ตอนที่ 170 งานกินเลี้ยงที่เลิ่กลั่กผิดปกติ / ตอนที่ 171 ไป๋จิ่งผู้ถูกกลั่นแกล้ง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 170 งานกินเลี้ยงที่เลิ่กลั่กผิดปกติ 

 

 

ทั้งสามคนออกจากบริษัท เจียงมู่เฉินขับรถ ซือเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างเขา ส่วนไป๋จิ่งก็นั่งน่าสงสารอยู่เบาะหลัง โดดเดี่ยวเดียวดายเหงาเหน็บหนาวอยู่คนเดียว ยังต้องมาทนรับคู่อื่นเขาโชว์หวานไม่สิ้นสุดอีก 

 

 

ไป๋จิ่งกอดตัวเองอย่างจนใจ รอเขาตามหามั่วไป๋ให้เจอ คว้าเจ้าตัวมาอยู่ในมือให้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นเขาจะจู๋จี๋กันต่อหน้าพวกเขาทุกวันเลย 

 

 

‘จู๋จี๋ใครจะทำไม่ได้ แค่เขายังไม่มีแฟนแค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง’ 

 

 

ขับรถพากันมาถึงที่ฉินจี้แล้ว เขาจองที่ล่วงหน้าไว้เรียบร้อย ใกล้จะสองทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่ามั่วไป๋มาถึงหรือยัง 

 

 

หลังจากทั้งสามคนเข้าห้องรับรองไป มั่วไป๋ก็ยังไม่ถึง 

 

 

ไป๋จิ่งเห็นชุดอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารมีสี่ชุดก็เลิกคิ้ว “อะไรกัน ยังมีคนอื่นอีกเหรอ” 

 

 

“เพื่อนสนิทฉันเอง ควรจะใกล้ถึงแล้วล่ะ” 

 

 

เพิ่งจะสิ้นเสียงลง ประตูด้านหลังก็ถูกคนผลักเข้ามา เจียงมู่เฉินเห็นมั่วไป๋ก็รีบตะโกนเรียกทันที “มั่วไป๋ ทางนี้” 

 

 

……เสียงเรียกชื่อ ‘มั่วไป๋’ ทำไป๋จิ่งตัวแข็งทื่อ แก้วในมือพลิกคว่ำ น้ำหกกระจายออกมา 

 

 

เขาหันไปมองข้างหลังเงียบๆ ทั้งตัวตะลึงค้างไปแล้ว 

 

 

คนที่ตัวเองตามหามาตั้งนานขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพื่อนของเจียงมู่เฉิน ยังมีเรื่องอะไรพลิกผันกว่านี้อีกไหม 

 

 

ไม่ใช่แค่ไป๋จิ่งที่ตะลึงค้าง มั่วไป๋ที่ยืนอยู่ตรงประตูเองก็ตะลึงค้างเช่นกัน 

 

 

 ‘ทำไมไป๋จิ่งก็มาปรากฏตัวที่นี่ด้วย’ 

 

 

พอเขาเห็นซือเหยี่ยนที่นั่งข้างเจียงมู่เฉินก็เข้าใจได้ในทันที ซือเหยี่ยนกับไป๋จิ่งเป็นเพื่อนกัน ปรากฏตัวที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก 

 

 

มั่วไป๋ไม่ได้เสียอาการเท่าไป๋จิ่งขนาดนั้น นอกจากตอนเข้ามาจะตกใจงงๆ นิดหน่อยแล้ว ก็ดูไม่ออกถึงการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย 

 

 

           เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ไป๋จิ่งอย่างไม่ใส่ใจ แล้วล้วงหยิบเอาของขวัญออกมา “ได้ยินเฉินเฉินบอกว่าเป็นวันเกิดของนาย นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่านายจะไม่ถือสา” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยื่นมือไปรับ “ขอบคุณ” 

 

 

           มั่วไป๋นั่งลงข้างๆ ไป๋จิ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย ราวกับว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น ไป๋จิ่งอยู่ไม่สุขเท่าไหร่แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะไม่ลืมเขาไปแล้วใช่ไหม 

 

 

           สายตาเจียงมู่เฉินมองทั้งสองคนสลับไปมาตลอด เขาเห็นน้ำในแก้วที่วางอยู่หน้าไป๋จิ่งใกล้ไหลออกหมดแล้ว 

 

 

           เขาอดจะเลิกคิ้วมองไป๋จิ่งไม่ได้ “นายคิดจะถือโอกาสนี้ซักเสื้อผ้าใช่ไหม” 

 

 

           ไป๋จิ่งถึงได้ก้มลงมอง น้ำบนโต๊ะใกล้จะไหลไปถึงตัวเขาแล้ว เขารีบจับแก้วตั้งวางใหม่ ดึงกระดาษทิชชูออกมาเช็ด 

 

 

           เจียงมู่เฉินเบนสายตามาหยุดที่ใบหน้าของมั่วไป๋ ก็เห็นแค่เขาเลิกคิ้ว ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

 

           “นี่คือเพื่อนของซือเหยี่ยน ไป๋จิ่ง นี่คือเพื่อนสนิทของฉัน มั่วไป๋” 

