บทที่ 68 ความเสียใจจากการถูกผลักล้ม

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 68
ความเสียใจจากการถูกผลักล้ม

มู่หรงเสวี่ยคิด เธอเป็นแฟนของพี่โม่และน้องสาวเขาเข้าโรงพยาบาล แล้วเธอจะไม่ไปเป็นเพื่อนเขาได้ยังไง “พี่โม่รอเดี๋ยวนะคะ เมื่อเช้าฉันต้มโจ๊กไว้ ยังไงซะฉันก็ว่างด้วย ฉันจะไปเยี่ยมเสวี่ยหลี่ด้วย ของข้างนอกไม่ดีเหมือนของทำเองหรอกค่ะ”

ชางกวนโม่หัวเราะออกมาและหัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก “ขอบคุณนะเสี่ยวเสวี่ย!”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ” มู่หรงเสวี่ยว่างสาย

มู่หรงเสวี่ยหยิบผลไม้, ผักและไก่ออกมาจากมิติลับ ตอนนี้ในมิติลับของมู่หรงเสวี่ยเต็มแล้วและผลลัพธ์ที่ได้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มู่หรงเสวี่ยคิดว่าจะกลับมาอีกในสองวัน ในบริษัทยังมีอะไรต้องทำอีกมากแล้วเธอก็มีแผนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ของมิติลับด้วย นอกจากนี้เมื่อกลับบ้านเธอต้องโทรศัพท์หลายสายเลย เธออยู่ห่างจากบ้านมานานนี่ก็เกือบๆเดือนแล้ว

เธอทำอาหารเช้าสำหรับสองคน ที่หนึ่งให้ไป๋เสวี่ยหลี่และอีกที่ให้ชางกวนโม่ เมื่อคืนเขาอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งคืนงั้นก็เดาว่าเมื่อเช้าเขาคงไม่ได้กินอาหารเช้า อีกอย่างเสียงเขาก็ฟังดูเหนื่อยมากซึ่งทำให้เธอเป็นห่วง เธอเพิ่มน้ำแห่งจิตวิญญาณลงไปในโจ๊กด้วยซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ด้วยนิดหน่อยจนไม่ทำให้ผิดสังเกต

ชั่วโมงต่อมามู่หรงเสวี่ยก็มาถึงห้องของไป๋เสวี่ยหลี่ มู่หรงเสวี่ยเคาะประตูและเสียงของชางกวนโม่ก็ดังออกมาจากด้านใน “เข้ามา!”

มู่หรงเสวี่ยยิ้มแล้วเดินเข้าไป “เสวี่ยหลี่ดีขึ้นไหม?” มู่หรงเสวี่ยถามอาการของไป๋เสวี่ยหลี่เมื่อเธอเดินเข้าประตูมา แต่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นไป๋เสวี่ยหลี่กำลังจับมือของชางกวนโม่แน่นอยู่ รอยยิ้มในตอนแรกของมู่หรงเสวี่ยค่อยๆจางไป

คนอื่นไม่ทันเห็นแต่ไป๋เสวี่ยหลี่มองออก เธอแอบรู้สึกมีความสุขอยู่เงียบๆ “คุณมู่หรงมาแล้ว ฉันรบกวนคุณหรือเปล่าเนี่ย?” น้ำเสียงสุภาพและดูห่างเหิน

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจ ยังไงซะพวกเธอก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เธอยกกระติกน้ำร้อนในมือพร้อมทั้งพูดว่า “ฮ่าฮ่า ฉันเอาอาหารเช้ามาให้ คุณกินอาหารเช้าหรือยังคะ?”

