ตอนที่ 641 อาวุธเคมีชีวภาพ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ไม่ใช่ว่าหลี่ว์ซู่ไม่อยากฟังที่เซี่ยเหรินเซิงพูดมานะ แต่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีสิ่งที่ต้องการจะทำเหมือนกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เซี่ยเหรินเซิงและคนอื่นมาที่นี่เพราะต้องการมาแลกเปลี่ยนแร่กับกลุ่ม EO เมื่อหลี่ว์ซู่ได้ดูข้อมูลแล้ว เขาก็เห็นว่าพวกเขานั้นมีแร่อยู่ในคลังสินค้าเยอะทีเดียว ฉะนั้นพวก EO ก็เลยเชิญองค์กรใหญ่ๆ จากทั่วโลกมาเพื่อขายแร่ให้กับพวกเขา และพวกเขาจะไม่ขายให้แค่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่พวกเขาต้องมาเจรจาราคาและส่งตัวแทนมาแข่งขันกันว่าใครให้ราคาสูงกว่า

 

 

ในทางกลับกัน หลี่ว์ซู่มีเพียงอย่างเดียวที่อยากทำที่นี่ เขาอยากได้แต้มอารมณ์เพื่อเอาไปใช้ฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น…

 

 

แต่เขาจะหาแต้มอารมณ์มาได้ยังไงกันละ เขาไม่สามารถทำตัวสามัคคีกับคนอื่นที่นี่ได้ หากเขาทำแบบนั้น เขาจะหาแต้มอารมณ์มาได้ยังไง

 

 

กลุ่ม EO ได้จัดที่พักไว้ให้ทุกคนแล้ว ตัวแทนจากองค์กรต่างๆ จะได้พักในวิลล่าที่เพิ่งสร้างใหม่ หลี่ว์ซู่คิดว่ากลุ่ม EO นั้นจัดให้พวกเขาอยู่ใกล้กันเพื่อยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กร แล้ว EO จะได้ชุบมือเปิบท่ามกลางความยุ่งเหยิงนี้ได้ง่ายขึ้น

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก หลังจากที่เขาจัดสินใจได้ว่าเขาจะพักตรงไหน เขาก็ออกไปเดินเล่น พวกผู้บำเพ็ญรู้แล้วว่าเขามีความสามารถมากกว่าเลยไม่ได้เข้ามาแหย่หลี่ว์ซู่อีกแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าพวกผู้บำเพ็ญจะวางแผนแกล้งเขาตอนเขาไม่อยู่หรือเปล่า

 

 

ขณะที่เขาเดินอยู่บนถนนในเมืองอันกั๋ว เขาก็สังเกตเห็นว่าที่นี่แตกต่างจากที่อื่นๆ มาก เพราะในประเทศจีนนั้นจะมีถนนลูกรังแค่บริเวณชนบท แต่ในเมืองนี้ ครึ่งหนึ่งของเมืองกลับเป็นถนนลูกรังและอีกครึ่งหนึ่งเป็นถนนพื้นซีเมนต์ เวลามีรถขับผ่านจะเกิดฝุ่นคละคลุ้งไปในอากาศ

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นขบวนรถที่มีสัญลักษณ์ของ EO แล่นผ่านไป กลุ่ม EO นั้นถือเป็นองค์กรระดับโลก ภายในรถของพวกนั้นมีผู้คนอยู่หลายประเภท สีหน้าของพวกเขาทั้งกล้าแกร่งและเย็นชา

 

 

แอฟริกานั้นเป็นประเทศที่ลึกลับ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของประเทศจีนคือรถมอเตอร์ไซค์และน้ำมันหอมระเหย กระนั้นน้ำมันหอมระเหยขวดเล็กๆ ที่ขายกันแค่ไม่กี่หยวนในประเทศจีนกลับเพิ่มราคาเป็นแปดหยวนเมื่อวางขายที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทมอเตอร์ไซค์ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านหยวนหลายๆ ที่ในประเทศนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทจากจีน

 

 

เพราะแบบนี้เอง จีนจึงอยากช่วยเหลือการก่อสร้างต่างๆ ให้แอฟริกาใต้ หลี่ว์ซู่เริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว…

 

 

ในอดีต มีหลายคนเลยที่อยากลักลอบขนน้ำมันหอมระเหยออกไป ส่งผลให้ศุลกากรต้องออกกฎในการตรวจดูน้ำมันหอมระเหยให้เข้มมากขึ้น หากใครขนน้ำมันหอมระเหยมากเกินความจำเป็น ของพวกนั้นก็จะถูกยึดไป

 

 

มีนักธุรกิจจำนวนมากที่ขนเอาเสื้อผ้ามือสองออกจากจีนแล้วส่งไปที่แอฟริกาใต้ เสื้อมือสองหนึ่งตัวราคาไม่กี่หยวน กระนั้นเมื่อเอาไปขายต่อก็สร้างกำไรได้ไม่น้อย

 

 

