ในที่สุดเมื่อหานลี่และวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์กำลังเผชิญหน้ากันนั้น ในทางเดินสายหนึ่งที่มีไอมารราวกับเขาวงกต หญิงสาวเผ่าผลึกเซียนเซียน และเงาลวงตากิเลนสีเขียวที่มีม่านลำสแงสีดำเข้มปกคลุมอยู่ตัวนั้นก็หยุดฝีเท้า

 

 

ห่างจากพวกเขาไปสิบจั้งเศษ เป็นกำแพงหินสีดำสนิท มาสุดทางเดินแล้ว ไม่อาจตรงไปต่อได้อีก

 

 

“น่าจะเป็นที่นี่แหละ!” เงาลวงตากิเลนแววตาเปล่งประกาย แล้วถึงได้เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ

 

 

“เงากิเลน อย่าพลาดล่ะ ธงอาคมเปิดรังวิญญาณเป็นของใช้แล้วทิ้ง และยิ่งไปกว่านั้นข้ายังหลอมออกมาได้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” เซียนเซียน กลับเอ่ยอย่างระมัดระวังมาก

 

 

“ระวังหน่อยก็เป็นสิ่งที่สมควร รอข้าสักประเดี๋ยว” กิเลนสีเขียวเอียงศีรษะ แล้วเอ่ยอย่างเห็นด้วย

 

 

จากนั้นมันพลันอ้าปากพ่นไข่มุกกลมสีเขียวออกมาเม็ดหนึ่ง

 

 

ไข่มุกกลมนี้หมุนติ้วๆ แล้วกลายเป็นหมอกสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนไปทางกำแพงหินฝั่งตรงข้าม

 

 

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น

 

 

หลังจากที่หมอกลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในกำแพงหินแล้ว ฉับพลันนั้นก็มีเสียงร้องคำรามดังออกมาจากส่วนลึกของกำแพงหิน จากนั้นผิวของกำแพงหินก็มีลำแสงสีดำสว่างวาบ ม่านลำแสงสีเขียวถูกพลังมหาศาลอะไรสักอย่างผลักออก ดีดออกมาจากกำแพงหิน

 

 

ลำแสงวิญญาณเปล่งประกาย หมอกลำแสงสีเขียวผนึกรวมตัวกัน แล้วกลับคืนเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่งดั่งเดิมอีกครั้ง

 

 

“น่าจะไม่มีปัญหา! เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่” กิเลนสีเขียวอ้าปากออกดูดไข่มุกเข้าไปในร่าง แววตาฉายแววตื่นเต้นดีใจขณะเอ่ย

 

 

“เยี่ยม ข้าจะวางเขตอาคม เปิดรังวิญญาณ!” เซียนเซียน ได้ยินคำรับประกันของกิเลนขนาดจิ๋ว ก็เผยสีหน้าดีใจออกมาขณะเอ่ยคำพูดเช่นกัน

 

 

จากนั้นนางก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือมีธงอาคมสีเขียวที่เตรียมเอาไว้แล้วปรากฏขึ้น

 

 

ธงอาคมเหล่านี้ดูเหมือนธรรมดาสามัญ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดกลับจะเห็นว่า ส่วนลึกของผิวด้านซ้ายและขวาของธงอาคม มีเส้นไหมบางๆ สีทองเงินฝังเอาไว้อย่างหนาแน่น ราวกับตาข่ายแมงมุมเป็นชั้นๆ อย่างไรอย่างนั้น

 

 

เซียนเซียน สะบัดข้อมือ

 

 

ลำแสงสีเขียวยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกมาราวกับดาบตก แต่ก็หยุดชะงักระหว่างทางแล้วผนึกรวมตัวกันที่ใจกลาง

 

 

ชั่วพริบตาเขตอาคมสีเขียวขนาดสองสามจั้งก็ปรากฏขึ้น และเปล่งแสงสว่างวาบพลางจมหายเข้าไปในกำแพงหินฝั่งตรงข้าม

 

 

แต่ในกำแพงหินกลับเงียบสงัด คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยสักนิด

 

 

เซียนเซียน กลับดูเหมือนว่าจะคาดการณ์เอาไว้นานแล้ว จึงไม่ได้สนใจพลางตะปบสองมือออกไปกลางอากาศ

 

 

มือข้างหนึ่งมีระฆังสีฟ้าปรากฏขึ้น อีกข้างหนึ่งกลับมีหรูอี้สีขาวปรากฏขึ้น ระฆังมีสีสันแวววาว ด้านในมีของเหลวสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบแฝงอยู่ ดูแล้วงดงามเป็นอย่างมาก ส่วนหรูอี้มีรูปทรงเก่าแก่โบราณ ผิวเป็นสีดำสนิท แม้กระทั่งชำรุดไปเล็กน้อย

