ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 343 ร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ความสมดุลของแกนน้ำแข็งใยดินได้ถูกทำลายลงแล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะเหี้ยมโหดทารุณอย่างถึงที่สุด คิดอยากจะฟื้นฟูสมดุลขึ้นมาใหม่ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีเตากลืนดินช่วยขัดขวางการดูดกลืน ทว่าก็ไม่ดีนักที่จะหยุดอยู่ที่เดิมต่อไป จึงขับเคลื่อนกระสวยเบิกดินแดนทะลุผ่านดินเยือกแข็งและชั้นน้ำแข็งจากออกไปไกล

ด้านหลัง คลื่นคลั่งอันเย็นเฉียบไล่ตามมาตลอดทาง ทำให้ชั้นน้ำแข็งเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง พร้อมทั้งขยายตัวออกไปด้านนอกตลอดเวลา

จนกระทั่งหลังจากหนีออกไปเป็นระยะทางที่ห่างอย่างมากแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอถึงได้รู้สึกว่าคลื่นความเย็นที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ สงบลงไป

อาหู่เองก็นั่งอยู่ภายในกระสวยเบิกดินแดนเช่นกัน ยังนึกพรั่นพรึงในใจพลางหันกลับไปมอง

“คุณชายขอรับ ใยดินบังเกิดความเปลี่ยนเปลี่ยนมหาศาลเช่นนี้ จะส่งผลกระทบกับแผนการของท่านหรือw,j?”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นแล้วจึงกล่าว “ไม่เป็นไร ประจวบเหมาะอาศัยช่วงสุดท้ายนี้ มาทำให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุดพอดี สถานการณ์ในตอนนี้พอใช้ได้แล้ว”

“ทางฝั่งแดนใต้ ขอเพียงรอคอยอย่างช้าๆ ก็ใช้ได้แล้ว”

ชายหนุ่มขับเคลื่อนกระสวยเบิกดินแดนเดินทางขึ้นข้างบน ปรากฏสู่พื้นผิวบนทุ่งหิมะสุดขอบแดนเหนืออีกครั้ง

เมื่อหันศีรษะกลับมองไปยังทิศทางที่โพรงน้ำแข็งเมื่อครู่ตั้งอยู่นั่น ก็เห็นเพียงว่าที่นั่นยังคงมีแสงสีฟ้าพวยพุ่งขึ้นฟ้า ประเดี๋ยวปรากฏประเดี๋ยวหายไป ถึงแม้ว่าจะเริ่มลดลง กลับคืนสู่ความสงบนิ่งแล้ว แต่คล้ายกับยังคงสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้างอันน่าพรั่งพรึงนั่นได้

“พลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทำให้ผู้คนที่หยุดยลต้องชื่นชมออกมาอย่างแท้จริง” เยี่ยนจ้าวเกอชื่นชม

อาหู่กล่าว “คุณชาย ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? ย้อนกลับไปยังน้ำพุสีฟ้าที่จะใช้รักษาแม่ลูกสือจวินก่อนหน้านี้หรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “ยังไม่ถึงเวลา นับวันดูแล้ว การที่ที่นั่นจะสั่งสมพลังชีวิตได้ ยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง”

“ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะหยิบยืมพลังปะทุของแกนน้ำแข็งใยดิน ฝังจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์โดยส่วนมาก แต่ตำหนักอัสนีสวรรค์ยังคงมียอดฝีมือมีชีวิตรอดอยู่ ดูเหมือนว่ามหาปรมาจารย์แห่งสำนักเขานิมิตทมิฬผู้นั้น ก็หนีออกไปบนท้องฟ้าแล้วเช่นกัน”

“ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างไปตามทางของตัวเอง หนีออกไปคนละทิศคนละทาง ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างหายตัวไป แต่เกินกว่าครึ่งพวกเขาจะต้องอยู่แถบนี้ค้นหาพวกเราเป็นแน่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดอย่าหยุดอยู่แถวนี้ต่อไปอีก”

เขายิ้มน้อยๆ “เมื่อครู่เห็นว่ามีบางคนอยู่ด้วย กลับพิสูจน์ยืนยันบางเรื่อง จากอีกทิศทางหนึ่งแล้ว”

อาหู่แปลกใจอยู่บ้าง “คุณชาย?”