 

 

           มั่วไป๋มองไป๋จิ่งแวบหนึ่งด้วยสายตาสงบนิ่ง “บังเอิญจัง เมื่อก่อนเคยเจอกันสองครั้ง คุ้นเคยกันบ้างแล้ว” 

 

 

           “เอ๊ะ?” ไป๋จิ่งอุทานเสียงหลงด้วยความงงงวย เขายังคิดว่าไป๋จิ่งคิดจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา คิดไม่ถึงว่าจะพูดเรื่องที่พวกเขาเคยเจอกันก่อนหน้านี้ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน 

 

 

           “อะไรกัน นายอยากบอกว่าพวกเราไม่คุ้นเคยกันเหรอ” 

 

 

           ไป๋จิ่งโดนเขามองแบบนี้ เหงื่อก็ออกท่วมหัว ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามั่วไป๋คนงามแผ่รังสีออกมาได้จัดเต็มขนาดนี้ 

 

 

           ระเบิดพลังออกมาชนิดที่ดูไปแวบเดียวก็เทียบชั้นกับเจียงมู่เฉินได้จริงๆ 

 

 

           “คุ้นเคยๆ คุ้นเคยเป็นพิเศษ” ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่สื่อสารกันอย่างใกล้ชิดแนบสนิทกันบนเตียงมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนสบสายตากัน แววตาทั้งคู่ก็ลุกวาวเป็นประกายขึ้นมา 

 

 

           ซือเหยี่ยนดูละคร ส่วนเจียงมู่เฉินดูเป็นห่วงนิดหน่อย 

 

 

           ตอนที่กินอาหารกัน ไป๋จิ่งเอาแต่แอบมองมั่วไป๋ รู้สึกว่าเขาเย็นชาแบบนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ตามหลักการแล้วพวกเขาก็สนิทชิดใกล้กันขนาดนี้แล้ว เจอกันก็ไม่ควรจะเป็นแบบนี้นี่หน่า 

 

 

           ตั้งแต่เข้ามาในห้องจนถึงตอนนี้ มั่วไป๋ก็ไม่เคยมองเขาเลย ไป๋จิ่งเริ่มร้อนใจแล้ว นี่คือต้องการมองข้ามเขาหรือไง 

 

 

           “คือว่า…” ไป๋จิ่งอยากจะเอ่ยปาก มั่วไป๋ก็กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา ทำเอาไป๋จิ่งลืมไปเสียสนิทว่าที่เหลือต้องการจะพูดอะไร 

 

 

           ในมื้ออาหารนี้ ไป๋จิ่งอยากจะร้องไห้ มันอึดอัด อึดอัดเกินไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 171 ไป๋จิ่งผู้ถูกกลั่นแกล้ง 

 

 

           มองในมุมกลับกัน เจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยน ไหนจะมั่วไป๋อีก พวกเขากลับผสมกลมกลืนกันได้ มั่วไป๋ถึงจะพูดน้อย แต่เวลาพูดจากลับดูมีทิฐิบางอย่างที่บอกไม่ถูก บวกกับบุคลิกเย็นชาเฉพาะตัว ยิ่งดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ 

 

 

           อีกอย่างระหว่างเขาและเจียงมู่เฉินมีบรรยากาศบางอย่างที่พูดไม่ออก ดูเหมือนจะพร้อมปะทะ ในความเป็นจริงพร้อมจะช่วยกันโดยไม่ห้ามปรามใดใด 

 

 

           ไป๋จิ่งถอนหายใจ ดังนั้นงานกินเลี้ยงคืนนี้มีแค่เขาคนเดียวที่ถูกบีบให้ออกมาแล้วใช่ไหม 

 

 

           ตลอดมื้ออาหารนี้ ไป๋จิ่งรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะอึดอัดจนป่วยจริงๆ แล้ว เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าเหมือนกำลังถูกบีบคั้นของเขา ก็เอ่ยถามขำๆ “ไป๋จิ่ง ทำไมวันนี้นายดูมีอะไรติดค้างอยู่ในใจนะ” 

 

 

           มุมปากซือเหยี่ยนกระตุกขึ้นมา ในใจของเขาตอนนี้อยู่กับมั่วไป๋ไปทั้งใจ จะมีเรื่องติดค้างอะไรในใจเรื่องอื่นที่ไหนอีก 

 

 

           “เปล่า นายดูผิดแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองมั่วไป๋ที่กินข้าวนิ่งๆ อยู่ตรงข้าม “นายคงจะไม่ใช่ว่าไม่ชอบมั่วไป๋หรอกใช่ไหม ฉันเห็นตั้งแต่เขาเข้ามา สีหน้านายก็ไม่ค่อยดีแล้ว” 

 

 

           มั่วไป๋เตะเท้าเจียงมู่เฉินอยู่ใต้โต๊ะ บอกให้เขาอย่าแสดงออกมากเกินไป เจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ บอกให้อีกฝ่ายวางใจได้  

 

 

           มั่วไป๋ถอนหายใจ เพราะเจียงมู่เฉินไอ้หมอนี่อยากจะสร้างเรื่องนี่แหละ เขาถึงได้วางใจไม่ได้ 

