ตอนที่ 179 โกงราคาสูงลิ่ว แต่ต่อราคาได้สมน้ำสมเนื้อ + ตอนที่ 180 อยากซื้อบ้าน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 179 โกงราคาสูงลิ่ว แต่ต่อราคาได้สมน้ำสมเนื้อ + ตอนที่ 180 อยากซื้อบ้าน โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 179 โกงราคาสูงลิ่ว แต่ต่อราคาได้สมน้ำสมเนื้อ

สยงมู่มู่ก้มหัวลงและเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ เขาอยากหารอยต่อของพื้นเพื่อทะลุเข้าไป ช่างขายหน้าเสียจริง ทำไมเขาถึงได้มีเพื่อนที่ทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าได้ขนาดนี้!

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากยกยิ้มขึ้น ในตาเก็บซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ ยัยตัวแสบไม่ได้ทำเรื่องโง่ๆ แถมเธอยังรู้วิธีสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายด้วย

ลุงหมิงหัวเราะชอบใจ “ถูกต้อง วัตถุหายากมักจะมีมูลค่า เหรียญกษาปณ์เหรียญนี้มีมูลค่ามากจริงๆ แต่เด็กน้อยเธอคงจะไม่โกงราคาจนสูงเกินหรอกใช่ไหม?”

ตอนนี้อู่เหมยไม่ได้รู้สึกกังวลแล้ว เธอนึกถึงคำพูดที่เหยียนหมิงซุ่นเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าราคาที่ลุงหมิงตั้งไว้ในใจคือหนึ่งพันห้าร้อย ถ้าอย่างนั้นเธอบอกราคาสูงถึงแค่หนึ่งพันห้าร้อยก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“คุณลุงเป็นเพื่อนกับพี่หมิงซุ่น ฉันไม่มีทางโกงราคาสูงหรอกค่ะ” อู่เหมยส่ายหน้าตอบ

ลุงหมิงได้ฟังก็นึกสนใจขึ้นมาและหันไปคุยกับเหยียนหมิงซุ่น “ฉันคงจะได้ประโยชน์จากตัวแสบของนายแล้วล่ะ”

เหยียนหมิงซุ่นทำปากคว่ำแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

อู่เหมยหัวเราะอย่างแข็งๆ ทื่อๆ และพูดขึ้นอย่างระวัง “ถ้างั้นสองพันหยวนได้ไหมคะ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของลุงหมิงที่ปรากฏเริ่มจางลง มองไปยังเหยียนหมิงซุ่นอย่างสงสัย แต่เขากลับยักไหล่ราวกับไม่มีความผิดใดๆ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรเลย แน่นอนว่าลุงหมิงต้องไม่เชื่อ หากว่าเด็กคนนี้ไม่มีใครสอนมา ราคาที่เธอบอกออกมาจะได้สองพันหยวนพอดีเหรอ?

แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเงินสองพันหยวนไม่ได้มีผลอะไรสำหรับเขา เพียงแค่เป็นการโกงราคาสูงแล้วก็ต่อราคาได้สมน้ำสมเนื้อก็เท่านั้น ในเมื่อเธอบอกราคามาแล้ว เขาก็จะต้องต่อราคาสักหน่อย

“เด็กน้อยเธอเรียกราคาได้โหดเหมือนกันนะ ราคาของเหรียญกษาปณ์ไม่ได้มีมูลค่าขนาดนั้น ถ้าให้หนึ่งพันหยวนฉันจะรับไว้” ลุงหมิงยิ้มตาหยีและพูด แต่คำพูดที่ออกมาเป็นดั่งคมมีดที่ตัดเอวของเธอให้ขาดสะบั้นได้

จากตอนแรกที่อู่เหมยกังวัลจนยืนแทบไม่ติด แต่พอได้ยินคำพูดที่ตัดสะบั้นเอวเธอได้ของลุงหมิง อารมณ์ร้อนในใจก็ปะทุขึ้นมาในทันที จากตอนแรกบอกชัดเจนว่าหนึ่งพันห้าร้อย แต่ยังจะต่อราคาได้โหดขนาดนี้อีก?

