่อีอีกร่นด่าไม่มีปี่มีขลุ่ย แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยความโมโห 

 

 

           “ฉู่อีอี เธอระวังปากหน่อยนะ ฉันจะเตือนเธอ ฉันยังมีหลักฐานที่เธอทำผิดในมือฉัน ถ้าหากเธอกล้าทำให้ฉันโมโหล่ะก็ ฉันไม่กล้ารับประกันว่าหลักฐานของเธอพวกนั้นจะหลุดไปในอินเทอร์เน็ตหรือเปล่านะ” ทั้งๆ ที่ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนมีรอยยิ้ม แต่ว่าเมื่อฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเธอในใจกลับรู้สึกเย็นชา 

 

 

           “เธอ…” ในที่สุดหลังจากฉู่อีอีกัดริมฝีปากและจ้องเธออย่างดุร้ายแล้ว ก็เดินออกไป 

 

 

           มองดูเงาของฉู่อีอีที่เดินไกลออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนก็จางหาย ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ ยื่นมือถูๆ คิ้ว แล้วก็กระพริบตาถี่ 

 

 

           จริงๆ แล้วเธอเกลียดการวางอุบายเช่นนี้มาก ครึ่งหนึ่งของความเหนื่อยล้าในใจล้วนเกิดจากการก่อกวนของฉู่อีอี 

 

 

           “เจียเสวียน คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า” จู่ๆ ก็มีเสียงอบอุ่นดังขึ้นข้างกาย ฉู่เจียเสวียนไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองก็รู้ว่าเป็นใคร 

 

 

           สีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างกายเขา รอยยิ้มแข็งทื่อในทันใด จากนั้นก็พูดว่า “สงสัยเมื่อคืนพักผ่อนไม่พอ” 

 

 

           ค่อยๆ ละสายตาออกจากเผยหนานเจวี๋ย แล้วมาหยุดอยู่ที่กงจวิ้นฉือ 

 

 

           “งั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ” กงจวิ้นฉือขมวดคิ้ว มองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ยปาก แววตามีความกังวล 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนกวาดตามองเผยหนานเจวี๋ยแล้วพยักหน้า ก็ดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่นี่ 

 

 

           เห็นฉู่เจียเสวียนพยักหน้า กงจวิ้นฉือก็เอ่ยกับเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ “คุณเผย เจียเสวียนไม่สบายนิดหน่อย งั้นพวกเรากลับก่อนนะครับ พวกคุณฉลองกันให้สนุก” 

 

 

           มองดูใบหน้าของฉู่เจียเสวียนที่เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า แม้ว่าเขาไม่อยากให้เธอจากไปเหลือเกิน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าให้เผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็ตามกงจวิ้นฉือออกไป 

 

 

           ฉู่อีอีมองดูแววตาห่วงใยของเผยหนานเจวี๋ยที่มองฉู่เจียเสวียนอยู่ที่มุมหนึ่ง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด 

 

 

           ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เผยหนานเจวี๋ยเตือนเธอไม่ให้ไปก่อกวนฉู่เจียเสวียนอีก มันเป็นเพียงแค่สิ่งเบาบางสำหรับเธอมาโดยตลอด และยิ่งทำให้เธอร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           เมื่อคิดถึงตรงนี้ มือก็กำแน่น ฟันกัดริมฝีปากแดงๆ ดวงตาเปล่งประกายชั่วร้าย 

 

 

           หลังจากงานฉลองครบรอบแล้ว เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีก็กลับมาถึงวิลล่า 

 

 

           เมื่อเข้ามา ฉู่อีอีถอดรองเท้าส้นสูง ยื่นมือต้องการจะควงแขนของเผยหนานเจวี๋ยตามความเคยชิน แต่ว่าเขากลับหลบหลีก 

 

 

           มือที่ยื่นออกมาค้างอยู่กลางอากาศ ฉู่อีอีไม่พอใจฉับพลัน เธอได้รับความทุกข์ทรมานแบบนี้มามากพอแล้ว 

 

 

           เชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถทนให้ผู้ชายที่เธอรักเฉยเมยกับตัวเองเช่นนี้ 

 

 

           “หนานเจวี๋ย พวกเราคุยกันหน่อยได้ไหม” ฉู่อีอีตามหลังเผยหนานเจวี๋ย มองดูแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของเขา แววตามีความเจ็บปวด 

 

 

           หันกลับมา สายตาของเผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีด้วยความเฉยเมย มุมปากยกยิ้ม “อีอี คุณอยากคุยอะไรกับผมเหรอ” เสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น ราวกับว่ารับรู้ได้ถึงภยันตราย 

 

 

           “หนานเจวี๋ย คุณเป็นอะไรกันแน่ ทำไมช่วงนี้คุณถึงเย็นชากับฉันขนาดนี้ คุณรู้หรือเปล่าเวลาที่เห็นคุณแบบนี้แล้วฉันปวดใจมาก คุณอย่าทำกับฉันแบบนี้ได้ไหม ถ้าฉันทำอะไรผิดไปคุณจะตีจะว่าฉันก็ได้ แต่อย่าไม่สนใจฉันได้หรือเปล่า”