เยี่ยนจ้าวเกอนำหน้าเดินไปทางทิศตะวันตก ทิศทางนั้นเป็นทิศทางที่พวกเขามา ฝั่งนั้นเป็นร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง และเป็นที่รวมตัวของจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์

หากแต่จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์โดยส่วนมาก ล้วนถูกเยี่ยนจ้าวเกอฝังอยู่ภายในโพรงน้ำแข็ง และพลังที่คุ้มกันร่องรอยเอาไว้ ก็อ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้มากนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สุดท้ายแล้วจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งจะทิ้งอะไรเอาไว้กันแน่ ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อาจยืนยัน เป็นเพียงแค่การคาดเดาส่วนหนึ่ง

กระนั้นจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินโจวที่ถ่อมายังทุ่งหิมะสุดขอบแดนเหนืออันไกลโพ้น ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจว่าร่องรอยนี้ จะมีน้ำหนักไม่เบาเลย

ตามการคาดคะเนที่เยี่ยนจ้าวเกอมีต่อหลินโจว พี่ชายท่านนี้มาหาของวิเศษ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยไม่มีเป้าหมาย

กล่าวอีกแบบคือ นี่คือการรอโอกาสดีค่อยลงมือ ในเมื่อปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้ว ก็พิสูจน์ได้ว่ามีของดีจริงๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เดิมทีเนื่องด้วยเยี่ยจิ่งเป็นเหตุจึงได้ครองโอกาส เยี่ยนจ้าวเกอจะปล่อยผ่านไปอีกได้อย่างไรเล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังตำหนักอัสนีสวรรค์แยกออกเป็นสองทาง กำลังคนที่เดินทางมาที่นี่เพื่อหาเรื่องเยี่ยนจ้าวเกอ ได้ถูกปลิดชีพเกินกว่าครึ่ง เนื่องด้วยการระเบิดปะทุของแกนน้ำแข็งใยดินแข็งเป็นเหตุ

จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ตอนนี้คุ้มกันร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งไว้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ถือสาที่จะถลันไปหาสักหน่อย

เรื่องวังสุสานทุ่งร้างแดนใต้ได้สำเร็จลงแล้ว เพียงรอเวลาบ่มเพาะเงียบๆ ก็ใช้ได้ ส่วนเงื่อนไขในการช่วยรักษามารดาบุตรสือจวินยังคงไม่สมบูรณ์ เรื่องร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ก็เข้าสู่ครรลองสายตาเยี่ยนจ้าวเกอ

ตัดทอนศัตรู หรือเสริมแกร่งตนเอง ทั้งสองเงื่อนไขล้วนเป็นทางที่สามารถบรรลุได้

ในเวลานี้ กลับไปลอบโจมตีที่ร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งนั่น เป็นจังหวะโอกาสที่เหมาะสมที่สุดเช่นกัน

หลังจากนี้ไม่มุ่งเน้นแบ่งแพ้ชนะ หากแต่ผละหนีอย่างฉับไว เมื่อทำเช่นนี้แล้ว จะโยกย้ายศัตรู ทำให้อีกฝ่ายยากจะจับเป้าหมายที่แท้จริงของเราได้

“พูดถึงหลินโจวคนนี้ ไม่พบกันหลายวัน ดูเหมือนว่าจะได้ของมาไม่น้อย กระทั่งของชนิดข่ายอาคมกลุ่มหยินหยางกลับด้านนี้ยังปรากฏออกมาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางตนเอง “แสงสายฟ้าสีขาวเงินที่ทลายชั้นน้ำแข็งกับดินเยือกแข็งภายในโพรงน้ำแข็ง มีความรู้สึกว่าคุ้นเคยอยู่บ้างเช่นกัน เหมือนว่าเคยได้ยินมาก่อน เป็นของสิ่งใดกันนะ?”

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดไปพลาง หรี่ตาเป็นเส้นตรงไปพลาง “หลินโจว เหอะ…”

ตลอดทางไปยังทิศตะวันตก บุกป่าฝ่าดงต่อเนื่องหลายวัน สุดท้ายเงาร่างของจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่อีกครั้ง

ชายหนุ่มสยายปีกเซียนกระเรียนด้านหลังออก โถมเข้าไปอย่างเร็วรี่ ชั่วพริบตาเดียวสังหารจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์โดยรอบไปหลายคน

ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่คุ้มกันที่แห่งนี้ ยังมีระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสี่ ขั้นรูปญาณระยะต้นอีกสองคน

เมื่อได้รับสัญญาณเตือนว่าเยี่ยนจ้าวเกอบุกรุกโจมตี ก็ดาหน้าขึ้นมาทันที

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นสถานการณ์ดังนั้น กลับยังคงสีหน้าท่าทางสุขุม ภายในดวงตาขวาทอประกายแสงสายฟ้าสีม่วงแกมน้ำเงิน ชั่วขณะถัดมา มุกวิเศษสีม่วงก็ลอยอยู่เหนือศีรษะเขาเม็ดหนึ่ง