ชางกวนโม่ยิ้มอย่างมีความสุข ดึงมือไป๋เสวี่ยหลี่ออก รับกระติกน้ำร้อนในมือมู่หรงเสวี่ยและเข้าไปกอดมู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย เหนื่อยแย่เลย…”

“จะเหนื่อยอะไรกันคะ? เมื่อคืนคุณน่าจะเรียกฉันให้ออกมาด้วย ท่าทางคุณดูเหนื่อยเชียว กินอาหารเช้าดีกว่าค่ะแล้วจะได้กลับไปพัก…”

ไป๋เสวี่ยหลี่ที่กำลังมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดของคนทั้งสองด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไร แต่เล็บภายใต้ผ้าห่มกลับจิกลงไปในเนื้ออย่างแรง มีเพียงการกำมือแน่นเท่านั้นที่ทำให้เธอสามารถควบคุมตัวเองจากการสติหลุดได้
เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ไป่เสวี่ยหลี่พยายามกลั้นเอาไว้และพูดออกมา “ลำบากคุณมู่หรงแย่เลย คุณอาฟางออกไปซื้ออาหารเช้าแล้ว ครั้งหน้าคุณไม่ต้องลำบากทำอาหารเช้ามาก็ได้นะคะ…” ไม่ต้องมาเลยจะดีกว่า เธอแอบคิดอยู่ในใจ

มู่หรงเสวี่ยรับรู้ได้ เธอปล่อยมือชางกวนโม่แล้วหยิบถ้วยออกมาจากระเป๋าสองใบ ถ้วยใบแรกส่งให้ชางกวนโม่ และอีกถ้วยเธอก็พร้อมที่จะส่งให้ไป๋เสวี่ยหลี่ “พี่โม่คุณกินอาหารเช้าก่อนนะคะ ถ้วยนี้ของพี่ค่ะ อีกถ้วยก็สำหรับเสวี่ยหลี่นะ”

ชางกวนโม่พยักหน้า แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะพร้อมที่จะกิน เขาหิวมากจริงๆ
มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่เตียงของไป๋เสวี่ยหลี่ พร้อมทั้งเลื่อนโต๊ะกินข้าวไปที่เตียงของไป๋เสวี่ยหลี่ แล้วจึงค่อยๆว่างถ้วยโจ๊กให้ไป๋เสวี่ยหลี่

ทันใดนั้นเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อไป๋เสวี่ยหลี่รับถ้วยโจ๊กไป เธอก็เทถ้วยโจ๊กราดบนมือของไป๋เสวี่ยหลี่และมู่หรงเสวี่ย

ไป๋เสวี่ยหลี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! ร้อน”
ชางกวนโม่ผลักมู่หรงเสวี่ยออกไป “เป็นอะไรหรือเปล่าเสวี่ยหลี่?!!”
ตอนที่เขาผลัก เขาไม่ได้ควบคุมแรงให้ดี นอกจากนี้ มู่หรงเสวี่ยเองก็ถูกลวกด้วยเหมือนกันแล้วยังถูกผลักล้มไปที่พื้นอีก หัวเธอชนเข้ากับตู้ เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก

ไป๋เสวี่ยหลี่ร้องคร่ำครวญ ชางกวนโม่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองผลักมู่หรงเสวี่ย เขาเห็นเพียงแค่ว่ามือของไป๋เสวี่ยหลี่ที่แดงและบวม นอกจากนี้น้ำตาของไป๋เสวี่ยหลี่ก็ไหลออกมาอย่างกับสั่งได้ ชางกวนโม่โกรธมากจึงพูดออกไป “เป็นอะไรของเธอเนี่ย?” เขาตกใจหลังจากที่ได้เห็นภาพของมู่หรงเสวี่ย

เมื่อเขากำลังจะเข้าไปช่วยมู่หรงเสวี่ย จางหลินหลี่ที่บังเอิญเดินเข้าประตูมาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงรีบเข้ามาช่วยพยุงมู่หรงเสวี่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอหัวแตกและมือก็บวมแดงด้วยเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่พอใจเพื่อนตัวเองอย่างมาก

“เสี่ยวเสวี่ยไปกันเถอะ หัวคุณกระแทกแรงมาก ไปที่ห้องข้างๆก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวผมจะทำแผลให้…”
มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าชางกวนโม่ไม่ได้ตั้งใจแต่กลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บมากกว่าที่หัวซะอีก เขาผลักเธอออก สัญชาตญาณแบบนี้ทำให้เธอเสียใจ เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับจางหลินหลี่ที่กำลังจับมือเธออยู่