 

 

หญิงสาวเผ่าผลึกมองสมบัติสองชิ้นในมือด้วยความเจ็บปวดเล็กๆ คาดไม่ถึงว่าจะโยนทั้งสองออกไปด้านหน้า

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีฟ้าและลำแสงสีขาวพลันบินพุ่งออกไปพร้อมกัน และหลังจากหมุนวนกลางอากาศ ก็เปลี่ยนทิศทางมาปะทะกัน

 

 

หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น สมบัติทั้งสองชิ้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบ เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยลงมาด้านล่างพร้อมกัน

 

 

หลังจากที่ลำแสงหม่นลง กลางอากาศกลับมีของเหลวสีฟ้าและแดงสองชนิดเพิ่มขึ้นมา ลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ

 

 

เงากิเลนขนาดจิ๋วที่อยู่ใกล้เคียงเห็นสองสิ่งนี้ แววตาพลันอดที่จะเผยความละโมบออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็ควบคุมได้และสลายหายไป แต่ปากก็ยังคงเอ่ยพึมพำออกมาอย่างอดไม่อยู่

 

 

“อสูรปราณแปดขานี้ โลหิตวิญญาณของวิหคอมตะเป็นสิ่งที่เจ้าเกือบจะสูญเสียข้าวของทั้งหมดในรอบสองสามร้อยปีถึงได้โชคดีรวบรวมมาได้ และได้เลี้ยงดูสมบัติวิเศษทั้งสองชนิดมาเกือบร้อยปี หากกินเข้าไปเปล่าๆ ก็เพียงพอจะล้างไขกระดูกเส้นเอ็นกายเนื้อของเจ้า แม้แต่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของข้าก็ยังได้รับประโยชน์จากมันไม่น้อย”

 

 

“เผ่าผลึกของพวกเราไม่เหมือนกับเผ่าธรรมดาๆ โลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ไม่มีผลต่อพวกเรามากมายอย่างที่เจ้าคิดเอาไว้ และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะเป็นโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่ล้ำค่า แต่ก็ไม่อาจเทียบกับประโยชน์จากในรังของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ได้” เซียนเซียน กลับเผยความเยือกเย็นเป็นพิเศษออกมา

 

 

“หึๆ กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิด! เผ่าผลึกของพวกเจ้ามีคุณสมบัติค่อนข้างพิเศษ การนำของในรังของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ออกมาได้ถึงจะมีประโยชน์ต่อเจ้าจริงๆ ใช้พวกมันเป็นกุญแจเปิดโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถึงอย่างไรเสียเจ้าและข้าก็มีความสัมพันธ์ครึ่งชีวิตกัน หากไม่มีโลหิตบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ก็ไม่อาจทำให้รังวิญญาณปรากฏและหลับใหลได้ นอกจากจิตวิญญาณเที่ยงแท้แล้ว หากอยากเปิดรังของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ก็เป็นเรื่องที่ยากแสนยาก” เงากิเลนหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยสนับสนุน

 

 

หลังจากที่หญิงสาวเผ่าผลึกเปล่งหัวเราะออกมา ก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรอีก นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมไปมาอย่างรวดเร็ว

 

 

อาคมเป็นสายๆ พุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในของเหลวทั้งสองกลุ่ม

 

 

ส่วนของเหลวทั้งสองกลุ่มนั้นหลังจากดูดซับคาถานั้นไปแล้ว ก็หมุนติ้วๆ รวมตัวเป็นก้อนเดียวกัน กลายเป็นไข่มุกกลมสีฟ้าสลับแดง

 

 

เซียนเซียน ชี้นิ้วไปกลางอากาศ ดวงแสง บินไปทางกำแพงหิน

 

 

ส่วนลึกของกำแพงหินมีเสียงกรีดร้องทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นผิวของกำแพงหินก็มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เขตอาคมสีเขียวที่ก่อนหน้านี้จมหายไปเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

ในเขตอาคมนี้มีอักขระปรากฏออกมา หมุนวนเล็กน้อยแล้วบินออกจากหมอกสีเขียว ม้วนเอาดวงแสงสีฟ้าแดงเอาไว้ข้างใน

 

 

จากนั้นทั้งเขตอาคมก็พลิ้วไหว จมหายเข้าไปในกำแพงหินแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

หญิงสาวเผ่าผลึกเห็นเช่นนั้น ก็ร่ายอาคมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สองมือร่ายคาถาไปมาไม่หยุด กำแพงหินไม่ได้เงียบกริบเหมือนครั้งก่อน ผิวของมันมีลำแสงสีดำไหลโคจรไปมา จากนั้นก็บิดเบี้ยวราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