เธอเรียกหนึ่งพันห้าร้อยทุกคนจะได้พอใจยังไงล่ะ!

คนอื่นเป็นเพราะเมาเหล้าถึงได้มีความกล้า แต่อู่เหมยกลับเป็นเพราะพละกำลังที่ยิ่งใหญ่ของเงิน ลดลงไปตั้งห้าร้อยหยวนอย่างฉับพลัน นั่นทำให้เธอเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการฆ่าแม่แท้ๆ ของเธอ ซึ่งพ่อแม่แท้ๆ ยังเทียบไม่ได้กับเงินแท้ๆ!

“หนึ่งพันหยวนไม่ได้ค่ะ นี่ลุงไม่ได้ต้องการมันจริงเหรอ? เพิ่มราคาให้อีกหน่อยได้ไหมคะ?” อู่เหมยใช้วิธีการขายของแม่ค้าตลาดเสื้อผ้าที่เธอเคยไปซื้อ ในเวลานี้เธอได้ใช้มันขึ้นมาจริงๆ แล้ว

ลุงหมิงยิ่งมองเหตุการณ์ยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจมากขึ้น จากที่เด็กคนนี้ดูกลัวเขาแทบตายแต่เป็นเพราะเงินแค่หยวนเดียวก็ไม่ยอมถอยให้เขา ช่างน่าสนุก!

“ถ้างั้นลุงเพิ่มให้สองร้อยห้าสิบละกัน สองร้อยห้าสิบหยวน”

อู่เหมยจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ ไม่มีใครคุ้นเคยกับตัวเลขสามตัวนี้ได้ดีเท่าเธอแล้ว ตาลุงอ้วนนี่ต่างหากที่โง่!

“ไม่ได้!” อู่เหมยส่ายหน้าไม่หยุด

“หนึ่งพันสามร้อย?”

“ไม่ได้!”

“หนึ่งพันสามร้อยห้าสิบ?”

……

อู่เหมยส่ายหัวจนเริ่มรู้สึกมึน ทำไมคนคนนี้ถึงไม่ทำอะไรที่มันง่ายๆ หน่อย แค่เพิ่มให้เป็นหนึ่งพันห้าร้อยหยวนเลยไม่ได้หรือไง

“หนึ่งพันห้าร้อยหยวน!” ราวกับลุงหมิงกำลังหยอกล้อลูกหมาอยู่ เขาพูดขึ้นอย่างช้าๆ ยัยเด็กคนนี้มีความซื่อตรงจริงๆ ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ออกแรงส่ายหัวขนาดนั้นไม่เวียนหัวหรือไงกัน?

อู่เหมยที่กำลังสับสนมึนงงคล้ายกับเธอมองเห็นแค่ริมฝีปากของลุงหมิงที่ขยับขึ้นลง สมองก็มีปฏิกริยาตอบกลับโดยการผงกหัวราวกับสายลมที่กำลังพัดพาต้นหลิว ลุงหมิงจ้องมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจ ไอ้เด็กคนนี้ไม่ได้มาตรฐานเลย เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าไอ้เด็กนี่จะไม่รู้ราคาที่อยู่ในใจของเขา?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกประหลาดใจ แต่พอกลับมามองท่าทีของอู่เหมยอย่างถี่ถ้วน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยัยเด็กโง่นี่ส่ายหัวเยอะจนทำให้ตัวเองมึนงงได้ ลุงหมิงเองก็พอจะดูออกและพูดออกไป “สองพันหยวนได้ไหม?”

กลองเขย่าเริ่มส่ายไปมาอีกครั้งจนสายตาแทบจะไม่โฟกัสอะไร ดูทึ่มๆ โง่ๆ จนทำให้ลุงหมิงหัวเราะออกมา “หมิงซุ่นนายไปพาเด็กโง่มาจากที่ไหน? ดูยัยเด็กบื้อคนนี้สิ น่าสนใจเสียจริง!”