ชางกวนโม่อยากที่จะวิ่งตามออกไป แต่ไป๋เสวี่ยหลี่รีบดึงเสื้อเขาไว้ “พี่ใหญ่ มือฉันเจ็บมากเลย…หื้อหื้อ…”

เขาเห็นอยู่ว่ามันร้ายแรงแต่เพื่อนเขาก็มาช่วยเธอทำแผลแล้ว แต่ไป๋เสวี่ยหลี่มีเพียงเขาที่อยู่ข้างเธอคอยปลอบใจและช่วยเลือกหมอมาเพื่อทำแผลให้ไป๋เสวี่ยหลี่

หลังจากเวลาผ่านไป ชางกวนโม่ก็ถามว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น “เสวี่ยหลี่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? โจ๊กหกแบบนั้นได้ยังไง?”

“พี่ใหญ่ ฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่อยากจะเอื้อมไปหยิบถ้วยแล้วอยู่ดีๆมันก็หก…หื้อหื้อ…”

ชางกวนโม่ขมวดคิ้ว จากตามที่เขาเข้าใจ มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่คนที่รอบคอบเท่าไร บางทีมันอาจจะหลุดมือ เขาคิดถึงภาพที่เธอล้มลงกับพื้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชางกวนโม่รู้สึกเจ็บปวดในหัวใจและเขารู้สึกเสียใจมากจนต้องกำหมัดแน่น

ไป๋เสวี่ยหลี่มองท่าทางวุ่นวายใจของชางกวนโม่อย่างไม่พอใจเท่าไรแล้วก็รีบเปลี่ยนสีหน้า “พี่ใหญ่ พี่คิดว่าคุณมู่หรงไม่ชอบฉันหรือเปล่า? ครั้งก่อนที่เธอช่วยฝังเข็มให้ฉันเธอดูเย็นชามากเลย…เธอไม่พอใจหรือเปล่า?…หื้อหื้อ…” ไป๋เสวี่ยหลี่พูดแบบไม่พอใจเท่าไรและร้องไห้เบาๆ

ชางกวนโม่มองอย่างเย็นชา “อย่าพูดแบบนี้ มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น…เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปเธอก็จะได้รู้เองว่าเธอเป็นคนดีแค่ไหน แต่บางครั้งเธอก็มีท่าทางเย็นชาไปบ้าง…” ชางกวนโม่คิดถึงตอนที่ได้เห็นได้เจอมู่หรงเสวี่ยครั้งแรก เธอจะแสดงท่าทางเย็นชาและพยายามที่จะแยกตัวออกจากคนรอบข้าง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชางกวนโม่ตั้งใจที่จะลุกขึ้นเพื่อไปดูว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นยังไงบ้าง

เมื่อไป๋เสวี่ยหลี่เห็นแบบนี้เธอก็ค่อยๆดึงแขนเสื้อของชางกวนโม่ไว้เบาๆ “พี่ใหญ่ มือของฉันเจ็บมากเลย คุณอาฟางยังไม่กลับมาด้วยแต่ฉันหิวอยู่นิดหน่อย พี่ช่วยป้อนฉันทีได้ไหม?”

ชางกวนโม่มองไปที่มือที่ถูกพันผ้าพันแผลไว้ เธอกินเองไม่ได้จริงๆ เขาจึงทำได้เพียงเดินกลับไปหยิบถ้วยโจ๊กอีกครั้ง เขาเพียงจะป้อนข้าวไป๋เสวี่ยหลี่ก่อนแล้วค่อยไปดูมู่หรงเสวี่ย

ที่อีกฝั่งที่ห้องข้างๆ
มู่หรงเสวี่ยปล่อยให้จางหลินหลี่ทำแผลอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าคงจะเจ็บน่าดูและกลับไม่มีเสียงร้องออกมาเลย จางหลินหลี่ตรวจหัวเธออย่างละเอียด เย็บแผลไปหลายเข็มและก็มีเลือดไหลซึมออกมานิดหน่อย เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนเขาจะผลักเธอแรงขนาดนี้ ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเดินเข้าประตูไปและเห็น มู่หรงเสวี่ยกำลังถือถ้วยโจ๊ก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าไป๋เสวี่ยหลี่ตั้งใจทำให้โจ๊กหกใส่มือพวกเธอทั้งคู่ เขารู้ว่าเสวี่ยหลี่ที่ใสซื่อคนนั้นไม่ได้ใสซื่อเลย

