บทที่167 ตั้งใจตีเธออีกครั้ง ก็เพื่อกำจัดพวกเขา(1)
หลังรถยนต์แล่นมาถึงตัวเมือง พายุฝนที่ตกกระหน่ำเมื่อครู่ ค่อย ๆ สงบลงในที่สุด
จากนั้น ลมพัดเปิดเมฆ จนปรากฏรุ้งกินน้ำขึ้นบนท้องฟ้า ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากแหงนหน้าขึ้นมอง
เย่เฉินจอดรถที่หน้าประตูตลาดขายสินค้า ให้จางเอ้อเหมาลงจากรถไปก่อน
หลังจางเอ้อเหมาลงจากรถแล้ว โค้งคำนับเย่เฉินด้วยความนอบน้อม สามครั้งงาม ๆ พูดอย่างนอบน้อมว่า: “ขอบคุณอาจารย์เย่!”
เย่เฉินมองเขาและพูดเบา ๆ ว่า: “จางเอ้อเหมา เรื่องในวันนี้ เจ้าอย่าเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“อาจารย์เย่วางใจเถอะ เอ้อเหมาเข้าใจดี!” จางเอ้อเหมาใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ เวลานี้ได้นับถือเย่เฉินอย่างกับเทพบนสวรรค์
เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ และขับรถออกไป
จากเอ้อเหมายังยืนอยู่ที่เดิม สายตามองรถของเย่เฉินแล่นออกไปไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่นิดเดียว
สำหรับต่งรั่งหลินที่อยู่บนรถ เย่เฉินขับรถไปส่งเธอที่โรงแรมพร้อมกับเซียวชูหรัน
ต่งรั่งหลินพักอยู่ที่โรงแรมในเมืองจินหลิงมาตลอด อีกทั้งพักอยู่ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นกิจการของเย่เฉินอีกด้วย ต่อให้พี่ชายของต่งรั่งหลินใจกล้าขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับต่งรั่งหลินในที่แห่งนี้
ต่งรั่งหลินลงจากรถ มองดูสีหน้าของเย่เฉินยังคงรู้สึกสับสน ในใจของเหมือนกับมีหินก้อนมหึมาวางทับอยู่ มีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับเย่เฉิน อยากจะพูดคำขอบคุณ อยากจะสารภาพผิด เสียใจที่ตนเองมีตาแต่ไร้แวว มองเขาผิดไป
แต่ว่าอยู่ต่อหน้าเซียงชูหรันแล้ว คำพูดที่เธออยากจะพูดยากที่จะพูดออกมาได้
หลายครั้งที่อดใจไม่ไหว ต่งรั่งหลินก็ยังอ้ำอึงไม่พูดออกมา
ต่งรั่งหลินเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรม เซียงชูหรันกอดเธอไว้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “รั่งหลิน เธอจำไว้นะ ถ้าเจอเหตุร้ายอะไรต้องโทรหาเย่เฉินนะ อย่าให้ตนเองต้องอยู่ในสถานการณ์อันตราย”
ต่งรั่งหลินพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า: “วางใจได้ชูหรัน ฉันทำได้”
เย่เฉินมองดูเซียวชูหรันโอบกอดต่งรั่งหลิน ในใจอดไม่ได้ที่จะนึกอิจฉาขึ้นมา ภรรยาของตนเองยังกอดเขานับครั้งได้ แต่เพื่อนสนิทอย่างต่งรั่งหลินกลับกอดอยู่บ่อยครั้ง ช่างน่าน้อยเนื้อต่ำใจเสียจริง ๆ
เย่เฉินก็ไม่ได้สังเกตเห็น สายตาที่ต่งรั่งหลินมองเซียงชูหรันนั้น ก็มีความอิจฉาขึ้นเช่นกัน
เพราะว่าทบทวนดูแล้วต่งรั่งหลินเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของเซียวชูหรัน ดังนั้นเย่เฉินก็ต้องเอ็นดูคน นั้นด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของเธอ เขาอาศัยจังหวะที่คนทั้งสองล่ำลากัน ส่งข้อความไปให้เฉินจื๋อข่ายว่า: “ฝากข้อความไปให้ตระกูลต่งที่เย่นจิงแทนผม ใครก็ตามที่มีเจตนาทำร้ายต่งรั่งหลินอีก ผมจะขุดรากถอนโคนตระกูลต่งให้สิ้นซาก!”
อิทธิพลของตระกูลต่ง เพียงแค่เศษเสี้ยวของตระกูลเย่เสียอีก เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าก่อเรื่องขึ้นมาอีก
……
หลังแยกจากต่งรั่งหลินแล้ว ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน เพราะว่าเซียวชูหรันเปียกปอนไปทั้งตัวจึงรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เย่เฉินก็นำเงินที่ได้มาจากจางเอ้อเหมา ส่งให้กับเซียวฉางควนทั้งหมด
เซียวฉางควนรับเงิน 3แสนด้วยใบหน้าพึงพอใจ พูดด้วยความดีใจว่า: “เงิน 3แสนนี้เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ครั้งต่อไปผมต้องกำไรจากการขายของโบราณที่ซื้อมาถูก ๆ ให้กับเขาอีก 3ล้าน ต่อไปอนาคตที่สดใสของครอบครัวเราต้องอาศัยผมแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เย่เฉินยิ้มด้วยความอึดอัด ในใจคิดว่า ท่านพ่อตาเอ๋ยท่านพ่อตา ให้อภัยจางเอ้อเหมาเถอะ หลายชายคนนี้โกงเอาเงินจากคนอื่นมานาน ไม่รู้ว่ากำไรเท่าไหร่เชียว แต่ว่าประเดี๋ยวเดียวคุณก็ได้เงินมา 3แสน
ถ้าหากเอางานฝีมือไร้ค่าอย่างไรให้เขาไปอีก เขาเกรงใจเพราะคุณคือพ่อตาของผม กลัวว่าคุณจะโกรธ ซื้อไปด้วยเงินจำนวนมากอีก ผมคิดว่าไม่นานเขาคงล้มละลายไปเพราะคุณแน่ ๆ
ถึงแม้จางเอ้อเหมาเป็นพ่อค้าที่ไม่ตรงไปตรงมา แต่เขาก็ไม่ใช้คนเลวร้ายอะไร ให้เขาเฉือนเนื้อตนเองให้กับพ่อตาไปตลอด ไม่เป็นการดีแน่ ๆ
เย่เฉินจึงเตือนเขาไปว่า: “คุณพ่อ ต่อไปท่านติดต่อทำการค้ากับจางเอ้อเหมาให้น้อยลง คน ๆ นี้ปากไม่ตรงกับใจ คุณพัวพันกับเขาไม่นานก็คงจะขาดทุนหนักนะ”
เซียวฉางควนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า: “เจ้าไปเข้าใจอะไร เจ้าอยู่ข้างนอกดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นอะไรนั่นน่ะ นั่นคือการหลอกลวง พวกเราทำธุรกิจขายวัตถุโบราณอย่างจริงจัง คุณไม่เข้าใจก็อย่ามาวุ่นวาย คอยแหกตาดูดี ๆ ก็แล้วกัน”