กู้ชูหน่วนออกจากถ้ำไปยืนอยู่จุดสูงสุดแล้วมองลงไป เมื่อมองลงไปแล้วก็พบว่าว่าเผ่าเพลิงฟ้าอันกว้างใหญ่มีเพลิงไฟลุกขึ้นสู่ฟ้า และเต็มไปด้วยเงาของการเข่นฆ่ากัน

ท่ามกลางพวกเขา ตำหนักสวรรค์นั้นรุนแรงที่สุด

สู้กันถึงเพียงนี้แล้ว เชื่อว่าอีกประเดี๋ยวก็คงสิ้นสุดแล้วล่ะ

เป็นเวลาสามวันเต็มที่กู้ชูหน่วนยืนมองดูการเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของเผ่าเพลิงฟ้าอยู่หน้าถ้ำ

เพลิงไฟที่ลุกอย่างรุนแรงในตอนแรก บัดนี้ได้ค่อยๆ เบาลงไปแล้ว

ในนั้นมีหลายแห่งที่มองไม่เห็นเพลิงไฟแล้ว นอกจากตำหนักสวรรค์ ตรงนั้นถูกไฟลุกลามเผาไหม้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามวันสามคืน

หากเผากันเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทั้งตำหนักสวรรค์คงจะถูกเผาจนไม่เหลือซากแล้ว

สามวันมานี้ กู้ชูหน่วนได้แบกความโกรธไว้ในใจ

เหวินเส่าอี้ผู้โดดเดียวไร้พลังและความสามารถ ถูกรองหัวหน้าเผ่าซือคงฆ่าอย่างเหี้ยมโหด

“รายงาน…นายท่าน ไอ้คนเลวทรามซือคงมิรู้ว่าไปนำมือสังหารตัวฉบังมาจากที่ใดกัน ตอนนี้ทั้งเผ่าเพลิงฟ้าจึงถูกมันควบคุมไว้หมดแล้ว”

มือสังหาร?

หอวิญญาณทมิฬ?

หอวิญญาณทมิฬถูกนางทำลายไปแล้วมิใช่หรือ?

มือสังหารที่เหลือก็ตายอยู๋ในจวนแม่ทัพทั้งหมด เหตุใดจึงยังมีคนมากมายเพียงนั้นเชียว?

เมื่อมองลงไป บริเวณตำหนักสวรรค์และเผ่าเพลิงฟ้าหลายแห่งมีเงาร่างของคนชุดดำอยู่อัดแน่นเต็มไปหมด ดูก็รู้เลยทันทีว่ามีคนไม่น้อย

“ทูลนายท่าน หอวิญญาณทมิฬถูกทำลายจริง ทว่านอกเสียจากหอวิญญาณทมิฬแล้ว ยังมีองค์กรมือสังหารองค์กรหนึ่งชื่อว่า หอดาวประดับฟ้า ซึ่งหอดาวประดับฟ้าก็เป็นพลังอำนาจที่ไอ้คนเลวทรามซือคงฝึกฝนเลี้ยงดูออกมาเองกับมือ เพียงแต่โดยปกติแล้วหอดาวประดับฟ้าจะไม่ปรากฏตัวบนยุทธจักรเท่าไรนัก เพราะเช่นนั้นคนในยุทธจักรจึงมิค่อยรู้จักพวกมันนัก”

“ครั้งนี้ นอกจากหอดาวประดับฟ้าแล้ว ไอ้คนเลวทรามซือคงยังร่วมมือกับหุบเขาตันหุยด้วย มิรู้เหมือนกันว่าพวกมันให้อะไรกับหุบเขาตันหุย หุบเขาตันหุยที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้นถึงได้เคลื่อนไหวลูกศิษย์แทบทั้งหุบเขา เพื่อรวมพลังกับไอ้คนเลวทรามซือคงเช่นนี้ได้”

“มิเพียงเท่านี้ หุบเขาตันหุยยังนำยาทั้งหมดที่สะสมมานานหลายร้อยปีให้กับไอ้คนเลวทรามซือคงด้วย ทำให้ฝั่งไอ้คนเลวทรามซือคงมีพลังเพิ่มมากขึ้นไปอีก”

หุบเขาตันหุย?

กู้ชูหน่วนแปลกใจเล็กน้อย

จากที่นางรู้มา นายน้อยแห่งหุบเขาตันหุยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในยุทธจักรโดยไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากเอาตัวรอดเท่านั้น

ช่วยเหลือไอ้คนเลวทรามซือคงแล้ว ก็เสมือนเป็นศัตรูกับหออันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่าง นิกายอสูร เผ่าหยก เผ่าน้ำแข็งและอื่นๆ นายน้อยแห่งหุบเขาตันหุยคงไม่ประมาทเช่นนี้หรอก

น่าหลานหลิงลั่วเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อนางอยู่บ้าง การเป็นศัตรูกับพวกนางนั้นไม่เป็นผลดีใดๆ กับพวกเขาเลย