 

 

จากนั้นกำแพงหินก็แตกออก ของที่มีลำแสงลุกโชนทะลักออกมาจากกำแพงหิน

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นใบหน้าลำแสงขนาดสองสามจั้ง นอกจากดวงตาสองข้าง จมูกและปากกว้างๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก ดูไม่ออกว่าอายุอานามเท่าไหร่

 

 

หลังจากที่ใบหน้าปรากฏขึ้นกลับหลับตาทั้งสองข้าง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก

 

 

“เร็วเข้า ตอนนี้แหละ!” เงากิเลนเห็นใบหน้าลำแสงนี้ ก็เอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน

 

 

เซียนเซียน เองก็ตะคอกออกไปอย่างตึงเครียด สองมือร่ายอาคมกระตุ้น

 

 

เขตอาคมลำแสงสีเขียวที่สลายหายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่แค่กะพริบวาบ ก็สลายหายไป ที่เดิมเหลือเพียงดวงแสงของเหลวสีฟ้าแดงนิ่งงันอยู่

 

 

ราวกับว่าถูกเขตอาคมลำแสงสีเขียวทำให้ตื่นจากการหลับใหล

 

 

ใบหน้าอันใหญ่โตเริ่มขยับ ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรีออกมา

 

 

มันจ้องเขม็งไปยังโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้สีฟ้าแดงตรงหน้า ฉับพลันนั้นก็ยื่นใบหน้าใหญ่ๆ ออกมา อ้าปากออกกลืนของเหลวลงไป จากนั้นใบหน้าก็มีลำแสงสีฟ้าแดงเปล่งแสงสว่างวาบ เผยสีหน้าพึงพอใจและสุขสบายออกมา

 

 

หลังจากที่สายตากวาดไปยังเซียนเซียน ที่อยู่ไกลออกไปอีกครั้ง ก็อ้าปาก ปากขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วครู่ก็มีขนาดแทบจะเท่ากับใบหน้า

 

 

จากนั้นลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ใบหน้าใหญ่แข็งค้างกลายเป็นก้อนหินสีขาว อ้าปากออกแล้วกลายเป็นทางเดินทอดยาวสีขาวโพลน ลาดลงไปยังใต้ดินที่ไม่รู้จัก

 

 

“สำเร็จแล้ว รังวิญญาณหลับสนิทแล้ว พวกเรารีบเข้าไปเถิด” เงากินเลนร้องอุทานด้วยความดีใจ

 

 

ใบหน้าของเซียนเซียน ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างไม่อาจปิดบังได้ หลังจากพยักหน้า ก็สะบัดแขนเสื้อโดยไม่ปริปาก ชั่วขณะนั้นพลันม้วนเงากิเลนเข้าไป จากนั้นร่างกายพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งไป

 

 

หลังจากที่ลำแสงหลีกหนีพลิ้วไหวที่ปากถ้ำก็สลายหายไป

 

 

ชั่วพริบตานั้นหญิงสาวเผ่าลึกและเงากิเลนพลันพุ่งเข้าไปในทางเดินด้วยความดีอกดีใจ และไม่ได้สังเกตเห็นว่าตรงมุมของกำแพงหินมีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบอย่างไม่สะดุดเลยสักนิด มันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากผ่านไปชั่วครู่ ดอกไม้สีทองดอกหนึ่งก็บินออกมาจากไอมารด้านหลัง หมุนวนในบริเวณนั้น แล้วจมหายเข้าไปในทางเดินสีขาว

 

 

ในเวลาเดียวกันด้านนอกภูเขา ลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากขอบฟ้า แค่กะพริบวาบเงาร่างคนสายหนึ่งก็มาปรากฏตัวตรงทางเข้าทางเดินไอมาร

 

 

คนผู้นี้สวมชุดเกราะสงครามสีเงิน สีหน้าเคร่งขรึม นั่นก็คือบุรุษแซ่กุยผู้นั้น

 

 

“เขตอาคมตักเตือนที่ข้าทิ้งไว้ก่อนหน้าถูกสัมผัสแล้ว คิดไม่ถึงว่าสองคนนั้นจะมาเพื่อรังของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ เยี่ยม เยี่ยมมาก ข้าจะได้ไม่ต้องเสียแรงเปิด” บุรุษแซ่กุยเอ่ยพึมพำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

 

จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตพุ่งเข้าไป

 

 

และไม่รู้ว่าลำแสงโลหิตที่เขาฝึกฝนมีอิทธิฤทธิ์ใด เมื่อสัมผัสกับไอมารก็ทยอยกันหมุนตัวดีดออก ชั่วพริบตาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

