ไวท์นำข้อมูลกลับมาแล้ว ซูซี มียาที่กระตุ้นอารมณ์ในร่างกายของเธอจริงๆ
ทั้งสามคนดูเคร่งขรึม โซเมนเหลือบมอง เทาเท่บนเตียงและพูดด้วยเสียงต่ำ “รอจนกว่า เทาเท่จะตื่นขึ้นมา”
ไวท์และ นทีบดีต่างก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
ทั้งสามรวมทั้งภรรยาแสนหวานของ นทีบดีรอเป็นเวลานาน แต่เทาเท่ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น
โซเมนพูดกับนทีบดี “พวกนายกลับไปก่อนไหม”
นทีบดีพาครอบครัวมาด้วย ไม่เหมาะที่เขาจะรอที่นี่ตลอดเวลา
เมื่อคำพูดของโซเมนดจบ เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ นทีบดีก็ยืนขึ้น มองพื้นและพูดกับ นทีบดีว่า “ฉันจะกลับไปก่อน คุณอยู่เถอะ”
นทีบดีบีบฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของสาวน้อย พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ฉันจะโทรหาคนขับรถ”
สาวน้อย ไม่ชอบความสนิทสนมของ นทีบดีกับเธอต่อหน้าคนนอก เธอสะบัดมือออกและทักทายไวท์และ โซเมนก่อนจากไป
ใบหน้าของ นทีบดีเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและ โซเมนก็ถอนหายใจ: “สาวน้อยก็เป็นคนมีเหตุผล”
เธอรู้ว่า เทาเท่เป็นเพื่อนที่สำคัญมากของ นทีบดีและ นทีบดีต้องการอยู่ต่อจนกว่า เทาเท่จะตื่นขึ้นมา
เธอรู้มากขึ้นว่าเวลานั้นทั้งสี่คนต้องมีเรื่องสำคัญที่จะพูดคุยกัน และเธอไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเธอจึงเสนอที่จะจากไป
นทีบดีตอบกลับ โซเมน อย่างภาคภูมิใจ: “ไม่งั้นแกคิดไงหล่ะ”
เมื่อพูดถึงผู้หญิง นทีบดีพูดกับ โซเมนอีกครั้ง: “ฉันได้ยินเกี่ยวกับแกและควีนแกไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับหล่อนจริงๆหรือ?”
โซเมนพ่นลมหายใจ: “แกคิดว่าฉันจะแต่งงานได้ไหม”
เขารู้ดีที่สุดว่าความคิดของพ่อเป็นยังไง คนๆนั้นเห็นผลประโยชน์มาก่อน เถ้าในวันหนึ่งเขาจะแต่งงาน อีกคนจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีพื้นฐานอย่างควีนอย่างแน่นอน
แทนที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อจัดให้ แทนที่จะถูกพ่อหลอกให้แต่งงาน เขาจะไม่แต่งงานเลยก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
หลังจากโซเมนพูดจบ เขาก็ละสายตาไปและพูดอย่างเฉยเมยว่า “เธอก็ไม่ต้องการอะไรกับฉัน พูดเรื่องความรักแบบนี้ ก็ดีไม่ใช่เหรอ?”
นทีบดีจ้องมาที่เขาและพูดว่า “ฉันจะพูดตรงๆ สิ่งที่เรียกว่าไม่สามารถแต่งงานได้ ก็เพราะไม่อยากจะแต่ง”
“ถ้าชอบจนแทบเป็นแทบตาย อย่างเทาเท่อย่างฉัน ก็ยังสามารถแต่งงานได้”
คำพูดของ นทีบดีจบลง ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
โซเมนมองออกไปนอกหน้าต่างและนิ่งเงียบ
คำพูดของ นทีบดีหมายความว่าเขาไม่ได้รักควีนมากพอ
โซเมนไม่ได้ปฏิเสธ
เขาชอบควีนบ้าง ควีนมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและไม่ด้อยกว่าดาราดัง เธอและจอนห์ไม่ได้ด้อยกว่าใครในเรื่องรูปลักษณ์
เธอมีรูปร่างสูง น่าดึงดูดใจทุกตารางนิ้ว
แต่สิ่งที่ดึงดูดใจเขามากกว่าคือความเฉยเมยของเธอที่ต่องาน และเขาพยายามทำลายความสงบและความเฉยเมยบนใบหน้าของเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง
ตอนนี้มันพังแล้ว ทุกครั้งที่พวกเขามีอะไรกัน เธอเร่าร้อน และมีเพียงเขาในสายตาของเธอ
แต่ถึงแม้เขาจะชอบควีน แต่เขาก็ไม่ชอบจนถึงขั้นอยากต่อสู้กับทั้งครอบครัวและแต่งงานกับเธอ ไม่ถึงขั้นจนอยากจะเลิกคลั่งไคล้การไม่แต่งงานขอตัวเอง
หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง นทีบดีก็ทำลายความเงียบก่อน แต่คราวนี้เขาพูดกับไวท์ว่า: “ฉันบอกว่าแกควรทำตัวสบายๆ ถ้าแกชอบจริงๆ ให้ดีกับหมอซานา”