ต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน

“เหวินเส่าอี้ล่ะ?” กู้ชูหน่วนถาม

“ยังติดอยู่ในตำหนักสวรรค์ มิสามารถออกมาได้ บ่าวรับใช้ของเขาต่างก็บาดเจ็บสาหัส คาดว่าทนต่อไปได้ไม่นานแล้ว”

ผู้คนในเผ่าหยกต่างดีใจ

มีเพียงกู้ชูหน่วนคนเดียวที่สีหน้าดูไม่ดีใจเลย

นางมองที่ตำหนักสวรรค์เนิ่นนาน ริมฝีปากบางๆ ยกสูงขึ้น และกล่าวเบาๆ ว่า “เสี่ยวลู่ เจ้าไปที่ตำหนักสวรรค์กับข้าที”

ผู้อาวุโสของเผ่าหยกก็ตามมาด้วย เมื่อได้ยินที่นางพูด ก็อดมิได้ที่จะถาม “หัวหน้าเผ่า ท่านจะไปที่ตำหนักสวรรค์ทำไมกัน บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่วุ่นวายที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว ไม่ว่าในพวกเขาใครจะชนะใครจะแพ้ ก็ไม่เกี่ยวกับเรา รอให้สงครามจบลงพวกเราค่อยไปก็ไม่สาย”

“ข้าเป็นหัวหน้าเผ่า หรือเจ้าที่เป็นหัวหน้าเผ่ากัน”

“ขอรับ…”เหล่าผู้อาวุโสมิกล้าพูดมากอีก ทำได้เพียงถอยกลับอย่างไม่พอใจ

กู้ชูหน่วนกับเสี่ยวลู่แปลงกายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเคย ด้วยวิชาตัวเบาที่คล่องแคล่วชำนาญรวมทั้งตัวละครที่พิเศษ จึงได้เดินทางมาถึงตำหนักสวรรค์อย่างไร้อุปสรรค

ทั่วทั้งเผ่าเพลิงฟ้าเต็มไปด้วยซากศพ เลือดไหลนองเป็นสระ ดูโหดร้ายมากกว่าเหตุการณ์ในเผ่าหยกครั้งนั้นเสียอีก

ตำหนักสวรรค์ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย ดูแล้วพวกนางเองก็ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงซ่อนมองดูสถานการณ์ภานในอยู่ข้างนอก

กู้ชูหน่วนเห็นเหวินเส่าอี้และคนอื่นๆ ฝ่าวงล้อมไม่สำเร็จอีกครั้งผ่านกระดานไม้ และพื้นที่ถูกล้อมก็ยิ่งอยู่ยิ่งแคบอีกด้วย

นอกตำหนักสวรรค์

ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าหลายสิบคนถูกจับมือไขว้หลัง และถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนัก

ข้างหลังคือรองหัวหน้าเผ่าซือคง ผู้อาวุโสสูงสุดตงหลิงและน่าหลานหลิงลั่ว ข้างหลังอีกคือคนของรองหัวหน้าเผ่าซือคงและลูกศิษย์ของหุบเขาตันหุย

ผู้อาวุโสหลินกล่าว “เหวินเส่าอี้ พวกเจ้าถูกสกัดล้อมไว้หมดแล้ว ขัดขืนต่อไปก็จะทำให้ตายเพิ่มมากขึ้นเสียเปล่า หากมีสติดีก็จงยอมแพ้ซะ มิเช่นนั้นคนในตำหนักสวรรค์จะต้องฝั่งหลุมไปพร้อมกับเจ้า”

“ถุย พวกกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเองอย่างพวกเจ้า กระชับมิตรกับคนนอก ทำร้ายคนใน แม้นพวกข้าจักต้องตายก็ไม่มีทางยอมแพ้หรอก นายน้อย เพียงแค่ท่านออกคำสั่ง พวกข้าก็จะสู้กับพวกมันอย่างสุดชีวิต”

“ใช่ แม้นต้องตาย พวกข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้หรอก”

ผู้อาวุโสหลินมองไปทางรองหัวหน้าเผ่าซือคงครู่หนึ่ง กล่าวต่อไปว่า “เหวินเส่าอี้จับหัวหน้าเผ่าเป็นตัวประกัน ฝึกฝนเลี้ยงดูกองกำลังโดยลับ และวางแผนก่อกบฏ เพื่อปิดบังความจริงที่เขามิใช่ลูกชายของหัวหน้าเผ่า ทั้งยังฆ่าคนในเผ่าอย่างเหี้ยมโหด คนที่สมควรตายคือเขา เพียงแค่พวกเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี พวกข้ารับรองว่านอกจากเหวินเส่าอี้แล้ว จะไม่ทำร้ายพวกเจ้าแม้เพียงคนเดียว”

เรื่องโกหกพรรค์นี้กลับพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเสียจริง ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนได้ยินก็เป่านวดเคลาแล้วจ้องเขม็ง เขากล่าวอย่างกริ้วโกรธว่า “ถุย พบเจอคนหน้าด้าน แต่มิเคยพบเจอคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเช่นเจ้ามาเสีนก่อน เรื่องอะไรก็เอามาพูดได้หมด”