นักธุรกิจแอฟริกาเองก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่เหมือนใคร พวกเขาจะรอให้เสื้อผ้ามือสองพวกนี้ส่งจากจีนมาถึงท่าเรือก่อน จากนั้นค่อยบรรจุและเติมลงไปในคลังสินค้า ส่วนเรื่องการขายเสื้อผ้ามือสองนั้นจะถูกกฎหมายหรือไม่ก็ไม่มีใครสนใจหรอก

 

 

ในแอฟริกาใต้เองก็มีจำนวนประชากรคนจนเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ แต่นิสัยการใช้เงินของคนที่นี่นั้นต่างไปจากประเทศจีน ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแปดหยวนก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะหาเงินมาซื้อให้ได้ต่อให้ต้องยืมเงินใครก็ตามที…

 

 

กลุ่มคนจีนเดินทางมาที่แอฟริกาใต้เพื่อเปิดโรงงานด้วยเหมือนกัน ในตอนที่พวกเขาเปิดโรงงานกันใหม่ๆ พวกเขาจะจ่ายเงินเดือนให้ก่อนหนึ่งเดือนล่วงหน้า แต่หลังจากสามวันผ่านไป พวกคนงานกลับประท้วงไม่ทำงานเสียอย่างนั้นเพราะพวกเขาใช้เงินที่ได้ไปหมดแล้ว

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าการคิดแบบนี้นั้นเป็นเรื่องคิดไม่ตก พวกคนท้องถิ่นจะใช้เงินที่ได้มาจนหมดโดยไม่แบ่งเงินเก็บไว้เลย พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะวางแผนการเงินเพื่อใช้ในอีกยี่สิบเจ็ดวันที่เหลือ…

 

 

ดังนั้นบริษัทจากจีนจึงเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินเดือนให้กับคนงาน พวกเขาจะจ่ายค่าแรงให้ทุกๆ สามวัน แต่ปัญหาก็คือพวกคนงานท้องถิ่นกลับใช้จ่ายเงินนี้หมดไปตั้งแต่ครึ่งวันแรกแล้ว…

 

 

บริษัทเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายค่าแรงแบบวันต่อวันแทน แต่พอทำแบบนี้แล้ว พวกคนงานท้องถิ่นกลับออกไปเที่ยวเพื่อใช้เงินจนหมดและไม่กลับมาทำงานอีกเลย…

 

 

อะไรกันวะเนี่ย…

 

 

ที่แห่งนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย หลายครั้งที่เพื่อนคนจีนด้วยกันถูกวิ่งราวที่นี่ พอขับรถไปปะเข้ากัลตำรวจก็มักถูกสั่งให้หยุดรถเพื่อจ่ายค่าปรับอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพราะทุกคนที่มาที่นี่เป็นผู้บำเพ็ญ พวกโจรในท้องถิ่นจึงหวาดกลัวกันไป พลังโจมตีของพวกผู้บำเพ็ญนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป พวกเขาไม่กล้าเข้าไปกระตุกหนวดผู้บำเพ็ญหรอก

 

 

เพราะฉะนั้นการขโมยจึงกลายเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ ถ้าเป็นคนดูสถานการณ์ได้ไม่ดี ก็อย่าได้เคลื่อนไหวอะไรออกไปทั้งนั้น

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เขาจึงตั้งใจจะเดินกลับวิลล่า เขาเสียดายนิดหน่อยที่ไม่มีใครเข้ามาขโมยของจากเขา เพราะเขาอยากได้แต้มอารมณ์เพิ่ม

 

 

ขนาดคนท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ขโมยของมาโชกโชนก็ยังไม่รู้ว่ามีใครบางคนรอให้พวกเขาเข้าจู่โจมเพื่อรอหลอกพวกเขากลับ

 

 

หลี่ว์ซู่เดินกลับไปที่วิลล่าแล้ว แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ วิลล่าพวกนี้ดูหรูหราอย่างกับสวนของจีน แต่วิลล่าสวนจีนที่นี่นั้นกลับมีพืชพรรณปลูกไว้มากกว่าปกติ เหมาะแก่การมาซ่อนตัวมาก เขารู้สึกได้ถึงพลังงานแปลกๆ จากพุ่มไม้พวกนั้น

 

 

องค์กรที่มาที่นี่มีทั้งหมดเจ็ดองค์กรใหญ่ๆ ด้วยกัน แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานห้าสายจากบริเวณรอบๆ วิลล่า

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มอยู่ไม่สุข พวกนี้เป็นองค์กรใหญ่กันหมดเลยไม่ใช่เหรอ! ช่วยเพิ่มคุณภาพเทคโนโลยีการสอดแนมหน่อยได้ไหม!

