บทที่ 66 การรักษาไป๋เสวี่ยหลี่

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 66
การรักษาไป๋เสวี่ยหลี่

“อ่า!” มู่หรงเสวี่ยมองแบบงงๆ!

อ่าอะไรกันเล่า?! ผู้หญิงอะไรเนี่ยไม่น่ารักเลยสักนิด!!!

ชางกวนหลินไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาเพียงแค่รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ข้างๆเธอ จะเรียกว่ารักหรือเปล่านะ?! อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจ เขาเพียงแค่เคารพความต้องการของหัวใจตัวเอง “เธอไม่ติดต่อกลับมาหาฉันเลย นี่เธอกำลังหลบหน้าฉันอยู่หรือเปล่า?”

ใช่เลย! เขารู้ได้ยังไงเนี่ย?! แต่แน่นอนเธอยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว “คือชางกวนหลิน ฉันไม่มีเวลาจริงๆ…” และเธอก็พยายามที่จะปิดประตู

ชางกวนหลินหันมาขวางประตูไว้ “งั้นเธอจะมีเวลาเมื่อไรล่ะ?”
“ไม่ว่าเวลาไหนเธอก็ไม่ว่างทั้งนั้น ฉันเตือนนายแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างๆเธอ!” ชางกวนโม่ผลักชางกวนหลินออกและปิดประตูอย่างแรง

ชางกวนหลินที่อยู่นอกประตูฝืนยิ้มอย่างขมขื่น พี่ชายเขายังเกลียดเขาเหมือนเดิมไม่มีผิด

ชางกวนโม่เดินตรงเข้าไปที่ร่างของมู่หรงเสวี่ยและจูบริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วง มันเหมือนพายุที่โหมเข้าใส่ริมฝีปากของเธอ เพียงแค่ตอนที่เขารับรู้ได้ถึงความอ่อนนุ่มของเธอซึ่งช่วยคลายความตื่นตระหนกของเขาลงได้

เวลาผ่านไปนาน เมื่อมู่หรงเสวี่ยคิดว่าตัวเองกำลังจะหายใจไม่ออก ชางกวนโม่ก็ปล่อยปากเธอและกอดเธอแน่นๆ “เสี่ยวเสวี่ย…”

“อืม…” มู่หรงเสวี่ยเองก็กอดเขาไว้ในอ้อมแขนเช่นกัน…อย่างแน่น
“เสี่ยวเสวี่ย สัญญากับฉันนะว่าต่อไปอย่าไปสนใจเขาอีก โอเคไหม?” ชางกวนโม่พูดออกมา

นี่เขาเกลียดน้องชายตัวเองมากขนาดนั้นจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่าชางกวนหลินจะเป็นคนแบบนั้นเลย ถึงแม้ดวงตาสีม่วงของเขาจะดูมีอำนาจแปลกๆ พวกมันดูบริสุทธิ์มากๆ ถ้าคนที่สามารถฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้ แล้วจะมีดวงตาที่บริสุทธิ์ขนาดนั้นได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อชางกวนโม่ขอไว้แล้ว เธอก็ควรจะทำตามความต้องการของเขา ยังไงซะคนที่เธอรักก็คือเขา แล้วเธอจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีได้ยังไง “ได้ค่ะ…”

“มาเถอะ ไปเจอเสวี่ยหลี่กันเถอะ ถ้าฉันทำได้ ก็จะฝังเข็มให้เธอวันนี้เลย!” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาเบาๆ

“เธอตัดสินใจแล้ว เธอแน่ใจน่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า!”
“มีอะไรอย่างอื่นที่ต้องเตรียมอีกไหม?” ชางกวนโม่ถาม
“เดี๋ยวฉันขอเช็กเข็มทองคำก่อนนะ” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่กล่องเข็มทองคำในมือของเขา เธอต้องดูให้แน่ใจว่าเข็มทองคำเรียบร้อยดี

ชางกวนโม่ส่งกล่องให้เธอ
หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยรับมา เธอก็ค่อยเปิดดูทีละเล่มๆ

ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็ปิดกล่องเข็มทองคำ “ไปกันเถอะ เข็มทองคำไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”

เขาไม่กล้าที่จะรบกวนตอนที่เธอกำลังเช็กเข็มทองคำ เขามองเธออยู่เป็นชั่วโมงโดยไม่พูดอะไร แต่เขาก็ยังไม่คิดว่ามันเพียงพอ “ไม่อยากจะพักก่อนเหรอ?”