สยงมู่มู่ที่หดตัวติดกับมุมกำแพงเพราะเรื่องน่าลำบากใจ และนั่นบ่งบอกถึงความแน่วแน่ว่าต่อไปจะทำเป็นไม่รู้จักเพื่อนที่ทำเรื่องหน้าอายแบบนี้ เธอทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายไปจนหมด

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 180 อยากซื้อบ้าน

อู่เหมยหน้าแดงด้วยความอายเดินออกประตูบ้านไปและก้มหน้าคอตก เมื่อครู่นี้เธอทำเรื่องหน้าแตกหน้าอับอายออกไป ทำไมเธอถึงได้โง่เขลาแบบนี้? พี่หมิงซุ่นคงวาดภาพเธอให้เป็นหมูหน้ามึนไปแล้วแน่ๆ

ฮือๆๆ ไม่มีหน้าไปสู้กับใครได้แล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นลากแขนคนบางคนไว้และพูดเตือน “ระวังธรณีประตู”

ใบหน้าของอู่เหมยยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิมและพูดขอบคุณเขาออกไปเสียงเบา ไม่ใช่แค่ขอบคุณที่เขาเตือนเธอแต่ขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอมากขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะเขา เธอจะได้กลายเป็นเศรษฐินีน้อยที่มีเงินสองพันหยวนซ่อนอยู่ในอกหรือ!

เหรียญกษาปณ์ต้าฉีทงเป่าและเหรียญราชวงศ์ชิงอีกสามเหรียญของเธอได้ให้ลุงหมิงไปหมดแล้ว ซึ่งเขาก็ได้ให้เงินมาโดยตรงสองพันหยวนเลย อู่เหมยพึงพอใจกับตัวเลขนี้เป็นอย่างมาก เงินทุนแค่สองหยวนเท่านั้นแต่ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำค่าเงินก็เพิ่มขึ้นเป็นพันเท่า เมื่อเทียบกับโปกเกอร์แห่งถนนวอลสตรีตแล้วมันยอดเยี่ยมกว่ามาก!

“เหมยเหมยวางแผนจัดการเงินพวกนี้ยังไง?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

สองพันหยวนไม่ใช่เงินจำนวนน้อย เกรงว่าเงินเก็บของพ่อแม่อู่เหมยยังมีไม่มากเท่านี้เลย กระทั่งดูท่าทีของอู่เหมยแล้วเธอคงไม่อยากจะเอาเงินก้อนนี้ไปให้ใคร เพราะงั้นเงินก้อนนี้จะต้องหาวิธีที่ดีในการจัดการ

อู่เหมยเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ ถ้าจะเอาให้เหอปี้อวิ๋นล่ะก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดและก็ห้ามให้อู่เจิ้งซือรู้ด้วย แต่หากว่าเธอเก็บไว้ที่บ้านไม่ช้าก็เร็วเหอปี้อวิ๋นจะต้องรู้แน่ เธอคิดไปคิดมาและถามออกมาเสียงเบา “พี่หมิงซุ่น ฉันใช้เงินก้อนนี้ซื้อบ้านได้ไหม?”

สยงมู่มู่ร้องถามด้วยท่าทางเกินจริง “เธอจะซื้อบ้านไปทำไม? ใช่ว่าบ้านเธอจะไม่มีห้องให้อยู่”

“ฉันอยากซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ในโฉนดเขียนเป็นชื่อบ้านของฉัน บ้านที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อแม่” อู่เหมยมีสีหน้าที่จริงจัง