 

 

           “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันจะเกลียดมั่วไป๋ทำไมล่ะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น เอ่ยอย่างไม่สนใจ “อ่อ งั้นก็ดี ฉันยังคิดว่านายจะเจ็บแค้นไป๋ไป๋ของฉัน เพราะวีรกรรมอันเลื่องชื่อของนายครั้งก่อนซะอีก” 

 

 

           ไป๋จิ่งอกแตกแล้ว เขารู้ได้ยังไงว่ามั่วไป๋คือคนที่โยนเงินให้แล้วหนีไปคนนั้น 

 

 

           เขามองไปทางมั่วไป๋อย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หรือว่ามั่วไป๋เองก็พูดเรื่องนี้กับเจียงมู่เฉิน แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นนั้นได้ มั่วไป่คนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่พูดเรื่องทำนองนี้กับเจียงมู่เฉินได้ 

 

 

           มั่วไป๋สบตาไป๋จิ่งอย่างไม่หวาดหวั่น ไป๋จิ่งเห็นสีหน้าท่าทางตรงไปตรงมาและจริงใจของเขา เหมือนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงมู่เฉินกำลังพูดอะไรอยู่ 

 

 

           ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ คุณชายน้อยเจียงคนนี้อยากจะสร้างเรื่องต่อหน้าพวกเขาใช่ไหม 

 

 

           ซือเหยี่ยนฟังคำพูดของเจียงมู่เฉินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองมั่วไป๋แวบหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ เพียงพริบตาในใจก็เข้าใจได้ในทันที 

 

 

           ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของเจียงมู่เฉิน ออกตัวทีไม่เหมือนกับคนทั่วไปจริงๆ 

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าขมขื่น ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากซือเหยี่ยน ไอ้หมอนี่ถ้ายังไม่ยื่นมือมาช่วย ตัวเองต้องโดนแฟนเขาเล่นงานตายแน่ 

 

 

           ซือเหยี่ยนรับสัญญาณขอความช่วยเหลือนี้มา เขาเอียงหัวมองเจียงมู่เฉินสักพัก ก็เห็นแค่เจียงมู่เฉินใช้มือจิกต้นขาเขาอยู่ โดนข่มขู่เงียบๆ แบบนี้ ซือเหยี่ยนทำได้แค่เลิกคิ้วอย่างจนใจไปทางไป๋จิ่ง 

 

 

           ไป๋จิ่งโกรธจนกระอักเลือด เพื่อนคนนี้เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ปกติแกล้งเขายังกะอะไรดี พอมาเจอเจียงมู่เฉินกลายเป็นกลัวหัวหดไปได้ 

 

 

           ‘เหยียดหยาม เหยียดหยามกันเกินไปแล้ว!’ 

 

 

           “ฮ่าๆ จะเป็นไปได้ยังไง” ไป๋จิ่งเลิ่กลั่ก 

 

 

           มั่วไป๋มองเจียงมู่เฉินอีกแวบหนึ่ง ครั้งนี้เจียงมู่เฉินถึงได้ตัดสินใจไม่แกล้งไป๋จิ่งแล้ว ไม่อย่างนั้นบีบมั่วไป๋ให้ร้อนใจไปด้วยจะไม่คุ้มค่ากันแล้ว 

 

 

           กว่าจะกินอาหารกันเสร็จไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซือเหยี่ยนได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากไป๋จิ่งนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็ออกตัวพาเจียงมู่เฉินกลับไป 

 

 

           หลังจากพวกเขาสองคนออกไป มั่วไป๋ก็หันกลับเตรียมจะออกไป กว่าไป๋จิ่งจะเจอตัวเขาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีหรือจะยอมปล่อยเขาไปได้ง่ายๆ จริงๆ 

 

 

           ไป๋จิ่งรีบตะโกนตามหลังไป “ยังไม่ดึกเท่าไหร่เลย ไม่คิดจะไปดื่มกันสักแก้วหน่อยเหรอ?” 

 

 

           มั่วไป๋มองไป๋จิ่ง นัยน์ตาฉายแววสับสน เขาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพยักหน้า “ได้ ไปด้วยกัน?” 

 

 

           ไป๋จิ่งรอประโยคนี้มาตลอด กว่าจะได้ยินคำชวนของมั่วไป๋ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะปฏิเสธได้อย่างไร เขารีบรับปากทันที “ได้สิ ไปด้วยกัน” 

 

 

           ไป๋จิ่งมากับพวกซือเหยี่ยน ไม่ได้ขับรถมา มั่วไป๋ขับรถมาเองพอดี เขาพาไป๋จิ่งไปขึ้นรถตัวเอง แล้วทั้งสองคนก็ขับรถไปหลานเยี่ยกัน 

 

 

           มั่วไป๋นั่งบนเบาะที่นั่ง ในมือถือแก้วเหล้าค่อยๆ หมุนอย่างช้า “บอกมาเถอะ หาฉันมีธุระอะไร รู้สึกว่าเงินที่ฉันให้วันนั้นมันน้อยไป เลยตั้งใจจะมาทวงกับฉัน”