“ไม่ล่ะค่ะ ไปกันเถอะ”
ในรถ มู่หรงเสวี่ยรู้สึกว่ารถนั่งสบายอย่างมากจึงถามออกไป “รถคุณยี่ห้ออะไรเหรอคะ? ฉันไม่เห็นโลโก้รถเลย”

ชางกวนโม่ตอบอย่างแผ่วเบา “รถฉันถูกสร้างด้วยมือโดยอีลี่ มันมีคันเดียวในโลก ไม่เหมือนใครเลย…”
หลังจากที่ได้ฟังดังนี้ มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะจุ๊ปาก เขารวยจริงๆเลย ก่อนหน้านี้เธอเองก็อยากที่จะซื้อบ้างถ้ามันไม่แพงมาก “ช่างเหมาะสมกับคุณชายใหญ่จริงๆ…”

ชางกวนโม่มองมาที่เธอและอธิบาย “สิ่งที่พิเศษที่สุดสำหรับรถคันนี้ก็คือมันสามารถต้านทานการโจมตีของระเบิดมือ B-type b98 ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนะ”

มู่หรงเสวี่ยเบิกตากว้างและรู้สึกว่าลมหายใจเย็น “คุณ…มีศัตรูมากแค่ไหนคะเนี่ย?!!! ฉันจะรู้สึกยังไงเนี่ยถ้าต้องรู้สึกว่าชีวิตมีอันตรายขนาดนี้?”

เขามองไปที่หน้าอกที่สั่นระริกของเธอ และยิ้มอ่อน “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง ถึงแม้ฉันจะต้องเป็นอะไรไปแต่เธอจะต้องปลอดภัย”

รอยยิ้มของเขาทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกผ่อนคลาย
ไม่นานรถก็มาจอดในคฤหาสน์ที่ไป๋เสวี่ยหลี่อยู่ในครั้งล่าสุดที่พวกเขามาเยี่ยม
ในห้องของไป๋เสวี่ยหลี่ มู่หรงเสวี่ยขอให้ชางกวนโม่บอกให้คนงานออกไปก่อน เธอฟุ้งซ่านได้ง่ายเพราะเธอต้องถอดเสื้อผ้าของไป๋เสวี่ยหลี่ออก ดังนั้นชางกวนโม่จึงออกไปรอที่ด้านนอกประตู

สิ่งแรกมู่หรงเสวี่ยหยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณออกมาและป้อนให้ไป๋เสวี่ยหลี่จนเต็มปาก แต่ตอนนี้เธอไม่ได้สติ เธอจึงไม่ได้กลืนเข้าไปมากเท่าไรแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอมีพลังขึ้นมาได้ แล้วเธอก็ตัดโสมมาชิ้นหนึ่งและใส่เข้าไปในปากของเสวี่ยหลี่

หลังจากที่เปิดกล่องเข็มทองคำ มู่หรงเสวี่ยก็ดึงเข็มทองออกมาห้าเล่มและจิ้มลงไปที่หน้าอกและช่องท้องของทังจ่ง, จิวเหว่ย, เสิ่นเชวี่ยและชี่ห่าย การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเรียบร้อย แล้วเธอก็กระตุ้นอวัยวะภายในของไป๋เสวี่ยหลี่ด้วยเทคนิคฟีนิกซ์เก้าเข็ม เพื่อที่ร่างกายของเธอจะได้สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง ร่างกายทั้งหมดของไป๋เสวี่ยหลี่ก็ดูเหมือนจะมีวิญญาณมากขึ้นและสีหน้าของเธอก็เริ่มที่จะแดงระเรื่อขึ้น แต่ถึงขนาดนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย มู่หรงเสวี่ยไม่หยุด เป็นอีกครั้งที่หยิบเข็มทองสองเล่มออกมาและจิ้มลงไปที่ขมับของไป๋เสวี่ยหลี่