เมื่อเห็นท่าทางนิ่งเงียบของมู่หรงเสวี่ย ในใจเขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ทำให้คนแบบเขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไรจึงอดไม่ได้ที่อยากจะปลอบใจเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม บางทีอาจจะเป็นเพราะความเมตตาของความเป็นหมอ เขาไม่ชอบการได้เห็นเด็กสาวที่นั่งซึมแบบนี้เลย “มู่หรงเสวี่ยยังเจ็บอยู่เหรอ?” น้ำเสียงเจ็บปวดจนเขาปกปิดไว้ไม่ได้ง่ายๆ

มู่หรงเสวี่ยดึงสติกลับมา ยิ้มเล็กน้อยแต่กลับดูเหมือนจะร้องไห้มากกว่า “ไม่เจ็บหรอกค่ะพี่จาง ขอบคุณนะคะ”

เขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นไปอีกและเริ่มจะสงสัยว่านี่เขาชอบเธอจริงๆหรือเปล่า? ถ้าเขาชอบเธอแล้วทนที่เธอเจ็บปวดได้ยังไง? เขารู้ว่าตัวเองควรที่จะระวัง แต่ก็อดลืมท่าทางกังวลตอนที่เห็นสิ่งที่ไป๋เสวี่ยหลี่ทำและตอนที่เขาผลักเธอกระเด็นไม่ได้

“ไม่ต้องยิ้มหรอกถ้าไม่อยาก โม่มันไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เธอเสียใจหรอก…” แม้ว่าเขาจะคิดว่าคำอธิบายนั้นซีดไปหน่อย

ใช่เหรอ?!? ไม่ได้ตั้งใจเหรอ!? แม้แต่ที่เธอออกมานานขนาดนี้แต่เขาก็ยังไม่เขามาดู นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มจะรู้สึกว่าการที่ชางกวนโม่บอกว่าชอบเธอก่อนหน้านี้ มันเป็นความฝันหรือเปล่า?!

“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ…” แต่เพราะท่าทางที่ไม่ตั้งใจของเขากลับยิ่งทำให้เธอเสียใจมากขึ้นไปอีก เธอเทียบไม่ได้กับมือของน้องสาวเขาด้วยซ้ำ

“อีกเรื่องนะ ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นแพทย์จีนโบราณเหรอ?! คุณไปเริ่มเรียนตั้งแต่เมื่อไรเหรอ?” บรรยากาศเงียบทำให้จางหลินหลี่รู้สึกอึดอัด จึงรีบที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย

เมื่อพูดถึงการแพทย์จีนแผนโบราณ มู่หรงเสวี่ยก็ดูจะสดใสขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันเพิ่งจะเรียนมาได้สองปีเองค่ะ ยังมีข้อบกพร่องอีกมาก คุณอย่าไปฟังที่พี่โม่พูดเลยนะคะ!”

“อะไรนะ?! คุณบอกว่าเรียนได้สองปีเองงั้นเหรอ?! คุณเป็นคนที่รักษาเสวี่ยหลี่ไม่ใช่เหรอ?” เขาคิดว่าเธอเรียนรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆจนทำให้เธอมาประสบความสำเร็จได้แบบในตอนนี้ แต่เธอกลับบอกว่าเพิ่งจะเรียนได้เพียงแค่สองปีเอง
พระเจ้า! อันที่จริงเธอเรียนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วแต่จะให้เธอพูดแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? ไม่ได้!!!

“พี่จาง ไม่ต้องประหลาดใจอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเพิ่งจะรู้มาว่าการฝังเข็มแบบนี้จะช่วยกระตุ้นเซลล์สมองและพลังการทำงานของร่างกายได้ ไม่ได้เก่งอะไรมากแบบที่พี่คิดหรอกค่ะ…” มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างถ่อมตัว