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความรู้สึกของอู่เหมยเป็นอย่างดี เหมือนกับเขาที่จัดซื้อทรัพย์สินบ้านเรือนและห้างสรรพสินค้าที่จัดเป็นอสังหาริมทรัพย์เป็นการส่วนตัว ในช่วงสองปีนี้เงินที่เขาหาได้ส่วนใหญ่ก็ถือว่าพอใช้แล้ว ค่าเงินลดมูลค่าได้ แต่ค่าของอสังหาริมทรัพย์มีแต่จะเพิ่มมูลค่า และนั่นถือเป็นการลงทุนที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่าของลายคราม

ยัยเด็กโง่เริ่มที่จะฉลาดขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว รู้ว่าพึ่งพาพ่อแม่ไม่ได้เลยหาทางออกให้ตัวเอง!

สยงมู่มู่เตือนสติเธอ “เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย โดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถซื้อบ้านได้ ต้องให้พ่อแม่เธอเป็นคนเซ็นให้ถึงจะสำเร็จ”

อู่เหมยย่นหน้าจนกลายเป็นก้อนและกระซิบบอก “ฉันไม่อยากบอกพ่อกับแม่ว่าฉันหาเงินได้ สยงมู่มู่นายก็อย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของนายนะ หากว่านายหลุดปากบอกไปแม้แต่น้อย ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับนาย!”

สยงมู่มู่ตะโกนออกไปด้วยความโมโห “เธอมองว่าฉันเป็นพวกผู้หญิงปากพล่อยหรือไง?”

“พี่หมิงซุ่นต่างหากที่จะไม่ไปพูดมั่วๆ นายคิดว่าพี่เขาเป็นเหมือนนายหรือไง?” อู่เหมยมองค้อนเขา ทำให้สมงมู่มู่โกรธจนหน้าหงาย ยัยบ้านี่ดูถูกเขาดีนัก น่าโมโหชะมัด!

มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มเล็กน้อย ในใจของเขารู้สึกมีความสุขมาก เขาตัดสินใจที่จะช่วยยัยเด็กโง่อีกครั้งถึงได้พูดขึ้น “ฉันสามารถช่วยเธอซื้อบ้านได้ บ้านที่เป็นของเธอเอง”

อู่เหมยแปลกใจและดีใจเป็นอย่างมาก เธอไม่พูดอะไรแต่เอาเงินทั้งหมดยื่นไปให้เขา “พี่หมิงซุ่น รบกวนด้วนนะคะ!”

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยัยเด็กนี่ไว้ใจในตัวเขาจริงๆ หรือ เธอไม่กังวลว่าเขาจะอมเงินเธอไว้เองหรือไง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้น จึงยิ้มและถามออกไป “ถึงอย่างไรเธอก็ต้องบอกลักษณะบ้านที่เธออยากได้มา ไม่เช่นนั้นฉันจะซื้อแทนเธอได้ยังไง!”

อู่เหมยหัวเราะอย่างซื่อๆ ทึ่มๆ พลางนึกและพูดไปด้วย “บังกะโลขนาดเล็กพร้อมลานด้านหน้าและสวนด้านหลัง จะต้องมีชักโครก สถานที่ก็อย่าห่างไกลเกิน ถ้าจะให้ดีต้องอยู่ในเขตตัวเมือง พี่หมิงซุ่นคะ เงินจะพอไหม?”

“พอแล้ว เงินพวกนี้เธอเก็บไว้ก่อน รอดูบ้านเสร็จค่อยจ่าย” เหยียนหมิงซุ่นยื่นเงินคืนให้กับอู่เหมย

“ขอบคุณค่ะพี่หมิงซุ่น”

อู่เหมยดีใจจนใบหน้าขึ้นสีแดงไปหมด เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ราวกับเธอกำลังฝันอยู่ เธอรู้สึกว่าตัวเธอเบาเหมือนกำลังลอยได้ แต่เพียงแค่สัมผัสเงินปึกหนาๆ นี้ถึงทำให้รู้ว่าตัวเธอยังคงอยู่บนพื้นและรู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมา

…………………………………………………………………………………………..