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ขนตาของไป๋เสวี่ยหลี่ก็เริ่มที่จะสั่นและเธอก็ค่อยเปิดเปลือกตาขึ้น ในสายตาเธอยังมีความสับสนอยู่ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนที่ได้เห็นเธอลืมตาขึ้นมา ยังไงซะเธอก็หวังให้เธอฟื้นขึ้นมา เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดของชางกวนโม่ที่มีต่อไป๋เสวี่ยหลี่ ถ้าเธอช่วยไม่ได้ ชางกวนโม่ก็คงจะอยู่อย่างรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

โชคดีที่เธอฟื้นขึ้นมาได้
“เธอเป็นใคร?” เสียงของไป๋เสวี่ยหลี่ดังขึ้นมา ซึ่งเธอไม่ได้พูดมาเป็นเวลานานจึงแหบเล็กน้อย มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนเพราะเธอเป็นน้องสาวของชางกวนโม่ เธอจึงหวังที่จะทำความคุ้นเคยกับเธอ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมู่หรงเสวี่ย ฉันเพิ่งจะฝังเข็มให้คุณเลยต้องถอดเสื้อผ้าคุณออก อย่าขยับนะคะ ฉันจะดึงเข็มออกก่อน”

หมองั้นเหรอ? ทำไมดูเด็กขนาดนี้ล่ะ!? แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเด็กสาวสวยคนนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถึงแม้ไป๋เสวี่ยหลี่จะสงสัยแต่ก็ยังไม่ถามออกไปตอนนี้ เธอพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่าเธอจะไม่ขยับ

มู่หรงเสวี่ยรีบดึงเข็มทองออกจากตัวของไป๋เสวี่ยหลี่และเก็บเข็มทองคำลงไปในกล่อง แล้วเธอก็หยิบเสื้อผ้าของ ไป๋เสวี่ยหลี่ และเตรียมที่จะช่วยเธอสวมเสื้อผ้า “คุณเพิ่งจะฟื้นและยังไม่แข็งแรงเท่าไร งั้นฉันจะช่วยคุณสวมเสื้อผ้านะคะ…”

ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้มอย่างขอบคุณ “โอเคค่ะ คุณมู่หรงยังดูเด็กอยู่เลย คุณเป็นหมองั้นเหรอคะ?”

ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร น้องสาวของชางกวนโม่ดูนิสัยดีมากๆและไม่น่าจะเป็นเพื่อนด้วยยาก เธอเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน “ฉันไม่ใช่หมอหรอกค่ะ ฉันเป็นหมอจีนแผนโบราณน่ะค่ะ ฉันเก่งเรื่องการฝังเข็ม พี่ชายของคุณขอให้ฉันมาดูคุณ” มู่หรงเสวี่ยพูดขณะที่กำลังติดกระดุม

“พี่ใหญ่อยู่ไหนเหรอคะ?” ดวงตาของไป๋เสวี่ยหลี่เปล่งประกาย
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้คิดอะไรมาก ไป๋เสวี่ยหลี่อยู่ในอาการโคม่าอยู่นาน เธอคงอยากจะเจอคนที่คุ้นเคย “เขายืนรออยู่นอกประตูค่ะ”

“เร็วเข้า ให้พี่ฉันเข้ามาที ฉันอยากที่จะเจอเขา” ในน้ำเสียงมีความอ่อนหวานอยู่ด้วย

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “โอเค ฉันจะเรียกเขาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งจะแต่งตัวให้เธอเสร็จ ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู

หลังจากที่เปิดประตู เธอก็เห็นชางกวนโม่ที่กำลังเป็นห่วงอยู่จนมู่หรงเสวี่ยต้องหัวเราะออกมา “พี่โม่ ไป๋เสวี่ยหลี่ฟื้นแล้วค่ะ คุณเข้ามาเจอเธอได้แล้วนะคะ…”

ดวงตาของชางกวนโม่ฉายแววประหลาดใจ ไม่ช้าก็รีบเดินเข้าไปข้างใน “เสวี่ยหลี่”

“พี่ใหญ่…” ดวงตาของไป๋เสวี่หลี่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่อีก…หื้อหื้อ…” เธอรีบกอดชางกวนโม่ที่อยู่ข้างๆเตียงทันที ใบหน้าของเธอแนบอยู่กับเขาและน้ำตาก็ไหลรินเบาๆ