และหลังจากที่บุรุษแซ่กุยเข้าไปในไอมารได้ไม่นาน กลางแถวนั้นก็มีลำแสงสีเงินสว่างวาบ เงาร่างเล็กๆ ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้น

 

 

นั่นก็คือหญิงสาวนามว่าจิ่วเยี่ย

 

 

นางมองไปยังทางเดินที่มีไอมารดุเดือด ใบหน้าล้วนมีสีหน้าตกตะลึง

 

 

“ไอมารที่นี่หนาแน่นขนาดนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงนายท่านสองสามคนที่จะมีอิทธิฤทธิ์ถึงเพียงนี้ได้ หรือว่าเป็นถ้ำพำนักลับของมารเหล็กหรือแขนโลหิต?” หญิงสาวร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

 

 

แต่ใบหน้ากลับมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็ตบเท้ากลายเป็นลำแสงสีเงินสายหนึ่งจมหายเข้าไปด้านใน

 

 

ในฐานะมารอสูรระดับสูงอย่างนาง เมื่ออยู่ในไอมารก็เหมือนกับเสือติดปีก แน่นอนว่าย่อมไม่หวาดกลัวเลยสักนิด

 

 

……

 

 

หานลี่ยืนอยู่ตรงมุมของห้องโถง สองฝั่งของหัวไหล่มีศีรษะสีทองเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันตรงซี่โครงก็มีแขนสีทองสี่แขนงอกออกมาเช่นกัน

 

 

แขนทั้งสี่ถือ ‘ไม้เท้า’ ‘สาก’ ‘กรงล้อ’ ‘ไม้บรรทัด’ ที่เปล่งแสงสีทองระยิบระยับเอาไว้พร้อมใบมีดเอาไว้ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทั้งสองไขว้กัน แต่ละอันก็มีขนาดเท่ากำปั้น

 

 

อาวุธใบมีดทั้งสี่สั่นเทาไปมาไม่หยุดกลางอากาศ และเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญต่ำๆ ออกมา ราวกับว่ากินแรงเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ส่วนไอสีดำที่หมุนวนรอบๆ กำปั้นทั้งสองนั้น ก็มีระลอกคลื่นทะลักออกมาจากหัวไหล่เป็นบางครั้งคราว

 

 

แต่ม่านลำแสงแวววาวที่ดูเหมือนผลึกวารีซึ่งกำลังโจมตีมาตรงหน้าของหานลี่ ก็แยกออกเป็นสองฝั่งทันที ไม่อาจทำอันตรายได้เลยสักนิด

 

 

อีกด้านกลางอากาศที่ไกลออกไปแมลงกลืนทองขนาดเท่ากำปั้นสองตัว กำลังบินวนล้อมใบมีดชำรุดสีม่วง ไล่ตามกันไปมาไม่หยุด

 

 

ใบมีดชำรุดแค่ขยับก็วาดเป็นรอยสีม่วง สับแมลงกลืนทองตัวหนึ่งออกไปจนกลิ้งหลุนๆ ออกไปสิบจั้งเศษ

 

 

แต่แมลงกลืนทองอีกตัวกลับตามเข้ามากัดในทันที ทำให้ใบมีดชำรุดต้องถอยออกไปชั่วคราว

 

 

แม้ว่ามันจะทรงพลัง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจสับลงมาสองครั้งอย่างต่อเนื่องได้ และยิ่งไปกว่านั้นร่างเดิมยังดูเหมือนอ่อนแอ ทนแรงกัดของแมลงกลืนทองไม่ได้

 

 

แต่แมลงกลืนทองที่ถูกสับออกไป ก็แค่กระพือปีกทั้งสองข้าง และบินออกไปอีกครั้งอย่างไม่สนใจเลยสักนิด

 

 

บางทีจากระดับความชำนาญ ช่วงเวลาที่ใบมีดชำรุดเคลื่อนย้ายตัวยังเหนือกว่าแมลงกลืนทองสองตัว รอยกระบี่สีม่วงที่สร้างขึ้นก็รวดเร็วหาที่เปรียบมิอาจต้านทานได้

 

 

แต่ชั่วพริบตาก่อนการสร้างก็ยังหยุดชะงักเล็กน้อย

 

 

เช่นนั้นแม้ว่าใบมีดชำรุดนี้อยากเปลี่ยนเป้าหมาย สับมาทางหานลี่ แต่ก็ถูกแมลงกลืนทองสองตัวตามติด ใช้ร่างกายต้านทานเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

 

 

ท่าทางไม่อาจสลัดออกได้