เป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่ง พูดสกปรกออกมาเช่นนี้ ทำเอาผู้อาวุโสเฉินและคนอื่นๆ หน้าเสียไปตามๆ กัน

น่าหลานหลิงลั่วยกเท้าขึ้นเบาๆ และก้าวเดินไปข้างหน้ากี่ก้าว กล่างด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากพวกเจ้าไม่ยอมเปิดประตูยอมแพ้ซะ เมื่อกระบอกทรายไหลจนหมดหนึ่งครั้ง ข้าก็จะฆ่าลูกศิษย์หนึ่งคน ในเมื่อที่นี่ยังมีลูกศิษย์อีกนับร้อยคน พวกเจ้ายังมีเวลาให้คิดทบทวนอยู่มาก”

เขาส่งสัญญาณมือออกไป ก็มีคนเริ่มปล่อยกระบอกทรายลงทันที

กระบอกทรายไหลอย่างรวดเร็ว ไหลออกไปครึ่งหนึ่งภายในชั่วพริบตา

เมื่อเห็นว่ากระบอกทรายกำลังจะไหลออกจนหมดแล้ว ลูกศิษย์ที่ถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ข้างกายน่าหลานหลิงลั่วก็กล่าวขึ้น “นายน้อย ชีวิตของพวกข้านั้นต่ำต้อย ตายไปก็มิเสียดาย นายน้อยอย่ายอมแพ้เป็นอันขาดนะขอรับ พวกมันร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ แม้นจะยอมแพ้ พวกมันก็จักฆ่าให้สิ้นซากอยู่ดี”

“หมดเวลา”

สิ้นเสียงของน่าหลานหลิงลั่ว มือของเขาก็หยิบดาบขึ้นมาและตัดเข้าที่หัวของลูกศิษย์คนนั้นในทันที

เลือดกระจายไปทั่วทุกทิศ ย้อมติดเป็นสีแดงไปทั่วพื้นดิน ศีรษะของเขาตกลงบนพื้น ดวงตาของลูกศิษย์ที่ตายไปเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาตายตาไม่หลับ

ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่ถูกจับเป็นเชลยจ้องน่าหลานหลิงลั่วเขม็งตาแทบจะแยกออกจากกัน

เสียงก่นด่าของซ่งอวี้ดังออกมาจากตำหนักสวรรค์

“ซือคง พวกเขาเป็นศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าทั้งนั้น เจ้ายอมทนเห็นคนนอกฆ่าพวกเขาต่อหน้าเช่นนี้งั้นหรือ?”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่างอย่างช้าๆ “พวกเขาเป็นศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าจริง แต่ทว่าพวกมันทรยศเผ่าเพลิงฟ้า หากพวกเจ้าไม่ยอมแพ้โดยเร็ว ก็อย่าโทษว่าข้าไร้น้ำใจแล้วกัน”

ผู้อาวุโสสูงสุดซ่งหยวนกล่าว “น่าหลานหลิงลั่ว พวกเราไม่มีความแค้นความบาดหมางต่อหุบเขาตันหุย เหตุใดเจ้าถึงได้นำคนของเจ้ามาฆ่าพวกข้าเช่นนี้กัน”

“เผ่าเพลิงฟ้ากับหุบเขาตันหุยความสัมพันธ์ดีกันมาตลอด พวกเจ้าจับหัวหน้าเผ่าเป็นตัวประกัน พวกข้าแค่ต้องการคืนความยุติธรรมให้กับหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าเท่านั้น”

“ถุย ภายนอกดูศักดิ์สิทธิ์ แต่ภายในไร้ศีลธรรมและยางอาย”

“เวลาหนึ่งกระบอกทรายจะหมดลงแล้ว พวกเจ้าคิดดีหรือยัง?”

ภายในตำหนักสวรรค์มีเสียงรีบร้อนกังวลดังออกมา ราวกับกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่

ลูกศิษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่นอกตำหนักก็หัวเราะขึ้นมาในบัดดล “ก็แค่ตายมิใช่หรือ จะไปกลัวอะไรกัน ผ่านไปยี่สิบปีก็กลายเป็นคนคนหนึ่งแล้ว ไอ้คนทรยศซือคง เจ้าจะฆ่าก็รีบฆ่าซะ ข้าไม่กลัวหรอก”

“ฉับ…”

ศีรษะของลูกศิษย์ตกลงมาอีกหนึ่งคน

ผู้สังหารยังคงเป็นน่าหลานหลิงลั่วเช่นเคย

รองหัวหน้าเผ่าซือคงดูสบายใจมากนัก ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าคนอื่นๆ มีบางคนที่ทนไม่ไหว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าร้องขอไว้ชีวิตได้

กู้ชูหน่วนมองน่าหลานหลิงลั่วที่แววตาเย็นชา เต็มไปด้วยจิตสังหาร นางไม่อยากเชื่อเลยว่าน่าหลานหลิงลั่วที่นางรู้จักในอดีตที่ซุกซน อ่อนโยน และมีอารมณ์ขันคนนั้น จะเป็นน่าหลานหลิงลั่วที่ฆ่าคนโดยไม่ต้องกระพริบตาเลยคนนี้