ชางกวนโม่เองก็ดวงตาแดงระเรื่อเช่นกัน พร้อมทั้งเอื้อมมือออกไปแตะที่หัวของเธอ “เด็กโง่ นี่เธอก็ฟื้นแล้วไม่ใช่เหรอ?!!! ทั้งหมดเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ดีของพี่เองแท้ๆถึงทำให้เธอต้องลำบาก…”

ไป๋เสวี่ยหลี่ร้องไห้และส่ายหัว “ฉันดีใจที่ตัวเองถูกยิง ไม่ใช่พี่ ถ้าเป็นพี่ที่ถูกยิง ฉันคงไม่รู้ว่าจะทำยังไง…”

มู่หรงเสวี่ยยืนห่างไปหนึ่งเมตร มองพวกเขากอดกันและกันด้วยพร้อมน้ำตาแห่งความสุข เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แล้วเธอก็เริ่มที่จะดึงสติตัวเอง นี่เธอต้องคอยระวังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? พวกเขาก็แค่กอดกันแบบน้องสาวกอดพี่ชาย

มีเพียงแค่ความรู้สึกแปลกๆในหัวใจที่เธอเองก็อธิบายไม่ได้ เธอยืนเงียบอยู่นาน หลังจากนั้นสักพักชางกวนโม่ก็ค่อยๆปล่อยไป๋เสวี่ยหลี่ที่อยู่ในอ้อมแขนและพูดว่า “อีกเรื่องนะเสวี่ยหลี่ ขอพี่แนะนำหน่อย นี่พี่สะใภ้ของเธอนะ มู่หรงเสวี่ยคือคนที่ช่วยเธอไว้…”

“อะไรนะ?” น้ำเสียงสูงขึ้นมาเล็กน้อย
“มีอะไรงั้นเหรอเสวี่ยหลี่?” ชางกวนโม่ถาม
ไป๋เสวี่ยหลี่รู้ตัวว่าเสียมารยาท หลังจากนั้นสักพักเธอก็ยิ้มเกร็งๆ “ขอโทษนะคะพี่ใหญ่ ฉันก็แค่ตกใจ ฉันเพิ่งฟื้นและก็ได้รู้ว่าตัวเองมีพี่สะใภ้ เลยแปลกใจนิดหน่อย…”

“ฮ่าฮ่า เด็กโง่ พี่สะใภ้ของเธอดีมากเลยนะ เดี๋ยวพอพวกเธอรู้จักกันมากขึ้นเธอก็ต้องชอบกันและกันแน่ๆ”

ไป๋เสวี่ยหลี่ก้มหัวลงเล็กน้อยและเก็บซ่อนอารมณ์ในสายตาไว้ เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงคัดจมูก “พี่ใหญ่ พวกพี่จะแต่งงานกันเมื่อไรเหรอคะ? ฉันยังไม่ฟื้น ฉันไม่ชอบเลย” น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าไร

“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สะใภ้ของเธอยังเด็กอยู่เลย เรายังไม่ได้จัดงานแต่งกันหรอก ไม่ต้องห่วงเธอจะได้ไปร่วมงานด้วยแน่ๆ พี่จะลืมเธอได้ยังไง?” ชางกวนโม่พูดพร้อมรอยยิ้ม เขามีความสุขอย่างมาก เขารู้สึกผิดกับน้องสาวของเขามาตลอด ตอนนี้เธอฟื้นแล้ว เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย

ไป๋เสวี่ยหลี่เงยหน้าขึ้นและเริ่มที่จะยิ้มอย่างมีความสุข “ฮ่า แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย!” เย้! เยี่ยมไปเลย ดีจริงๆที่พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน

หลังจากทั้งสามคุยกันอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกว่า ไป๋เสวี่ยหลี่เริ่มที่จะเหนื่อย เธอจึงพูดออกไปว่า “พี่โม่ เสวี่ยหลี่เพิ่งจะหายและร่างกายของเธอก็ยังไม่แข็งแรง เราน่าจะปล่อยให้เธอได้พักดีกว่านะคะ”

ชางกวนโม่นึกได้ว่าพวกเขาคุยกันมานานมากแล้ว “เสวี่ยหลี่ เธอน่าจะพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะแวะมาเยี่ยมใหม่นะ”

ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ชอบความเอาแต่ใจของมู่หรงเสวี่ยเลย แต่เธอก็ยังยิ้มและพยักหน้าพี่ใหญ่อย่างสุภาพ