ซึ่งมันแปรเปลี่ยนมาจากเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า

แสงอสนีบาตส่องแสงวาบ ราวกับเทพอัสนีกะพริบตา

สายฟ้าชั่วพริบตาอันน่าพรั่นพรึงก็ฟาดลงมาอีกครั้ง อสนีบาตอันบ้าคลั่งฉีกมิติออกมา

มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณอีกฝ่ายคนหนึ่งหลบไม่ทันโดยสิ้นเชิง แสงสายฟ้าอันวับวาบและรุนแรงมาถึงตรงหน้าเขา กลืนกินเขาเข้าไปทั้งหมด!

อีกคนหนึ่งช่วยเอาไว้ไม่ทัน พลันโกรธจัด ถลันเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ

ร่างของอีกฝ่ายวับวาบราวกับแสงสายฟ้าก็ไม่ปาน ชั่วพริบตาเดียวเลือนหายไปต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

สายฟ้าน่าพรั่นพรึงส่องสว่างขึ้นก่อน จากนั้นถึงเป็นเสียงฟ้าผ่าดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ประกายดาบส่องสว่างขึ้นบนฟ้าดิน ประหนึ่งกับเทพอสนีบาตจุติลงมาจากสวรรค์ ผ่าลงไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ตระหนกตกใจแต่อย่างใด ขณะที่ยกมือขึ้น กระบองหินสั้นเล่มหนึ่งก็ลอยออกมา เมื่อปะทะลมก็ยาวขึ้น ชั่วเสี้ยวขณะกลายเป็นเสาทางเดินวังเทพที่สูงใหญ่

ประกายดาบผ่าลงไปบนเสาทางเดินวังเทพประหนึ่งสายฟ้า ระหว่างที่เสาทางเดินวังเทพสั่นสะเทือน ไอหมอกแสงหลายสายก็ยื่นขยายออกไปทั่วสารทิศ

หมอกแสงแต่ละเส้นเหล่านั้นก่อตัวเป็นลวดลายค่ายกลแต่ละสาย ตัดสลับกันอยู่กลางฟ้าดิน โดยมีเสาทางเดินวังเทพเป็นศูนย์กลาง กอปรกันเป็นค่ายกลขนาดมหึมา

เมือค่ายกลกดระงับลงมา แสงสายฟ้าก็ค่อยๆ สลัวสงบนิ่งลง

เสาหินมหึมาร่วงลงจากฟ้า ค่ายกลครอบไปโดยรอบ กดมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณของตำหนักอัสนีสวรรค์คนนั้นไว้เบื้องล่าง

อีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดอยากหลีกหนี แต่กลับรู้สึกเพียงว่าร่างของตนคล้ายกับถูกหยุดนิ่งไว้ ยากจะเคลื่อนที่

ยามนี้หยิ่งทะนงในความเร็วของตนอย่างไรก็สูญเปล่า เพราะสูญเสียพื้นที่ให้ได้ใช้กำลัง ทำได้เพียงกัดฟันต้านทานเท่านั้น

สีหน้ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณผู้นี้ผิดแผกไปจากปกติ เขาเหยียดฝ่ามือทั้งสองขึ้นไปข้างบน ยันเสาทางเดินวังเทพที่ทุบลงมาเอาไว้

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้ยุ่งกับเขามากนัก มือข้างหนึ่งคว้าอาหู่ไว้ แล้วสยายปีกเซียนกระเรียนออก ยกระดับความเร็วถึงที่สุด ชั่วพริบตาเดียวก็ทิ้งบรรดาจอมยุทธ์อัสนีไว้เบื้องหลัง

มีจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์คนอื่นพยายามจะรุดขึ้นหน้ามาขัดขวางไว้ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอสั่นปีกเซียนกระเรียนครั้งหนึ่ง ขนนกเหนือปีกทั้งสองกลายเป็นแสงขนนกทั่วบริเวณ

หลังจากตีฝ่าแนวป้องกันของทุกคนแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็โบกมือ เสาทางเดินวังเทพทอแสงระยับลอยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันหดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลับไปเป็นกระบองหินสั้น ตกลงในมือชายหนุ่มอีกครั้ง

ฝีเท้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดนิ่งแม้แต่น้อย ระหว่างที่ปีกทั้งสองข้างด้านหลังสั่นกระพือ วาดเส้นโค้งนิ่มนวลงดงามเส้นหนึ่งผ่านท้องฟ้า เขาก็โถมลงไปภายในทะเลสาบน้ำแข็ง บริเวณที่มีร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง!

…………..