 

 

เขาเริ่มเดินตรวจตราไปทั่วบริเวณนั้น พอเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานเข้ามาใกล้ๆ เขาก็โยนกล่องเต้าหู้เหม็นไปตรงจุดนั้น เขาไม่สนใจหรอกว่าน้ำซุปมันจะไหลหกออกมาหรือเปล่า เพราะเขาจะใช้เต้าหู้เหม็นนี้เป็นอาวุธเคมีชีวภาพ

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอียน คลินตัน +399…]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…]

 

 

หลังจากที่เขาโยนเต้าหู้เหม็นไป หลี่ว์ซู่ก็เอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ “ยังมีใครหลบอยู่อีกไหม”

 

 

พวกคนที่อยากจะหนีออกไปหลังจากโดนเต้าหู้เหม็นเล่นงานได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไป การโจมตีด้วยเต้าหู้เหม็นนี่อย่างกับโดนชกเข้าให้ ขนาดหลี่ว์ซู่เองยังไม่เคยได้กลิ่นเต้าหู้เหม็นที่แรงเท่านี้มาก่อนเลย เขาได้แต้มอารมณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…

 

 

เขามีความสุขมาก เขาไม่ได้เดินออกไปไหนและยืนรออยู่นั้นเพื่อดูว่าหน่วยสอดแนมนี่จะทนกันต่อไปได้สักกี่น้ำเชียว คนกลุ่มนี้เหมือนเป็นเครื่องผลิตแต้มอารมณ์ให้เขา และพวกเขาก็หนีไปไหนไม่ได้ด้วย…

 

 

หลี่ว์ซู่โยนกล่องเต้าหู้เหม็นที่เปิดไว้อยู่ครึ่งหนึ่งเข้าไปอีก กล่องเต้าหู้หกเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด หลังจากผ่านไปสิบนาที ใครคนหนึ่งก็ตะโกนโหวกเหวกแล้ววิ่งหนีไป…

 

 

คนอื่นๆ เองก็ตามเขาไปด้วยเช่นกัน แล้วคืนนั้นก็มีข่าวลือออกมาว่าองค์กรใหญ่นำอาวุธเคมีชีวภาพเข้ามาที่นี้ด้วย! นี่นี่ไม่ใช่การแข่งขันอย่างสันติเลยสักนิด!

 

 

หลี่ว์ซู่เดินกลับไปที่วิลล่าอย่างสบายอกสบายใจ เขาได้ยินเซี่ยเหรินเซิงพูดกับคนอื่นๆ “ตอนนี้พวกเราต้องระวังให้มากหน่อย ในช่วงที่กำลังเสริมยังไม่มา จะพูดอะไรก็ระวังด้วย ส่วนตอนนอนขอให้เปลี่ยนกะช่วยกันเฝ้าระวัง อย่าลืมปิดผ้าม่านให้สนิท บริเวณรอบๆ พวกเราเสี่ยงโดนดักซุ่มดูได้ง่ายมาก”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาแอบไปเปลี่ยนชุดและหนีออกทางหน้าต่าง ตอนที่เขากระโดดออกไปนั้นเขาก็เปลี่ยนหน้าเป็นผู้ชายผิวขาวคนหนึ่ง เขาเดินไปเจอวิลล่าที่พวกองค์กรใหญ่อื่นๆ อยู่แล้วปาหินเข้าไปเพื่อทำให้กระจกแตก

 

 

จากนั้นก็โยนเต้าหู้เหม็นเข้าไปสมทบ ก่อนหน้านี้มีคนในวิลล่าพูดว่า “ฉันไม่คิดหรอกนะว่านั่นจะเป็นอาวุธเคมีชีวภาพจริงๆ ไม่เห็นว่ามันจะทำอะไรพวกผู้บำเพ็ญได้เลยนี่”

 

 

ทันใดนั้นพวกคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปซุ่มระวังก็ก้าวถอยหลังไปหมด ถ้ามันเป็นอาวุธเคมีชีวภาพจริงๆ ก็ต้องมีอะไรเกิดขึ้นบนผิวหนังแล้วสิ แต่นี่กลับไม่เป็นอะไรเลย

 

 

“นี่เหมือนเป็นวิธีไล่พวกดักซุ่มมากกว่า ฉันว่าพวกเครือข่ายฟ้าดินอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แหละ เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในวิลล่าของพวกนั้นนี่”

 

 

“ถ้าสิ่งนั้นมันทำอะไรกลุ่มสอดแนมไม่ได้จริงๆ เราก็ยังแอบซุ่มดูพวกมันได้อยู่น่ะสิ เราจะต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้” ฮาเวิร์ดพูดช้าๆ

 

 

แล้วขณะที่พูดกันอยู่นั้นว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ จู่ๆ ก็มีเสียงกระจกแตกดังขึ้นมา มีผู้ชายผิวขาวคนหนึ่งเดินผ่านหน้าต่างไป แล้วกลิ่นเหม็นอย่างสุดซึ้งก็ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ววิลล่า…

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอียน คลินตัน +666…]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…]

 

 

ไอ้บ้าหน้าไหนมันกล้าจะโจมตีแบบตั้งใจขนาดนี้เนี่ย เพิ่งพูดกันไปหยกๆ ว่าสิ่งนั้นมีไว้สำหรับไล่พวกดักซุ่มออกไปแท้ๆ!