ทันทีที่ไวท์อ้าปากพูดอะไรบางอย่าง นทีบดีก็ขัดจังหวะเขา: “อย่าไม่เห็นด้วยกับฉัน มาดูกันว่าแกจะปฏิบัติต่อหมอซานายังไง พูดอย่างเย็นชากับหล่อนตลอดทั้งวันและเลือกมากกับงานของหล่อน แกยังหวังว่าหล่อนจะกลับมาอยู่กับแกอีกครั้งเหรอ? ”
ตั้งแต่ซานาเข้าร่วมโรงพยาบาลที่ไวท์อยู่ ไวท์ได้มองหาปัญหาของ ซานา มาทั้งวัน และยังดุ ซานา ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานหลายคนในโรงพยาบาลอีกด้วย
ในฐานะเพื่อนที่ดี นทีบดีรู้ว่าไวท์ยังคงคิดถึง ซานา แต่เขาไม่พอใจกับการละทิ้งเขาของ ซานา เขาต้องการบังคับให้ ซานา ขอโทษเขาและเข้าหาเขา
นทีบดีรู้สึกว่า ถ้าไวท์ยังคงทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่ ซานา จะไม่เข้าใกล้เขา อาจจะอยู่ห่างจากเขาโดยสิ้นเชิงเลยก็เป็นไปได้
“นายหุบปากเถอะ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสาวน้อย ทำเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางความรัก” โซเมนขัดคำพูดของ นทีบดีด้วยความรังเกียจ ทำให้ นทีบดีจ้องมองอย่างไม่พอใจ
เทาเท่บนเตียงตื่นขึ้นอย่างแผ่วเบาในเวลานี้ และทั้งสามคนจบการสนทนาและมองไปพร้อมกัน
ในฐานะแพทย์ไวท์ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “รู้สึกเป็นไงบ้าง”
ดวงตาของ เทาเท่ค่อยๆ มองไปรอบๆห้อง เขาไม่เห็นหลินจือและถามไวท์อย่างตื่นเต้นทันทีว่า “หลินจืออยู่ที่ไหน เธอได้รับบาดเจ็บไหม”
ไวท์รีบพูดว่า “เธอสบายดี ควีนเพิ่งส่งเธอกลับไปพักผ่อน”
“โถ่ ฮีโร่กอบกู้คนงาม แม้แต่ชีวิตก็ไม่เอาแล้ว เป็นนายจริงๆ” โซเมนเข้ามาและแซว เทาเท่
เทาเท่โล่งใจที่ได้ยินว่า หลินจือไม่เป็นอะไร และไม่สนใจการล้อเล่นของ โซเมน
ตอนที่รถของ ซูซี ชนมา เขาไม่ได้คิดอะไรอีกเลย เขาแค่คิดว่าเธอจะไม่เป็นอะไร เขาจึงหมุนพวงมาลัยไปตามร่างกายของเขาโดยสัญชาตญาณ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและไม่เห็น หลินจือก่อน เทาเท่รู้สึกว่างเปล่าในใจ
เขาเลยถามอีกว่า “เมื่อไรเธอจะมาหาฉัน”
เมื่อเขาถามคำถามนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะน่าสงสารมาก
โซเมนบ่นว่า: “นายช่วยหยุดคิดถึงเธอทันทีที่นายลืมตาได้ไหม เราสามคนอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนายเกือบทั้งวันแล้วนะ”
นี่มันไม่เห็นค่าเพื่อนชัดๆ
ไวท์อธิบายว่า: “คุณป้าและ พินอิน ก็มาหานายเช่นกัน และคุณท่านก็ขอให้ หลินจือกลับไปก่อน”
แม้ว่าไวท์จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่เทาเท่ก็เข้าใจในทันทีว่าต้องเป็นแม่ของเขาและ พินอินที่พยายามจะสร้างปัญหาอีกแน่ๆ
เขาหมดหวังกับแม่และน้องสาวของเขาแล้ว และเกลียดที่เขาไม่ตื่นทันเวลาเพื่อปกป้อง หลินจือ
ไวท์พูดเสริมว่า “ถ้านายต้องการพบเธอ ฉันจะโทรหาเธอ”
หลังจากคิดไปคิดมา เทาเท่ก็ปฏิเสธ: “ชั่งเถอะ ปล่อยให้เธอพักก่อน เธอคงจะตกใจไม่น้อย”
ไวท์ตรวจร่างกายให้ เทาเท่แล้วบอก เทาเท่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
เทาเท่สงบ: “ถ้าอย่างนั้นรักษาด้วยยาเพื่อกระตุ้นเลือดและขจัดภาวะเลือดชะงักงันเถอะ”
มีไวท์อยู่ เทาเท่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขา
นทีบดีขมวดคิ้วและพูดว่า “ไกรภพไม่ธรรมดาแน่นอน ในร่างกายซูซีมียาที่กระตุ้นอารมณ์”
สีหน้าของ เทาเท่มืดครึ้ม นทีบดีพูดอีกครั้งว่า: “ซูซี ครั้งนี้ฉันจะฟ้องเธอให้คุกได้อย่างแน่นอน แต่ไกรภพนี้ … ”
“ไม่รู้ว่าเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจอะไรอีก นอกจากนี้ พวกเรารู้สึกว่า ไกรภพเกลียด ซูซี ด้วย” นทีบดีพูดการคาดเดาและการวิเคราะห์ของพวกเขา
เทาเท่นอนลงบนเตียงครึ่งหนึ่ง ขมวดคิ้วและวิเคราะห์ว่า “มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเก่ากับพ่อแม่ของฉันไหม”